โฆษกกระทรวงกลาโหม ชี้แจงชัด! ปฏิบัติการชายแดนไทย-กัมพูชาไม่บิดเบือน "พล.อ.ณัฐพล" ย้ำยึดมั่นสันติวิธี
"พล.อ.ณัฐพล" ย้ำยึดมั่นในหลักการสากลและกฎหมายระหว่างประเทศ พร้อมยืนเคียงข้างพี่น้องในกองทัพและประชาชนทุกคน ปกป้องอธิปไตยไทย
วันที่ 12 สิงหาคม 2568 พลเรือตรีสุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม แจ้งว่า ตามที่มีการเสนอข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนของพลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ผอ.ศบ.ทก.) ภายหลังการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยพิเศษ เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2568 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย ซึ่งมีเนื้อหาบางส่วนบิดเบือน ไม่ครบถ้วน ไม่ตรงกับความเป็นจริง พร้อมการตีความโดยสอดแทรกความคิดเห็นส่วนบุคคล อันสร้างความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนจากเจตนารมณ์ของถ้อยแถลงต่อสาธารณชนในวงกว้าง โดยอาจนำไปสู่การสร้างความขัดแย้งกันเองของชนในชาติ และกระทบต่อเสถียรภาพในการบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ในภาพรวมได้ นั้น จึงขอทำความเข้าใจที่ถูกต้องต่อสังคม ดังนี้
1. พลเอก ณัฐพล ยึดมั่นในแนวทางการคลี่คลายปัญหาความตึงเครียดระหว่างไทย-กัมพูชา โดยสันติวิธี ด้วยกลไกทวิภาคีที่มีอยู่แล้วมาโดยตลอด พร้อมทั้งยึดมั่นในหลักการสากลและกฎหมายระหว่างประเทศ
2. พลเอก ณัฐพล เน้นย้ำและเรียกร้องความจริงใจจากผู้นำระดับสูงของกัมพูชา ผ่านการแถลงข่าว ความว่า
“…นับตั้งแต่เวลาเที่ยงคืนของวันที่ 28 กรกฎาคม ฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามสิ่งที่ผู้นำทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกัน เรื่องการหยุดยิงอย่างเคร่งครัด อย่างไรก็ดี พบว่าฝ่ายกัมพูชายังคงละเมิดการหยุดยิงหลังเวลาเที่ยงคืนของวันที่ 28 กรกฎาคม ซึ่งฝ่ายไทยได้ใช้ความอดทนอดกลั้นที่สุด และตอบโต้เพื่อป้องกันตนเองเท่านั้น แม้ปัจจุบันสถานการณ์ชายแดนมีความสงบ แต่ฝ่ายกัมพูชายังคงเสริมกำลังทหารเข้าไปในพื้นที่ ยังมีการใช้อากาศยานไร้คนขับเข้ามาสอดแนมในพื้นที่ต่าง ๆ ของไทย ซึ่งเป็นการกระทำที่ยั่วยุ และอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดระหว่างกัน นอกจากนี้ ยังมีการเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนและข่าวเท็จต่าง ๆ ซึ่งไม่สร้างสรรค์ และไม่ช่วยทำให้เกิดบรรยากาศที่เอื้ออำนวยต่อการเจรจาและการฟื้นฟูความไว้วางใจ…”
อย่างไรก็ตาม จากการพูดคุยกันในการประชุม GBC ครั้งนี้ ซึ่งเป็นการหารือในระดับกระทรวงกลาโหมไทย-กัมพูชา ทำให้ได้รับทราบข้อเท็จจริงจากกระทรวงกลาโหมกัมพูชาเพิ่มเติม ตามที่ปรากฏในคำแถลงข่าวต่อมาว่า
“…จากการประชุมร่วมกันในครั้งนี้ ฝ่ายกัมพูชาระดับนโยบาย (กระทรวงกลาโหม) ได้แสดงให้เห็นความจริงใจต่อมาตรการหยุดยิงที่ได้ตกลงกันไว้ การกระทำที่ละเมิดการหยุดยิงที่กล่าวมาแล้วข้างต้น จึงเป็นการดำเนินการโดยพลการของหน่วยงาน (ทหารกัมพูชา) ในพื้นที่…”
ซึ่งไม่มีข้อความใด ที่เป็นการตำหนิการปฏิบัติหน้าที่ปกป้องผืนแผ่นดินไทยของหน่วยทหารไทย ตามหลักการสากลในการป้องกันตนเองโดยชอบธรรม อย่างได้สัดส่วน ตามที่ถูกบิดเบือน แต่อย่างใด
พลเรือตรี สุรสันต์ ย้ำว่า ในการแถลงข่าวดังกล่าว เป็นการสื่อสารผ่านสื่อมวลชนไทยและต่างประเทศ ไปสู่ประชาคมโลก บนพื้นฐานของความเป็นจริง โดยพลเอก ณัฐพล ได้ปกป้องศักดิ์ศรีของคนไทยและสะท้อนความจริงใจต่อข้อตกลงหยุดยิงของฝ่ายไทย อย่างเต็มที่ โดยยืนยันว่าฝ่ายไทยจะยึดมั่นในการให้ความร่วมมือและการพูดคุยอย่างสุจริตใจ-จริงใจต่อไป บนพื้นฐานของการเป็นเพื่อนบ้านที่ดี และหวังว่าฝ่ายกัมพูชาจะปฏิบัติตามเช่นเดียวกัน
พร้อมทั้งขอความร่วมมือไปยังฝ่ายกัมพูชาใน 2 ประเด็นสำคัญ ที่ยังไม่ได้ตอบรับ คือ (1) การเก็บกู้ทุ่นระเบิดในพื้นที่ที่มีการปะทะและพื้นที่อื่น ๆ ตลอดแนวชายแดน เพื่อความปลอดภัยของประชาชนทั้งสองฝ่าย และ (2) ความร่วมมือในการปราบปรามอาชญกรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะการหลอกลวงออนไลน์หรือออนไลน์สแกม ซึ่งส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนไทยและประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคอย่างกว้างขวาง อีกด้วย
พลเรือตรี สุรสันต์ กล่าวทิ้งท้ายว่า จากการเพิ่มเติมความเห็นส่วนตัว และการตีความที่เกินความเป็นจริงว่า การแถลงข่าวครั้งนี้ จะเป็นการปกปิดข้อเท็จจริง หรือเป็นการปกป้องผู้นำระดับสูงของกัมพูชา จากการละเมิดอนุสัญญาออตตาวา (เรื่องการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล) และอนุสัญญาเจนีวา (เรื่องการกระทำต่อเป้าหมายพลเรือนและละเมิดหลักมนุษยธรรม) นั้น ไม่เป็นความจริง เนื่องจากคำแถลงข่าวนั้น ไม่สามารถลบล้างข้อเท็จจริงที่ปรากฏได้ นอกจากนี้ ที่ผ่านมาฝ่ายไทยก็ได้มีการเก็บรวบรวมหลักฐานในทุกกิจกรรม ที่เป็นการละเมิดหลักการสากลอย่างต่อเนื่อง และได้ดำเนินการประท้วง-ส่งคำร้อง-ชี้แจงข้อเท็จจริง ไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องแล้ว ได้แก่
1.คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (United Nations Security Council : UNSC)
2.ประธานอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล หรืออนุสัญญาออตตาวา (Ottawa Convention) รวมทั้งประเทศผู้บริจาค เพื่อสนับสนุนกัมพูชาในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด และ
3.องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Educational, Scientific and Cultural Organization : UNESCO)
ตลอดจนการบรรยายสรุปต่อเอกอัครราชทูต หรือผู้แทนจาก 75 ประเทศ 1 องค์กร (สหภาพยุโรป) และผู้แทนองค์การระหว่างประเทศ จาก 16 องค์การ รวมจำนวน 122 คน (เมื่อ 4 สิงหาคม 2568) เป็นต้น
#ชายแดนไทยกัมพูชา #ข่าววันนี้ #กระทรวงกลาโหม #สันติวิธี #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์ #ข่าววันนี้