ADB สู่ช่วงฟื้นงานรัฐหนุน มาร์จิ้นพุ่ง-พลิกกำไร 200%
#ADB #ทันหุ้น – ADB รับอานิสงส์ภาครัฐเร่งสร้างรถไฟฟ้า-ระบบสาธารณูปโภค หนุนดีมานด์เม็ดพลาสติกสายไฟ เคเบิลพุ่งสูงขึ้น ทิศทางครึ่งปีหลังสดใส มาร์จิ้นเด่นแตะ 13% มั่นใจผลงานปีนี้ฟื้นคืนชีพ หลังไตรมาส 2/2568 พลิกกำไรแกร่ง 207% รับต้นทุนลด
นายจิรวัฒน์ อัครานุพรพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชีการเงิน บริษัท เอดีบี จำกัด (มหาชน) หรือ ADB เปิดเผยกับ “ทันหุ้น” ว่า ทิศทางธุรกิจและผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังปี 2568 มีแนวโน้มที่ดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก โดยเฉพาะด้านอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจน จากการบริหารจัดการต้นทุนวัตถุดิบ และมาตรฐานคุณภาพสินค้าที่ได้รับการยอมรับ แม้ภาพรวมเศรษฐกิจและกำลังการผลิตยังคงชะลอตัวเล็กน้อย
ปัจจุบัน ADB มุ่งเน้นธุรกิจหลักคือ การผลิตเม็ดพลาสติกคอมปาวด์สำหรับสายไฟ สายเคเบิล รวมถึงเม็ดพลาสติกสำหรับผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ อาทิ สายน้ำเกลือ สายฟอกไต และปัสสาวะ ซึ่งจำหน่ายให้กับพันธมิตรทางธุรกิจอย่าง บริษัท โซวะ โกลบอล (ประเทศไทย) จำกัด
** ผลงานพลิกกำไร
นอกจากนี้ ยังมีเม็ดพลาสติกเกรดใช้งานทั่วไปที่ใช้ในการผลิตสินค้าหลากหลาย เช่น ขอบคิ้วเฟอร์นิเจอร์ ริบบอน PVC ฉลาก และข้อต่อท่อน้ำ การเปลี่ยนแปลงสำคัญเกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว โดยบริษัทได้ขายบริษัทลูก และได้พันธมิตรใหม่คือ AICA เข้ามา ทำให้ปัจจุบันธุรกิจหลักที่เหลืออยู่คือผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกเป็นหลัก
ขณะที่ผลประกอบการครึ่งปีแรกพลิกเป็นบวก และคาดว่าในไตรมาส 3/2568 จะฟื้นตัวต่อเนื่อง แม้ยอดขายไตรมาส 2/2568 จะชะลอตัวเล็กน้อยเหลือประมาณ 185 ล้านบาท จากไตรมาสแรกที่ทำได้ประมาณ 210 ล้านบาท แต่คาดการณ์ว่าไตรมาส 3 มีแนวโน้มที่จะดีขึ้นและรีบาวด์ขึ้นมาได้ เนื่องจากไตรมาส 2 เป็นช่วงที่ต่ำสุดของวัฏจักรธุรกิจ
สำหรับปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผลประกอบการดีขึ้นคือ อัตรากำไร (Margin) ที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 13% โดยเฉพาะเกรด W-Cable มีมาร์จิ้นสูงถึง 15-20% ซึ่งการเพิ่มขึ้นของมาร์จิ้นเกิดจากหลายปัจจัย ได้แก่ ราคาวัตถุดิบขาลง ในกลุ่มต้นทุนวัตถุดิบปิโตรเคมีหลัก เช่น เรซิน และพลาสติกซอร์ต่างๆ ปรับลดลงอย่างชัดเจน ทำให้บริษัทได้รับประโยชน์จากต้นทุนที่ต่ำลง
** ได้รับมาตรฐาน
อีกทั้งบริษัทมีมาตรฐานคุณภาพสินค้า จากกรณีข่าวเรื่องผู้ผลิตสายไฟบางรายใช้เกรดราคาถูกที่ไม่ได้มาตรฐานเมื่อปลายปีที่แล้ว ส่งผลให้ลูกค้าหันมาใช้สินค้าที่ได้มาตรฐานมากขึ้น ADB ซึ่งผลิตสินค้าที่ได้มาตรฐานอยู่แล้ว จึงได้เปรียบและมีศักยภาพในการขยายฐานลูกค้า และเพิ่มมาร์จิ้นจากส่วนนี้
นอกจากธุรกิจหลักแล้ว ADB ยังรับรู้กำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมอย่าง บริษัท เอดีบี ซีแลนด์ จำกัด (ADBS) ซึ่งดำเนินธุรกิจยาแนวและกาว โดย ADB ถือหุ้น 49% และรับรู้ส่วนแบ่งกำไรเข้ามาประมาณ 11 ล้านบาท ในครึ่งปีแรก คาดการณ์ว่า ผลประกอบการของ ADBS ในครึ่งปีหลังน่าจะดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากไตรมาส 3 และต้นไตรมาส 4 เป็นช่วง High Season ของธุรกิจยาแนวและกาว ทำให้ส่วนแบ่งกำไรในครึ่งปีหลังอาจมากกว่า 11 ล้านบาท
สำหรับเป้าหมายรายได้รวมทั้งปี 2568 ประเมินว่าจะใกล้เคียงกับยอดขายของปีที่แล้วที่ 920 ล้านบาท หรืออาจโตเล็กน้อยประมาณ 5-10% อยู่ที่ประมาณ 870-900 ล้านบาท เนื่องจากราคาวัตถุดิบที่ปรับลดลงส่งผลต่อราคาขายสินค้า และความต้องการ (Demand) ที่ยังคงชะลอตัว อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงมีกำไรต่อเนื่อง
** รับโปรเจ็กต์รัฐ
ขณะที่ลูกค้าหลักของ ADB คือ บริษัทเอกชนผู้ผลิตสายไฟและสายเคเบิลรายใหญ่ เช่น จรุงไทย หรือยาซากิ ซึ่งบริษัทเหล่านี้จะนำเม็ดพลาสติกของ ADB ไปผลิตเป็นสายไฟเพื่อรองรับงานปลายทางที่ส่วนใหญ่เป็นโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ โดยเฉพาะ โครงการโครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณูปโภค การก่อสร้างต่างๆ และรถไฟฟ้า ที่กำลังขยายหลายสายทั่วประเทศ ซึ่งถือเป็นกลุ่มงานหลักที่สร้างรายได้ให้กับบริษัท
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 2/2568 บริษัทสามารถพลิกจากขาดทุนสุทธิ 3.96 ล้านบาท ในไตรมาส 2/2567 มาเป็นกำไรสุทธิ 4.27 ล้านบาท ในไตรมาส 2/2568 คิดเป็นการเพิ่มขึ้นถึง 207.83% ปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนการเติบโตของกำไร ได้แก่ การเพิ่มขึ้นของกำไรขั้นต้นในบางกลุ่มผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะเม็ดพลาสติกพีวีซี สำหรับผลิตสายไฟฟ้า สายเคเบิล และ Bio-Based PVC Compound, การลดลงของค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ลดลง 20.04% และการเพิ่มขึ้นของกำไรจากบริษัทย่อย ADBS
Top of Form
Bottom of Form