ไทยย้ำกัมพูชาละเมิดทุกกฎกติกา วางทุ่นระเบิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า
สำนักข่าวไทย Online
อัพเดต 15 สิงหาคม 2568 เวลา 21.51 น. • เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา • สำนักข่าวไทย อสมทกระทรวงการต่างประเทศ 15 ส.ค.- กต. เชิญคณะทูตกลุ่มรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา ชี้ “กัมพูชา” ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ลอบวางทุ่นระเบิดสังหารซ้ำแล้วซ้ำเล่า จงใจละเมิดอนุสัญญาออตตาวา ขอผู้บริจาคสนับสนุนกัมพูชา ดำเนินทุกทางให้กัมพูชาหยุดวางทุ่นฯ อย่างไร้มนุษยธรรม พร้อมโชว์ทุ่นระเบิด PMN-2 ของกัมพูชา เก็บกู้ที่ช่องโดนเอาว์-กฤษณา และจุ๊บตาโมก
กระทรวงการต่างประเทศ เชิญคณะทูตกลุ่มรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา รับฟังการบรรยายสรุปเกี่ยวกับเหตุการณ์การใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลของกัมพูชา โดยมีผู้เข้าร่วม 67 คน จาก 41 ประเทศ 1 องค์กร และ 4 องค์การ ในจำนวนนี้ยังมีเจ้าหน้าที่สถานทูตกัมพูชาเข้าร่วมรับฟังด้วย
โดยนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวเปิดการบรรยายผ่านบันทึกวิดีทัศน์ เนื่องจากอยู่ระหว่างการเดินทางเพื่อเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศ ตามกรอบความร่วมมือแม่โขง – ล้านช้าง (Mekong – Lancang Cooperation) หรือ MLC ครั้งที่ 10 และเข้าร่วมการหารือกับประเทศสมาชิก ณ เมืองอันหนิง มณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 13 – 15 สิงหาคม 2568
โดยนายมาริษ กล่าวว่า การบรรยายสรุปในวันนี้จะมุ่งเน้นที่สถานการณ์ทุ่นระเบิดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา วัตถุประสงค์ของการบรรยายสรุปคือเพื่อให้ข้อมูลที่ครบถ้วนและถูกต้องเกี่ยวกับสถานการณ์ทุ่นระเบิดที่ชายแดนไทย-กัมพูชาแก่ประเทศสำคัญ ๆ และองค์กรระหว่างประเทศภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดต่อต้านบุคคล หรืออนุสัญญาออตตาวา ตลอดจนประเทศสมาชิกอาเซียน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราวที่จัดตั้งขึ้นตามการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 16 สมัยวิสามัญ ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ และประเทศผู้สังเกตการณ์และองค์กรอื่น ๆ
เป็นเวลากว่าสองทศวรรษแล้วที่ประเทศไทยได้ยึดมั่นในพันธกรณีทางกฎหมายภายใต้อนุสัญญาออตตาวาอย่างเต็มที่ จวบจนถึงปัจจุบัน เราได้กอบกู้และส่งคืนพื้นที่มีการวางทุ่นระเบิดกว่าร้อยละ 99 ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 2,500 ตารางกิโลเมตร กลับคืนสู่ชุมชนของเรา อีกทั้งได้ดำเนินการและยังคงให้ความช่วยเหลือผู้รอดชีวิตจากทุ่นระเบิด เพื่อให้พวกเขาสามารถดำรงชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีและปกติสุข
ความพยายามร่วมกันของประชาคมระหว่างประเทศในการแก้ไขปัญหาผลกระทบด้านมนุษยธรรมจากทุ่นระเบิดได้รุดหน้าไปมากแล้ว และนี่คือเหตุผลที่เหตุการณ์ทุ่นระเบิดที่ชายแดนไทย-กัมพูชาจึงสร้างความสะเทือนขวัญให้กับพวกเราอย่างมาก และย้ำเตือนเราอีกครั้งว่าไม่ควรมีพื้นที่หรือเหตุผลใด ๆ ในการใช้อาวุธชนิดนี้อีกต่อไป
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ได้มีการตกลงหยุดยิง ซึ่งไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงนี้โดยสมบูรณ์ แต่เป็นที่น่าเศร้าใจที่ไม่ถึง 5 วันหลังจากการประชุมฯ ก็เกิดเหตุการณ์ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดอีกสองครั้ง โดยหลักฐานยืนยันอย่างชัดเจนว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่โดยกัมพูชา
เหตุการณ์ทุ่นระเบิดที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหล่านี้ แสดงให้เห็นว่ากัมพูชายังคงจงใจละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย ซึ่งถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรงและข้อตกลงหยุดยิงที่ตกลงกันไว้เมื่อเร็ว ๆ นี้ ยิ่งไปกว่านั้น กัมพูชายังจงใจละเมิดพันธกรณีหลักภายใต้อนุสัญญาออตตาวาอีกด้วย
ประเทศไทยขอประณามการกระทำเหล่านี้อย่างรุนแรงที่สุด การกระทำเหล่านี้บ่อนทำลายความสมบูรณ์ของอนุสัญญาออตตาวา และเจตนารมณ์ของปฏิญญาเสียมราฐ-อังกอร์ ซึ่งได้รับการรับรองภายใต้การปกครองของกัมพูชาในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2567 การกระทำเหล่านี้ยังถือเป็นการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง ซึ่งเป็นหลักการที่ผมเชื่อว่าทุกท่านในที่นี้ยึดมั่นอยู่
นายมาริษ ยังกล่าวว่า ก่อนเกิดสถานการณ์ชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชา นายกรัฐมนตรีไทยได้เสนอต่อนายกรัฐมนตรีกัมพูชาเกี่ยวกับปฏิบัติการกวาดล้างทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม ซึ่งนายกรัฐมนตรีกัมพูชาได้ให้ความเห็นชอบแล้ว อย่างไรก็ตาม ฝ่ายกัมพูชาได้ชะลอการดำเนินการ ซึ่งมาตรการเหล่านั้น หากดำเนินการก็อาจสามารถป้องกันความสูญเสียอันน่าเศร้าที่เพิ่งเกิดขึ้นได้
ที่สำคัญกว่านั้น ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาพยายามขัดขวางการปฏิบัติการกวาดล้างทุ่นระเบิดของไทยตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาซ้ำแล้วซ้ำเล่า แม้จะมีการเรียกร้องให้ปฏิบัติตามและร่วมมืออย่างต่อเนื่อง แต่ก็เป็นที่น่าเสียดายที่กัมพูชาไม่ได้ตอบสนอง
ข้อกังวลเหล่านี้ไม่เพียงแต่มีความสำคัญโดยตรงต่อประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังมีความสำคัญต่อชุมชนนานาชาติ โดยเฉพาะผู้บริจาคที่ให้การสนับสนุนกัมพูชาด้วยความจริงใจอีกด้วย ดังนั้น ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อให้แน่ใจว่ากัมพูชาจะหยุดการใช้ทุ่นระเบิดอย่างไร้มนุษยธรรม และปฏิบัติตามพันธกรณีทางกฎหมายภายใต้อนุสัญญาออตตาวาและกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด
อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยได้แจ้งเรื่องนี้ต่อเลขาธิการสหประชาชาติ และผ่านทางเลขาธิการฯ เพื่อขอคำชี้แจงจากกัมพูชาตามมาตรา 8 วรรค 2 ของอนุสัญญาออตตาวา เราจะดำเนินการเรื่องนี้ต่อไป
เราขอเรียกร้องประเทศสมาชิกอาเซียน – ในฐานะคณะสังเกตการณ์ชั่วคราว (Interim Observer Team) ให้พิจารณาประเด็นนี้อย่างถี่ถ้วนในการไปสำรวจพื้นที่ในอนาคต เพื่อที่บริเวณชายแดนจะปลอดภัยเพื่อประโยชน์ของพลเรือนของทั้งสองประเทศ ผมยังอยากขอเชิญท่านร่วมการลงพื้นที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ในวันพรุ่งนี้ (16 ส.ค.) เพื่อ สังเกตการณ์สถานการณ์ทุ่นระเบิดด้วยตัวเอง ขอยืนยันความมุ่งมั่นของประเทศไทยต่อพันธกรณีตามอนุสัญญาออตตวา และการหยุดยิง
ทั้งนี้บริเวณหน้าห้องบรรยาย เจ้าหน้าที่ได้นำตัวอย่างทุ่นระเบิด PMN-2 ของกัมพูชา ที่ตรวจพบในพื้นชายแดน ตั้งแต่ช่องบก อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 16 ส.ค. จนล่าสุดพบที่ช่องโดนเอาว์-กฤษณา จ.ศรีสะเกษ เมื่อ 9 ส.ค.68 และ วันที่ 12 ส.ค.68 ที่ช่องจุ๊บตาโมก จ.สุรินทร์ .-316-สำนักข่าวไทย