คลับเมดทุบสถิติผลประกอบการสูงสุดปี 67 แรงจากตลาดพรีเมียม
คลับเมดทำสถิติผลประกอบการสูงสุดปี 2567 แรงหนุนจากตลาดพรีเมียมและรีสอร์ตบนภูเขา เตรียมขยายลงทุนต่อเนื่องรับปี 2568
คลับเมด (Club Med) ผู้นำด้านการพักผ่อนแบบออลอินคลูซีฟระดับพรีเมียม ประกาศผลประกอบการปี 2567 ทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ด้วยปริมาณธุรกิจ (Business Volume) รวมกว่า 2.09 พันล้านยูโร เพิ่มขึ้น 7% จากปี 2566 ตอกย้ำความสำเร็จในการยกระดับแบรนด์สู่ตลาดพรีเมียมและ Exclusive Collection โดยเฉพาะอย่างยิ่งรีสอร์ตบนภูเขาที่มีการเติบโตโดดเด่นถึง 20% คิดเป็นกว่า 35% ของปริมาณธุรกิจทั้งหมด สะท้อนความนิยมที่เพิ่มขึ้นของการท่องเที่ยวแบบสกีและประสบการณ์บนภูเขา
เรเชล ฮาร์ดิง ประธานกรรมการบริหาร ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออก เอเชียใต้ และแปซิฟิก (ESAP) กล่าวว่า “ผลประกอบการที่แข็งแกร่งในปี 2567 เป็นข้อพิสูจน์ถึงความแข็งแกร่งของโมเดลพรีเมียมออลอินคลูซีฟของเรา ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการของนักท่องเที่ยวที่มองหาวันหยุดแบบไร้กังวล ในโอกาสครบรอบ 75 ปีในปี 2568 นี้ เรายังคงมุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์วันหยุดที่เหนือระดับ และขยายการดำเนินงานทั่วโลก”
ผลการดำเนินงานที่โดดเด่นทั่วโลกในปี 2567
ปริมาณธุรกิจรวม: 2,090 ล้านยูโร เพิ่มขึ้น 7% (เมื่อคิดในอัตราแลกเปลี่ยนคงที่)
- การยกระดับสู่พรีเมียม: รีสอร์ตทั้งหมดได้รับการยกระดับเป็นประเภทพรีเมียมและ Exclusive Collection ตั้งแต่เดือนเมษายน 2567
- จำนวนลูกค้า: มากกว่า 1.5 ล้านคน เพิ่มขึ้น 1%
- อัตราการเข้าพักเฉลี่ย: 75% เพิ่มขึ้น 2 จุด สำหรับรีสอร์ตพรีเมียมและ Exclusive Collection
- ราคาห้องพักเฉลี่ยต่อวัน: 232 ยูโร เพิ่มขึ้น 7%
- การเติบโตของรีสอร์ตบนภูเขา: ปริมาณธุรกิจเพิ่มขึ้น 20% คิดเป็น 35% ของรายได้รวม
ความสำเร็จในภูมิภาค ESAP และประเทศไทย
ภูมิภาค ESAP มีการเติบโตอย่างโดดเด่นถึง 24% จากปีก่อนหน้า ด้วยจำนวนลูกค้ากว่า 260,000 คน โดยการเติบโตนี้มาจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของรีสอร์ตบนภูเขาในญี่ปุ่น จีน และเทือกเขาแอลป์ของยุโรป ซึ่งเติบโตถึง 57% รวมถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นในกลุ่ม Exclusive Collection
บรูโน คูร์เบต์ Country Director คลับเมดประจำประเทศไทย อินโดนีเซีย อินเดีย และตลาดใหม่ เปิดเผยว่า “ประเทศไทยมีการเติบโตที่โดดเด่น โดยมีปริมาณธุรกิจเพิ่มขึ้น 9.2% จากปีก่อนหน้า สกีรีสอร์ตในญี่ปุ่นยังคงเป็นแหล่งรายได้หลัก ขณะที่มัลดีฟส์และภูเก็ตก็ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ เรายังเห็นเทรนด์ใหม่ที่นักท่องเที่ยวไทยมองหาประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร รวมถึงการพักผ่อนเพื่อฟื้นฟูสุขภาพและการท่องเที่ยวแบบครอบครัวระดับพรีเมียม”
กลยุทธ์และเป้าหมายสำหรับปี 2568
คลับเมดยังคงเดินหน้าด้วยกลยุทธ์สำคัญ 3 ประการ ได้แก่
- ตอกย้ำความเป็นผู้นำในตลาดพรีเมียมแบบจ่ายครั้งเดียวจบ: แม้ในภาวะเศรษฐกิจผันผวน โมเดลออลอินคลูซีฟของคลับเมดตอบโจทย์ความต้องการวันหยุดแบบไร้กังวล
- ขับเคลื่อนความต้องการวันหยุดบนภูเขาฤดูร้อนและเทรนด์การท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์: โดยปัจจุบันคลับเมดมีรีสอร์ตบนภูเขา 11 แห่งทั่วโลก พร้อมมอบประสบการณ์ทั้งการเดินป่า เวลเนส และกิจกรรมผจญภัย
- ความมุ่งมั่นด้านความยั่งยืน: คลับเมดยังคงเดินหน้าตามกลยุทธ์ ‘Happy to Care’ เน้นการพัฒนารีสอร์ตที่ยั่งยืน การมอบประสบการณ์ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม และการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม
แผนการขยายและการปรับปรุงรีสอร์ต
ในปี 2568 เป็นต้นไป คลับเมดมีแผนการปรับปรุงและเปิดรีสอร์ตใหม่ทั่วโลก อาทิ
- Club Med Borneo (ซาบาห์ มาเลเซีย) - เปิดปี 2569: รีสอร์ตแห่งแรกในเอเชียแปซิฟิกที่สร้างตามมาตรฐาน BREEAM
- Club Med South Africa Beach & Safari Resort (แอฟริกาใต้) - เปิดปี 2569: รีสอร์ตแห่งแรกของคลับเมดในแอฟริกาใต้
- Club Med Gramado (บราซิล) - เปิดปี 2569: รีสอร์ต Exclusive Collection แห่งแรกในอเมริกาใต้
- Club Med Musandam (โอมาน) - เปิดปี 2571: ออกแบบอย่างยั่งยืนด้วยมาตรฐาน BREEAM และ Green Globe
- Club Med ภูเก็ต (ปรับปรุงแล้วเสร็จปี 2568): ปรับปรุงพื้นที่ใจกลางรีสอร์ต เพิ่มโซน Family Oasis และห้องพักใหม่
- Club Med Bintan (ปรับปรุงเสร็จปี 2569): ปรับปรุงครั้งใหญ่เพื่อยกระดับประสบการณ์วันหยุดของครอบครัว
ด้วยผลประกอบการที่แข็งแกร่งและแผนการลงทุนที่ชัดเจน คลับเมดจึงพร้อมเดินหน้าสู่การเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2568 และในอนาคต เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของนักท่องเที่ยวทั่วโลก