กรณีปฏิรูปองค์กรสงฆ์… (นึกถึง พ.ต.ท.พงศ์พร อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ!!)

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา ได้มีโอกาสเจริญจิตภาวนาอย่างต่อเนื่องทั้งวันคืนในโอกาสจำพรรษาที่ Dhamma Vinaya Monastery of Pune .. in India หรือ DVMP ที่คณะศรัทธาชาวอินเดีย ที่รวมทั้ง ชาวพุทธ ฮินดู และเชน ร่วมกันสร้างถวาย โดยการสนับสนุนงบประมาณบางส่วนจากรัฐบาลท้องถิ่นแห่งรัฐมหาราษฏระ สาธารณรัฐอินเดีย.. โดยเฉพาะการมอบที่ดินเขตป่าไม้ของรัฐบาลให้ใช้สอยเพื่อปฏิบัติธรรมร่วมพันไร่

DVMP จึงเป็นมหาวิหารที่รวมความเป็นศูนย์ปฏิบัติธรรมที่ใหญ่ที่สุด และน่าจะเป็นวัดแห่งแรกที่สมบูรณ์แบบ ครบถ้วนในความพร้อม สมฐานะความเป็นมหาวิหารหรือวัดของพุทธศาสนา

สำหรับการบรรพชา-อุปสมบทเป็นพระภิกษุอินเดียในเบื้องต้น ได้ใช้วัดป่าพุทธพจน์หริภุญไชย(ธ) ในพระราชูปถัมภ์ฯ จ.ลำพูน และวัดสาขาในปกครอง เป็นศูนย์กลางการบวชของชาวพุทธอินเดีย ที่มีศรัทธาเลื่อมใส.. มีความพร้อมในความรู้ ความเข้าใจเบื้องต้นในหลักธรรมคำสั่งสอน

DVMP ก่อเกิดขึ้นโดย นักธุรกิจเรียลเอสเตทชาวฮินดูที่มีฐานะและชื่อเสียงท่านหนึ่ง ได้ถวายที่ดินเพื่อสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรมหรือมหาวิหารบนทำเลที่ดินสวยงาม เหมาะควรเป็นวัด ถึงพร้อมด้วยไฟ น้ำ ถนน และสาธารณูปโภคทั้งหลาย จึงได้มีการจดทะเบียนจัดตั้งองค์กรขึ้นเพื่อการก่อสร้างอาคารที่พัก โดยมี Chief Engineer ของรัฐบาลที่นครปูเน ซึ่งเป็นศิษย์ศรัทธาคนหนึ่ง ได้นำทีมวิศวกรทั้งส่วนของรัฐและเอกชนมาร่วมด้วยช่วยกันก่อสร้างพระสถูปเจดีย์ วิหาร กุฏิ อาคารที่พัก.. อาคารปฏิบัติธรรม และเสนาสนะอันควร.. พร้อมการพัฒนาที่ดินให้ถึงความสมบูรณ์ สวยงามในทุกด้าน… จึงทำให้สิ่งที่ยากก็ง่าย.. สิ่งที่ช้าก็เร็วขึ้น… จนสัมฤทธิผลเป็น Dhamma Vinaya Monastery of Pune .. in India หรือเรียกชื่อย่อว่า DVMP ขึ้นบนแผ่นดินเกิดพระพุทธศาสนา ชมพูทวีป.. ที่มีสถูปทรงสาญจีประดิษฐานอยู่บนภูเขาสวยงาม.. สมความเป็นมหาวิหารพุทธศาสนาที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและพระธาตุบูรพาจารย์จากคณะสงฆ์ไทย เช่น หลวงปู่มั่น หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่ขาว หลวงปู่เทสก์ หลวงปู่ฝั้น.. หลวงปู่แหวน เป็นต้น

ในพรรษาปี ๒๕๖๘ …จึงได้มาพักภาวนาบนภูเขา ที่ตั้งของ DVMP ซึ่งมีทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ที่ชื่อ Khadakwasla อยู่ด้านหน้าในเบื้องล่าง.. แลดูสวยงาม อากาศเย็นสบาย คล้ายๆ อยู่บนดอยขนาดย่อมของภาคเหนือในบ้านเรา

แม้จะเดินทางมาพำนัก จำพรรษาถึงอนุทวีป(อินเดีย) แต่ก็มิได้ละเลยการติดตามข่าวสารในบ้านเรา ที่มีเรื่องร้อนแรงเกิดขึ้นให้ได้พิจารณา โดยเฉพาะเรื่องความเสียหายของพระสงฆ์จำนวนหนึ่งที่ต้องปาราชิกไปด้วยกรณีเสพเมถุน ลักทรัพย์ อวดอุตริมนุสธรรม เป็นต้น.. ควบถ้วนเบ็ดเสร็จไม่ขาดไม่เกินในหมวดปาราชิก จนต้องสละเพศสมณะ..

