โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

เจ้าหน้าที่สระแก้วสกัดจับแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชา 2 ครอบครัวลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย สารภาพหนีความอดอยากและเศรษฐกิจตกต่ำ

THE STANDARD

อัพเดต 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา • thestandard.co
เจ้าหน้าที่สระแก้วสกัดจับแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชา 2 ครอบครัวลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย สารภาพหนีความอดอยากและเศรษฐกิจตกต่ำ

วันนี้ (12 สิงหาคม) เจ้าหน้าที่กองกำลังบูรพา ฉก.อรัญประเทศ และชุดควบคุมกรมทหารพรานที่ 12 ได้ร่วมกันสกัดจับแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชาจำนวน 2 ครอบครัว ที่ลักลอบเข้าประเทศไทยโดยผิดกฎหมายในพื้นที่อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว โดยทั้งหมดให้ข้อมูลว่าต้องหนีความอดอยากในประเทศบ้านเกิดเพื่อกลับมาทำงานในไทยอีกครั้ง

เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2568 เวลาประมาณ 17.00 น. เจ้าหน้าที่ทหารพราน ร้อย ทพ.1206 ร่วมกับทหาร ร.2 พัน 1 รอ. ได้เข้าตรวจสอบรถยนต์ต้องสงสัยบริเวณถนนหลวงหมายเลข 3383 และพบกลุ่มบุคคล 4 คนกำลังเดินออกมาจากไร่อ้อยเพื่อจะขึ้นรถยนต์คันดังกล่าว จึงแสดงตัวเข้าจับกุม จากการตรวจสอบพบว่าคนขับรถคือ ธงชัย อายุ 37 ปี และชาวกัมพูชาอีก 4 คน ประกอบด้วย เมียน (19 ปี), เมือน (21 ปี) และเด็กอีก 2 คน คือ เมียน (15 ปี) และ กัง (7 ปี)

ธงชัยให้การว่าได้รับการว่าจ้างจากหลานเขยให้มารับชาวกัมพูชาเพื่อไปส่งยังพื้นที่ตอนในของประเทศ โดยได้รับค่าจ้าง 300 บาทต่อคน ขณะที่ชาวกัมพูชาให้ข้อมูลว่าเดิมเคยทำงานค้าขายในตลาดอินโดจีน อำเภออรัญประเทศ แต่ต้องเดินทางกลับประเทศเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาเนื่องจากไม่มีรายได้และความอดอยาก จึงตัดสินใจติดต่อผู้นำพาผ่านเพื่อน โดยจ่ายค่าเดินทางรวม 13,000 บาท ก่อนจะถูกจับกุม

ในวันเดียวกัน เวลาประมาณ 22.00 น. เจ้าหน้าที่ทหารพราน ร้อย ทพ.1202 ได้ลาดตระเวนในพื้นที่บ้านภูน้ำเกลี้ยง ตำบลป่าไร่ และพบกลุ่มบุคคลต้องสงสัย 5 คน เดินเท้าพร้อมสัมภาระมาตามช่องทางธรรมชาติ จึงเข้าจับกุม จากการสอบสวนพบว่าเป็นแรงงานชาวกัมพูชาที่ลักลอบเข้าเมืองโดยไม่มีผู้นำพา ประกอบด้วย กร (42 ปี) และ พอล (46 ปี) ซึ่งเป็นสามีภรรยากัน พร้อมลูกสาวและลูกชายวัย 13 และ 8 ปี และยังมีแรงงานอีกคนคืออัง (22 ปี) ที่เดินทางมาด้วยกัน

แรงงานทั้งหมดให้การว่าเคยทำงานคัดแยกรองเท้าในตลาดโรงเกลือ แต่ถูกส่งตัวกลับประเทศเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เมื่อกลับไปถึงแล้วไม่มีงานทำและขาดรายได้ จึงตัดสินใจลักลอบกลับเข้ามาเพื่อกลับไปทำงานกับนายจ้างคนเดิม

เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวผู้ถูกจับกุมทั้งหมดเพื่อส่งให้พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรคลองน้ำใสและสถานีตำรวจภูธรคลองลึกดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก THE STANDARD

Nvidia-AMD ยอมจ่ายส่วนแบ่ง 15% ให้รัฐบาลสหรัฐฯ แลกใบอนุญาตขายชิป AI ให้จีน ผู้เชี่ยวชาญมอง ความมั่นคงชาติมีไว้ขายหรือ?

25 นาทีที่แล้ว

GALCHANIE จับมือ Tobii ส่งซิงเกิลใหม่ Taboo ที่น่าค้นหาและชวนติดตาม

38 นาทีที่แล้ว

Ellen DeGeneres ประกาศขายคฤหาสน์ในย่าน Cotswold อังกฤษด้วยราคา 971.2 ล้านบาท

55 นาทีที่แล้ว

Weapons จากคดีเด็กหายลึกลับที่อัดแน่นด้วยฉากจำชวนผวา

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

จับแรงงานกัมพูชาจำนวน 2 ครอบครัว ลอบเข้าไทย หนีความอดอยาก หวังกลับมาทำงานกับนายจ้างเดิม

มุมข่าว

นายอำเภอรุดเยี่ยมครูสาวถูกนักเรียนทำร้าย ใจดีขึ้นแล้ว! เปลี่ยนใจไม่ลาออก

The Bangkok Insight

เผยตัวเลขดูดซับคาร์บอน-ปล่อยออกซิเจนป่าอนุรักษ์ ชี้ ป่าต้นน้ำเก็บน้ำได้เปรียบเขื่อนภูมิพล 3 เขื่อน

MATICHON ONLINE

แม่ทัพภาค 4 เรียกประชุมด่วน! สกัดขบวนการขนอาวุธข้ามแดนมาเลเซียเข้าสู่นราธิวาส

สยามรัฐ

OKMD จัด “The Street Performance” เปิดพื้นที่สร้างสรรค์ด้านดนตรีให้แก่เด็กและเยาวชนคนรุ่นใหม่

INN News

"ภาษีทรัมป์" จุดกระแสคนอินโดนีเซียเลือกกิน "บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป" มากขึ้นอย่างไร

TNN ช่อง16

‘พาณิชย์’ หั่นเป้าค้าชายแดนกัมพูชาลง 1%จับตากระแสต่อต้านสินค้าไทย

JS100

เปิดคลิป ทหารแนวหน้า ส่งข้อความถึงแม่ ฟังจบ แทบกลั้นน้ำตาไม่ไหว

TNews

ข่าวและบทความยอดนิยม

สหรัฐฯ–จีน ขยายเวลาสงบศึกการค้าออกไปถึง 10 พ.ย. เลี่ยงขึ้นภาษีสามหลัก-เร่งเจรจาแก้ดุลการค้าและข้อพิพาทเชิงยุทธศาสตร์

THE STANDARD

ภูมิธรรมเชื่อตามกองทัพแจงฝ่ายไทยไม่ละเมิดสัญญาหยุดยิง จ่อประชุม สมช. ประเมินสถานการณ์สงบหรือไม่

THE STANDARD

โฆษก ทบ. ป้องแม่ทัพภาค 2 ไม่ได้วางแผนใช้กำลังทหารต่อกรณีปราสาทตาควาย ตามที่กัมพูชาอ้าง

THE STANDARD
ดูเพิ่ม
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...