มทภ.2 แถลงผล RBC ไทย-กัมพูชา ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบ 11 ข้อ เผยกัมพูชารอถก GBC เคาะเก็บกู้ทุ่นระเบิด-ปราบสแกมเมอร์
วันนี้ (27 สิงหาคม) ที่ทำการด่านศุลกากรช่องสะงำ อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ พล.ท. บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 แถลงข่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) ไทย-กัมพูชา ร่วมกับ พล.ท. โปว เฮง ผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 4 เป็นประธานร่วม
พล.ท. บุญสินกล่าวว่า ในส่วนของการวางระเบิดใหม่ของฝ่ายกัมพูชา หลังมีข้อตกลงหยุดยิงยังมีเกิดขึ้นถึง 2 ครั้ง และในการประชุมวันนี้ทางกัมพูชาก็ไม่ยอมรับ พร้อมยืนยันด้วยว่าได้ปฏิบัติตามอนุสัญญาว่าด้วยทุ่นระเบิดอย่างเคร่งครัด ซึ่งหากไทยพบว่ายังมีการวางทุ่นระเบิดอีก ก็พร้อมที่จะตอบโต้
พล.ท. บุญสินยังระบุด้วยว่า มีหลายข้อเสนอของฝ่ายกัมพูชาที่ไม่ได้นำเข้าประชุม เพราะเป็นเรื่องทั่วไป แต่โดยรวมต้องดูท่าทีการปฏิบัติของฝ่ายกัมพูชา โดยเฉพาะระดับผู้บังคับบัญชาว่าจะสามารถนำข้อตกลงไปสู่การปฏิบัติจริงได้หรือไม่ ซึ่งปัจจุบัน การวางกำลังของทั้งสองฝ่ายยังเท่าเดิมและอยู่ในจุดเดิมอาจจะมีการเพิ่มเติมบางจุดของกัมพูชา ซึ่งเราได้เก็บหลักฐานไว้เพื่อดำเนินการประท้วงตามขั้นตอนต่อไปแล้ว
ทั้งนี้ การยิงผ่านมาไม่กี่วัน และทั้งสองฝ่ายมีการพูดคุยที่พัฒนา เพราะต่างฝ่ายไม่อยากให้เกิดความสูญเสียทั้งประชาชนและทหาร ทั้งนี้ยอมรับว่า เหตุการณ์ที่กัมพูชานำมวลชนมากดดันในพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 นำมาซึ่งข้อตกลง RBC ข้อที่ 4 ที่ระบุ ไม่ให้มีการยั่วยุทางทหารรวมถึงการใช้พลเรือน
พล.ท. บุญสินยังระบุด้วยว่า ได้ให้นโยบายกับผู้บังคับหน่วยว่าห้ามไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเด็ดขาด ถ้ามีท่าทีจะลุกล้ำอธิปไตยไม่ว่าใครก็ตาม ยืนยันว่ามีแผนปฏิบัติตามขั้นตอน จากมาตรการเบาไปหาหนัก และหลีกเลี่ยงไม่ให้ประชาชนของทั้งสองฝ่ายปะทะกัน พร้อมเชื่อมั่นว่า แม่ทัพภาคที่ 2 คนใหม่ จะสามารถรับมือได้
ทั้งนี้ที่ประชุมได้ลงนามข้อตกลงร่วมกัน 11 ข้อ ประกอบด้วย
1. ทุกฝ่ายเห็นพ้องว่า การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (GBC)ในห้วงที่ผ่านมามีผลบังคับใช้ และทั้งสองฝ่ายยอมรับทุกข้อ
2. ขอให้ทั้งสองฝ่ายได้ตกลง เรื่องการสื่อสารตามปกติ หมายถึง การติดต่อสื่อสารระหว่าง กำลังทหารในพื้นที่ให้มีมากขึ้น
3. ขอให้ทั้งสองฝ่าย เข้มงวด การออกข้อความที่เป็นเท็จในสังคม การสื่อสารทางออนไลน์ หรือโซเชียลมีเดีย ขอความร่วมมือโดยให้ ทั้งสองฝ่ายดูข้อเท็จจริง ดูมวลชนฝ่ายตัวเอง โดยฝ่ายไทยได้ขอให้ทางฝ่ายกัมพูชาไปกำกับดูแลในส่วนนี้ เพื่อระมัดระวังในการออกข้อมูลที่เป็นเท็จซึ่งจะนำมาซึ่งความไม่เรียบร้อยในประเทศ
