แบรนด์ฟาสต์ฟู้ดสัญชาติสหรัฐฯ ในมาเลเซีย-อินโดฯ เร่งกู้ยอดขายหลังถูกแบนสินค้ามานาน 2 ปี
ผู้ประกอบการแฟรนไชส์ฟาสต์ฟู้ดสัญชาติสหรัฐฯ ในมาเลเซียและอินโดนีเซีย กำลังเร่งปรับกลยุทธ์เพื่อกู้วิกฤตจากกระแสบอยคอตที่เชื่อมโยงกับเหตุการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ทำให้ผู้บริโภคมุสลิมส่วนใหญ่เลือกไม่ซื้อสินค้าของหลายๆแบรนด์ อาทิ Starbucks, KFC และ Pizza Hut เพราะมองว่ามีความเกี่ยวข้องกับอิสราเอล
แม้กระแสบอยคอตจะเริ่มอ่อนแรงลงไปบ้าง เนื่องจากลูกค้าบางกลุ่มเริ่มกลับมาใช้บริการ ประกอบกับราคาหุ้นของบางบริษัทเริ่มฟื้นตัว แต่ธุรกิจยังต้องเผชิญความยากลำบากในแง่ของการสร้างยอดขาย จึงต้องพยายามดึงฐานลูกค้ากลับมาให้ได้
มิหนำซ้ำ จังหวะนี้ยังเป็นโอกาสให้แบรนด์ของผู้เล่นในท้องถิ่นและแบรนด์เอเชียจากญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ โดดเข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาดร้านอาหาร
มาดูกันว่าแต่ละแบรนด์ปรับทิศทางกลยุทธ์อย่างไร
เริ่มตั้งแต่ Starbucks ในประเทศมาเลเซีย เดินหน้าเปิดตัวแคมเปญ Rahsia Barista นำเสนอเมนูและสินค้าที่สร้างจากฝีมือของคนท้องถิ่น รวมถึงเข้าไปร่วมมือกับเชฟชื่อดัง เพื่อเสริมภาพลักษณ์และเชื่อมโยงวัฒนธรรมภายในประเทศ
ทั้งนี้ Berjaya Food ผู้ถือสิทธิ์แฟรนไชส์ Starbucks ในมาเลเซียยังขาดทุนต่อเนื่อง โดยไตรมาสล่าสุด ระหว่างเดือน ม.ค. – มี.ค. มีรายได้ลดลง 18% ขาดทุนสุทธิ 37.2 ล้านริงกิต (ราว 285 ล้านบาท) และราคาหุ้นร่วงลงกว่า 15%
ไม่เว้นแม้แต่ QSR Brands เจ้าของสิทธิ์แฟรนไชส์ KFC และ Pizza Hut ในมาเลเซีย หลังจากเคยทำกำไรได้ 49.6 ล้านริงกิต (ราว 380 ล้านบาท) ในปี 2023 กลายเป็นขาดทุน 66.2 ล้านริงกิต (ราว 508 ล้านบาท) ในปีนี้ ทั้งสองแบรนด์จึงเลือกปรับราคาลง ยกตัวอย่าง Pizza Hut จัดโปรโมชันเมนูเริ่มต้น 5 ริงกิต (38 บาท) ส่วน McDonald’s เน้นชูว่าสินค้ามีมาตรฐานฮาลาล เพื่อตอกย้ำว่ากิจการเป็นของผู้ถือหุ้นชาวมุสลิมในประเทศ
ด้านประเทศอินโดนีเซีย Sarimelati Kencana เจ้าของสิทธิ์แฟรนไชส์ Pizza Hut ตั้งแต่ต้นปีราคาหุ้นพุ่ง 66% พลิกกลับมามีกำไร 1.5 หมื่นล้านรูเปียห์ จากที่เคยขาดทุน 7.5 หมื่นล้านรูเปียห์ ในปีก่อน ส่วน Fast Food Indonesia เจ้าของสิทธิ์แฟรนไชส์ KFC ขาดทุนลดลง พร้อมประกาศขายหุ้น 15% ของกิจการฟาร์มไก่เพื่อลดภาระทางการเงิน
ไม่เว้นแม้แต่บริษัท Map Boga Adiperkasa ผู้ถือสิทธิ์แฟรนไชส์ Starbucks ในอินโดนีเซีย ตัดสินใจชะลอการขยายสาขาจาก 70-80 สาขาต่อปี เหลือเพียง 10-15 สาขาต่อปี หลังครึ่งปีแรกปี 2025 ขาดทุนเพิ่มหลายเท่าตัว
อย่างไรก็ตาม นักธุรกิจบางราย มองว่า การบอยคอตสินค้าเป็นการแสดงจุดยืนด้านศาสนาและศีลธรรม หากสถานการณ์ในกาซายังไม่คลี่คลายลงจะยิ่งกระทบแรงงานและซัพพลายเออร์ท้องถิ่นนับพันราย
ภาพ: Poetra.RH / Shutterstock