ที่น่าสนใจศึกษาอย่างยิ่งในเรื่องดังกล่าว ด้วยนักบวชจำนวนหนึ่งล้วนเป็นอดีตพระเถระ.. เป็นเจ้าคณะปกครอง มีสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะระดับสูงจำนวนมาก ที่ได้พากันกระทำความผิดอย่างร้ายแรงอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาของคณะสงฆ์เถรวาท..

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น.. ได้สะท้อนความจริงอันเป็นธรรมดาของ ความเสื่อมในจริยธรรมที่มีมายาวนาน.. เพียงแต่ไม่เคยเกิดปรากฏการณ์ให้เห็นขนาดใหญ่แบบนี้ โดยหากย้อนรอยถอยกลับไปเปิดดูเรื่องราวแบบนี้ จะพบว่า มีเรื่องราวเกี่ยวกับพระสงฆ์ไทยทั้งในประเทศและต่างประเทศ… แม้ในอินเดีย เขตพุทธภูมิ แถวพุทธคยา ที่มีข่าวจับกุม พระสงฆ์ไทยบางรูป ที่ไปต้องข้อหาล่วงละเมิดทางเพศ.. ตีพิมพ์ลงหนังสือพิมพ์แขกแพร่หลายไปทั่ว…

คำว่า “ชั่วช่างชี ดีช่างสงฆ์” ..จึงเป็นคำกล่าวที่สะท้อนให้เห็นความเป็นจริงในสังคมบ้านเรา ที่มักจะนำไปสู่การปล่อยปละละเลยหรือแก้ไขปัญหาที่ไม่ถูกเหตุถูกผล..

ล่าสุดมีข่าวการประชุมเร่งรัดให้ทุกวัดได้จัดทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายของวัด และรายงานเงินคงเหลือของวัดตามระบบบัญชีมาตรฐานของวัด ตามมติมหาเถรสมาคมที่มีการประชุมสั่งการกันลงไปในส่วนคณะสงฆ์จังหวัดต่างๆ เพื่อให้วัดต่างๆ ได้ดำเนินการ เช่น ๑) การเปิดบัญชีเงินฝากธนาคาร ให้เปิดในเขตจังหวัดที่ตั้งของวัด ให้ระบุชื่อบัญชีเงินฝากว่า “เงินของวัด…” หรือ “วัด…” เท่านั้น โดยห้ามมิให้มีคำว่าโดย… (ชื่อบุคคลใดบุคคลหนึ่งต่อท้าย) ฯลฯ

๒) ให้ระบุชื่อผู้อำนาจลงนามในการถอนเงินหรือสั่งจ่ายจากบัญชีเงินฝากของธนาคารอย่างน้อย ๓ รูป/คน ซึ่งต้องประกอบไปด้วย ๑.เจ้าอาวาส ๒.ไวยาวัจกร ๓.บุคคลที่เจ้าอาวาสเห็นสมควร.. ฯลฯ

ในเรื่องดังกล่าว พระลูกศิษย์ที่ท่านรักษาการดูแลวัด ได้ส่งมาให้ได้รับทราบ เพื่อขอความเห็นในการปฏิบัติตาม จึงได้เขียนข้อความไปถึงท่านว่า..

ขอให้ดำเนินการแก้ไขดังนี้ คือ ให้เจ้าอาวาสแต่งตั้งบุคคล ๓ คนดำเนินการเปิดบัญชีธนาคาร ได้แก่ ๑.ไวยาวัจกร ๒.บุคคลที่เจ้าอาวาส/คณะสงฆ์เห็นชอบ จำนวน ๒ คน

โดยขอให้ยึดมั่นในพระวินัยที่ห้ามพระภิกษุประกอบธุรกรรมแบบชาวบ้าน.. ห้ามรับ มี ถือไว้ซึ่งเงินทองหรือยินดีในกรณีมีผู้ถือ.. รักษาเงินทองไว้ให้เพื่อตน โดยให้ไปศึกษาพระวินัยในหมวดนิสสัคคิยปาจิตตีย์ที่พระภิกษุต้องถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด… ดังนั้น เจ้าอาวาสหรือพระสงฆ์ในพระธรรมวินัยนี้ จึงไม่ควรไปกระทำธุรกรรม เปิดบัญชี มีชื่อในการเป็นเจ้าของหรือรับเงินทองใดๆ…

จริงๆ แล้ว ในเรื่องการทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายดังกล่าว มิใช่เป็นเรื่องใหม่.. ได้เคยเริ่มต้นในสมัย พ.ต.ท.พงศ์พร เป็น ผอ.สำนักพุทธฯ แต่ได้มีกระแสต้านพอสมควร โดยเฉพาะการเปิดเผยบัญชีวัด.. ซึ่งเรื่องดังกล่าวคงไม่ใช่การแก้ไขปัญหาเรื่อง พระเลว.. พระทุศีล.. พระปาราชิก โดยตรง.. เพราะปัญหาที่แท้จริงมาจาก การบรรพชา-อุปสมบทที่ล้มเหลวในการให้การอบรมศึกษาปฏิบัติจากพระอุปัชฌาย์ ครูบาอาจารย์.. ที่ไม่เป็นแบบอย่างที่ดี.. ไม่ให้การศึกษาที่ถูกต้องตามแบบแผน โดยเฉพาะการจัดการศึกษาที่ละทิ้งการปฏิบัติธรรม.. การอบรมจิตภาวนาอย่างจริงจังไปอย่างสิ้นเชิง

ปัญหาเรื่อง พระชั่ว พระทุศีล.. จึงต้องแก้ไขที่การศึกษาพัฒนาจิตใจ เพื่อเข้าถึงอริยสัจธรรมเป็นสำคัญ โดยยึดหลักไตรสิกขา (ศีล สมาธิ ปัญญา) เป็นแนวทางศึกษาประพฤติธรรม.. ถึงเชื่อมือได้ว่า หากพระภิกษุทุกรูปสามารถรักษาศีล เจริญสมาธิได้ แม้เพียงแค่เพียงระดับสมถะ.. ปัญหาดังกล่าวจะลดลงไปมาก และหากยิ่งสามารถเจริญวิปัสสนากรรมฐานได้.. สังฆมณฑลจะสวยงาม น่าเลื่อมใสศรัทธาขึ้นทันที

แต่หากมุ่งส่งเสริมไปทางการมีหน้าที่ตำแหน่งยศศักดิ์.. ชักนำเข้าหาโลกธรรมเป็นใหญ่ มัวเมาอยู่ใน ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข แบบชาวโลก… ก็ยากจะแก้ไขปัญหาพระรับเงินทอง.. เสพติดวัตถุกาม.. มัวเมาโทรศัพท์มือถือ.. คลุกคลีเสพคบกับสตรีไปได้… และยากยิ่งต่อการแก้ไขปัญหาจริยธรรมที่ล้มเหลว

ที่สำคัญยิ่ง.. การมุ่งสนับสนุนสถาบันการศึกษา ที่ล้อไปทาง มหาวิทยาลัยทางโลก.. จนละทิ้งการศึกษาพระธรรมวินัย ดังบูรพาจารย์ได้ถือปฏิบัติกันมา… นั้นคือปัญหาที่ควรทบทวนอย่างยิ่ง.. และขอแนะนำให้เพิ่มเติมว่า หากจะชำระสังฆมณฑลอย่างจริงจัง “ช่วยนำข้อมูลเรื่องของพระ.. ที่ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ อดีต ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้สืบค้นรวบรวมไว้มาศึกษา.. เพื่อสืบสวนสอบสวนดำเนินคดีกันอย่างจริงจัง เชื่อมั่นได้เลยว่า.. เรื่องพระเลว คนชั่ว ในแวดวงศาสนา จะลดลงไปอีกเยอะ” .. และ หากนำแผนงานการปฏิรูปฯ มาศึกษาต่อ ก็จะได้ประโยชน์อย่างยิ่ง.. …เพราะที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้.. เป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งในสมัย พ.ต.ท.พงศ์พรดำเนินการแก้ปัญหา ที่สืบเนื่องจากกรณีปัญหาเงินทอนวัดต่างๆ.. และหากข้อมูลที่ได้รับมาไม่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง ได้ทราบว่าเรื่องปัญหาของพระผู้ใหญ่ สมณศักดิ์สูงหลายรูป มีอยู่ในแฟ้มข้อมูลลับของฝ่ายบ้านเมืองอยู่แล้ว.. อยู่ที่จะมีการเอาจริงเอาจังในปัญหาดังกล่าวหรือไม่ต่างหาก..!!.

เจริญพร

dhamma_araya@hotmail.com