4. ขอให้ทั้งสองฝ่ายไม่ขยายความขัดแย้ง โดยการกระทำใดๆ ไม่มีการยั่วยุทางด้านการทหาร รวมถึงการใช้พลเรือนยั่วยุ เพื่อให้เกิดความวุ่นวายในพื้นที่ตามแนวชายแดน ซึ่งทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกัน
5. การดำเนินการใดๆ ต่อที่ตั้งทางทหารของแต่ละฝ่าย ต้องได้รับความคุ้มครอง ให้มีความปลอดภัย โดยไม่กระทำต่อที่ตั้งของแต่ละฝ่าย หมายถึง การปรับปรุงฐานที่มั่น ต้องได้รับความคุ้มครอง เช่น การทำบังเกอร์ ห้ามมีการยั่วยุและทำร้ายซึ่งกันและกันในที่ตั้ง พร้อมขอให้ทั้งสองฝ่ายมีการลาดตระเวนเช่นเดิม ส่วนพื้นที่ในที่ตั้งหน่วยทหารต่างฝ่ายให้มีการปรับปรุงตามสมควร ไม่ให้มีการใช้อาวุธต่อที่ตั้งทหารซึ่งกันและกัน
6. ให้ทั้งสองฝ่ายเน้นย้ำถึงการพัฒนาเชิงบวกปฏิสัมพันธ์ในแง่ที่ดี หมายความว่า พบปะกัน พัฒนาความสัมพันธ์ไปในทิศทางที่ดี โดยขอความร่วมมือทหารระดับล่าง จนถึงระดับสูง ขอให้เพิ่มการพบปะพัฒนาสัมพันธ์ ให้มีความรู้สึกที่ดีต่อกัน
7. ให้ทั้งสองฝ่ายร่วมกันเก็บกู้ทุ่นระเบิดตามมนุษยธรรม ซึ่งทั้งสองประเทศเป็นสมาชิกอนุสัญญาออตตาวา จึงขอความร่วมมือไม่ให้ใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล โดยทางฝ่ายกัมพูชาได้เสนอว่า ในประเด็นนี้ขอนำไปสู่การประชุม GBC ครั้งหน้า เนื่องจากเป็นระดับนโยบาย แต่ในส่วนฝ่ายไทยยืนยันการประชุมในครั้งนี้ว่า ให้งดการใช้ทุ่นระเบิดตามหลักอนุสัญญาออตตาวา
8. ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบจัดตั้งชุดประสานงาน ซึ่งปัจจุบันมีอยู่แล้วในระดับผู้การกรม แต่จะเพิ่มขึ้นไปอีก โดยจะไปตกลงกันในเรื่องรายละเอียดอีกครั้ง เบื้องต้นจะจัดตั้งชุดประสานงานฝ่ายละ 4 นาย
9. ทั้งสองฝ่ายยืนยันที่จะให้ความร่วมมือในการปราบปราม ป้องกัน อาชญากรรม ข้ามชาติ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ การหลอกลวงออนไลน์ สแกมเมอร์ ยาเสพติด การค้ามนุษย์ การลักลอบ ค้าอาวุธ รวมถึงกิจกรรมที่ผิดกฎหมายข้ามแดนทั้งหมด โดยฝ่ายไทยยืนยันที่จะดำเนินการเรื่องนี้ทันที แต่ฝ่ายกัมพูชาขอให้นำประเด็นนี้เข้าสู่การประชุม GBC
10. ทั้งสองฝ่ายยืนยันความสำคัญตอบสนองต่อการประท้วง เกี่ยวกับข้อพิพาทต่างๆ ขอให้รีบดำเนินการโดยเร็ว ซึ่งต่อเรื่องนี้ ฝ่ายไทยขอกำหนดเวลาในห้วงแรก แต่ฝ่ายกัมพูชา เสนอว่า การกำหนดห้วงเวลาให้ไปหารือในการประชุม GBC
หมายความ ว่าหากมีการกระทำผิด MOU หรือข้อตกลงต่างๆ มีการรุกล้ำอธิปไตย เมื่อมีการประท้วงทางเอกสารแล้ว ให้อีกฝ่ายได้ตอบสนองต่อปัญหานั้นให้รวดเร็ว โดยขอให้กำหนดเป็นห้วงเวลา ตอบรับการแก้ปัญหาที่มีความขัดแย้งกัน เช่น การทำผิด MOU 43 มีการก่อสร้างในพื้นที่ ฝ่ายไทยได้ทำหนังสือประท้วงไป เป็นต้น ซึ่งฝ่ายกัมพูชาขอให้ไปหารือในการประชุม GBC
11. ทั้งสองฝ่ายได้เห็นชอบให้มีการจัดประชุม RBC ขึ้น ตามห้วงเวลาที่กำหนด เพื่อรักษาความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน