โรคไข้ดิน ภัยเงียบช่วงหน้าฝนที่เสี่ยงอันตรายถึงชีวิต !
หน้าฝนทีไร เสี่ยงติดโรคทู้กที… ซึ่งเจ้าโรคที่มากับหน้าฝนก็มีเยอะแยะมากมายนะคะ หลัก ๆ ก็จะเป็นพวกหวัด ไข้ต่าง ๆ หรือโรคฉี่หนู แต่ยังมีอีกหนึ่งโรคที่คนไทยติดในช่วงหน้าฝนกันไม่น้อยเลยนั่นก็คือ " โรคไข้ดิน " นั่นเอง หลายคนอาจจะยังไม่คุ้นชื่อนักหรือบางคนอาจจะเคยได้ยินผ่านหูผ่านตามาบ้าง แค่อาจจะยังไม่รู้จักเจ้าโรคนี้ดีมากพอ งั้นเรามาทำความรู้จักเจ้าโรคนี้กันให้มากขึ้นดีกว่าว่ามันคือโรคอะไร มีอาการยังไง เสี่ยงติดแค่ไหนแล้วป้องกันได้ไหม ใครอยากรู้แล้วก็เลื่อนจอลงมาอ่านกันได้เล้ยยย~
♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥
โรคไข้ดิน คืออะไร ? เกิดจากอะไร ?
โรคไข้ดินหรือโรคเมลิออยโดสิส (Melioidosis) คือโรคที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่อยู่ในดิน น้ำ รวมไปถึงอากาศ ซึ่งอาจจะติดเชื้อจากทางใดก็ได้ โดยส่วนใหญ่มักจะระบาดในช่วงหน้าฝน สามารถพบได้ทั่วประเทศไทยแต่จะพบมากในภาคอีสานและภาคเหนือ
• • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • •
ชวนเช็กอาการโรคไข้ดิน มีอาการยังไงบ้าง ?
อาการของโรคไข้ดินที่สังเกตได้จากภายนอกหรือด้วยตาเปล่าได้เลยก็คือ…
- มีไข้สูง หนาวสั่น
- ไอ มีเสมหะ
- เจ็บหน้าอก หอบเหนื่อย อาการจะคล้าย ๆ ปอดอักเสบ
- มีตุ่ม ฝีหรือหนองขึ้นบริเวณผิวหนัง
- บางรายอาจจะมีอาการปวดท้องร่วมด้วย
ซึ่งอาการต่าง ๆ จะต้องเกิดหลังจากที่สัมผัสดิน สัมผัสน้ำขัง รับประทานน้ำ/อาหารที่ไม่สะอาด หรือสรุปง่าย ๆ เลยก็คือใครมีอาการตามที่ว่าเป็นเวลาหลายสัปดาห์แปลว่ามีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคไข้ดินนั่นเองค่ะ และเจ้าโรคนี้เมื่อเอกซเรย์เพิ่มเติมอาจจะพบฝีหรือหนองในปอด รวมถึงอาจจะพบในม้ามและตับได้อีกด้วย เลยเป็นที่มาของอาการเจ็บหน้าอกและปวดท้องนะคะ
• • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • •
โรคไข้ดินเป็นโรคติดต่อไหม ?
โรคไข้ดินเป็นโรคที่ติดจากเชื้อจากแบคทีเรีย คือมีเคสที่ติดจากคนสู่คนอยู่บ้างแต่มันเกิดขึ้นน้อยมาก ๆ และเชื้อแบคทีเรียที่ว่าสามารถติดได้แทบจะทุกทางเลย โดยหลัก ๆ ก็คือ
- ทางการสัมผัส : สัมผัสดิน แช่น้ำฝน/น้ำขังที่มีเชื้อแบคทีเรียปนเปื้อนเป็นเวลานาน
- ทางการหายใจ : สูดดมฝุ่นละออง ฝุ่นดินต่าง ๆ ที่มีเชื้อแบคทีเรียเข้าไป
- ทางการรับประทาน : ทานอาหารที่ไม่สะอาด ดื่มน้ำที่ไม่สะอาด มีเชื้อแบคทีเรียปนเปื้อน
- ทางเลือด : กรณีเป็นแผลแล้วไปสัมผัสกับเชื้อแบคทีเรีย ก็สามารถติดเชื้อในกระแสเลือดได้
จำง่าย ๆ เลยก็คือติดจากดิน น้ำและอากาศเป็นส่วนใหญ่ ส่วนโอกาสในการติดแบบมนุษย์สู่มนุษย์ก็มีแต่อาจจะน้อยค่ะ
• • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • •
ใครเสี่ยงเป็นโรคไข้ดินบ้าง ?
สำหรับคนที่จะเป็นกลุ่มเสี่ยงของโรคไข้ดินเลยก็คือ…
- คนที่ประกอบอาชีพที่ต้องสัมผัสกับดินนาน ๆ หรือแช่ในน้ำขังนาน ๆ เช่น เกษตรกร ชาวสวน ชาวไร่ ชาวนา ฯลฯ
- คนที่ประกอบอาชีพที่ต้องสัมผัสเชื้อโดยตรง เช่น ทำงานในห้องแล็บ/ห้องเพาะเชื้อ
- คนที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคระบบทางเดินเลือด โรคธาลัสซีเมีย โรคไตและโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง กลุ่มผู้ป่วยกลุ่มนี้หากเป็นโรคไข้ดินก็อาจจะมีอาการช็อกได้ด้วย
รวมไปถึงคนที่เป็นโรคปอดเรื้อรังบางคนก็อาจจะเสี่ยงเป็นได้ แม้กระทั่งคนที่ชอบปลูกต้นไม้ต้องอยู่กับดินเป็นเวลานาน คนที่ดื่มแอลกอฮอล์บ่อย ๆ ก็มีความเสี่ยงได้เช่นกัน เนื่องจากแอลกอฮอล์ทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายตกลงนั่นเอง
• • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • •
โรคไข้ดินรักษาหายไหม ?
สามารถรักษาให้หายขาดได้ ถ้าได้รับการวินิฉัยและรักษาในระยะแรก พูดง่าย ๆ ก็คือถ้ามีอาการที่ตรงหรือคล้ายที่เราได้บอกไปด้านบนแล้วรีบไปพบแพทย์ทันที โอกาสในการรักษาให้หายขาดก็สามารถทำได้ค่ะ ดังนั้นต้องหมั่นเช็กอาการและร่างกายของเราเสมอ ๆ ด้วย หลังสัมผัสกับน้ำ น้ำขังและดิน ถ้ามีไข้สูง หนาวสั่น ไอ หอบเหนื่อย มีตุ่ม หนองหรือฝีขึ้นตามผิวหนัง ฯลฯ ต้องรีบไปหาหมอทันที ยิ่งทิ้งไว้นานโอกาสรักษาให้หายขาดจะยิ่งยากขึ้นและอาจจะอันตรายมากขึ้นด้วยนะคะ
• • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • •
วิธีรักษาโรคไข้ดิน ให้หายขาด !
อย่างที่บอกไปเลยค่ะว่าโรคไข้ดินเป็นโรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย จึงต้องใช้ยาปฏิชีวนะในการรักษา โดย…
- การรักษาในระยะแรกสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง จะใช้ยาปฏิชีวนะแบบฉีด
- เมื่ออาการดีขึ้นจนสามารถกลับไปพักผ่อนที่บ้านได้ จะได้ยาปฏิชีวนะแบบรับประทานแทน
ซึ่งการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะแบบฉีดในช่วงแรกจะใช้ประมาณ 2 สัปดาห์หรืออาจจะนานกว่านั้นขึ้นอยู่กับอาการของผู้ป่วยแต่ละคน ส่วนยาปฏิชีวนะแบบรับประทานจะใช้ประมาณ 12 - 20 สัปดาห์ขึ้นอยู่กับการตอบสนองอาการของผู้ป่วย โดยรวม ๆ ก็จะใช้เวลารักษาประมาณ 2 - 3 เดือนค่ะ
• • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • •
วิธีป้องกันโรคไข้ดิน ควรทำยังไงบ้าง ?
วิธีการป้องกันก็ไม่ยากเลยค่ะ เรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่ควรทำในช่วงหน้าฝนมาก ๆ ด้วย นั่นก็คือ
- ดูแลสุขภาพให้แข็งแรงเสมอ ทานอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำให้เพียงพอ ออกกำลังกายและพักผ่อนให้เพียงพอ
- ควรดื่มน้ำและรับประทานอาหารที่ปรุงสุกสะอาด
- หลีกเลี่ยงการเดินเท้าเปล่าบนดินและบริเวณที่มีน้ำขัง
- หากต้องแช่น้ำหรือเหยียบดินเป็นเวลานาน ควรสวมรองเท้าบูททุกครั้ง
- หากต้องสัมผัสดินและน้ำขัง ควรใส่ถุงมือทุกครั้ง
- หากต้องอยู่กับดินที่อาจทำให้มีฝุ่นฟุ้ง เช่น ทำสวนหรือปลูกต้นไม้ ฯลฯ ก็ควรใส่แมสก์เพื่อป้องกัน
- หากเท้ามีบาดแผล ไม่ควรให้แผลสัมผัสกับน้ำ น้ำขังและดินโดยตรง
- หลังสัมผัสน้ำ น้ำขังและดินควรทำความสะอาดร่างกายให้ดีในทันที
แต่หากมีอาการต่าง ๆ เช่น ไข้สูง ไอ มีเสมหะ หอบเหนื่อย มีฝีหรือหนองตามผิวหนัง ฯลฯ ควรรีบพบแพทย์ทันทีเพื่อจะได้รับการรักษาทันเวลา โรคนี้รู้ตัวเร็วก็จะยิ่งปลอดภัยมากขึ้นนะคะ
♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥
ได้รู้จัก โรคไข้ดิน กันมากขึ้นแล้วหลาย ๆ คนอาจจะเกิดความกังวลขึ้นมา จะบอกว่าเจ้าโรคนี้ถึงจะเป็นโรคติดต่อแต่ก็ไม่ได้ติดง่ายขนาดนั้นน้า ถ้าร่างกายแข็งแรง ทานอาหารและดื่มน้ำที่สะอาดและดีต่อร่างกาย นอนหลับพักผ่อนเพียงพอ ออกกำลังกายบ้าง ไม่ดื่มเหล้า สูบบุหรี่จัด ๆ จนภูมิตก ยังไงก็เสี่ยงติดน้อยแน่นอนนะคะ ดังนั้นต้องป้องกันตัวเองและดูแลสุขภาพให้ดีอยู่เสมอด้วยนะคะ ส่วนตอนนี้ทางเราขอตัวลาไปก่อน ครั้งหน้าจะมีข้อมูลดี ๆ อะไรมาฝากก็ติดตามกันไว้ได้น้า บ๊ายบาย :-D
ขอบคุณภาพปกและภาพประกอบบทความจากเว็บไซต์ freepik.com และข้อมูลจากเว็บไซต์ของโรงพยาบาลวัฒนาแพทย์ ตรัง, Youtube : RAMA Channel, Youtube : รู้ทันกันได้ (ช่อง Thai PBS)
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
แนะนำบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ!