โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

กสิกรไทย กำไรสุทธิไตรมาส 2/68 กว่า 1.2 หมื่นล้านบาท

สำนักข่าวไทย Online

อัพเดต 22 กรกฎาคม 2568 เวลา 20.30 น. • เผยแพร่ 5 ชั่วโมงที่ผ่านมา • สำนักข่าวไทย อสมท

กรุงเทพฯ 22 ก.ค. – ธ.กสิกรไทย เผยกำไรสุทธิไตรมาส 2/68 กว่า 12,488 ล้านบาท ลดลง 9.45% ล้านบาท กสิกรไทยส่งผลงวดครึ่งปีแรก ปี 68 กำไรสุทธิ 26,280 ล้านบาท ลดลง 0.98% ประเมินเศรษฐกิจไทยครึ่งหลังปี 68 โตต่ำต่อเนื่องถึงปี 69
นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2 ปี 2568 มีสัญญาณชะลอตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะในด้านการใช้จ่ายของภาคเอกชน การผลิตภาคอุตสาหกรรม และรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งสอดคล้องกับการปรับลดลงของดัชนีความเชื่อมั่นทั้งในฝั่งผู้บริโภคและภาคธุรกิจ นอกจากนี้ การใช้จ่ายของภาครัฐ ทั้งในส่วนของรายจ่ายประจำและรายจ่ายเพื่อการลงทุนหดตัวลง เพราะเทียบกับฐานที่สูงในช่วงเดียวกันปีก่อนที่ พ.ร.บ.งบประมาณปี 2567 เริ่มมีผล สำหรับในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 นั้น มองว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเติบโตในระดับต่ำกว่าครึ่งแรกของปีค่อนข้างมาก หรือมีความเสี่ยงที่จะไม่เติบโต เนื่องจากการส่งออกมีแนวโน้มหดตัวลึกหลังจากขยายตัวสูงไปแล้วในช่วงครึ่งปีแรก ประกอบกับอัตราภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ที่จะเก็บจากสินค้าไทยอาจสูงกว่าคู่แข่งสำคัญหลายประเทศ ซึ่งจะมีผลกระทบต่อเนื่องต่อบรรยากาศการลงทุน ในขณะที่แรงหนุนจากภาคการท่องเที่ยวมีแนวโน้มชะลอลงแรง แต่เม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐทำได้เพียงในระดับจำกัด นอกจากนี้ ปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวจะมีผลกดดันต่อเนื่องต่อเศรษฐกิจไทยในปี 2569 ด้วยเช่นกัน

ท่ามกลางความท้าทายของปัจจัยทางเศรษฐกิจทั้งในและนอกประเทศที่มีความเสี่ยงสูง รวมทั้งความกังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ธนาคารและบริษัทย่อยยังคงดำเนินธุรกิจด้วยความรอบคอบ โดยมุ่งเน้นการสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย ซึ่งรวมถึงความรับผิดชอบต่อลูกค้าผู้ฝากเงิน ผู้ลงทุน ที่ครอบคลุมถึงลูกค้าบุคคลและลูกค้าธุรกิจด้วยการดูแลช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ อย่างเหมาะสม ทั้งการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม ตลอดจนการสนับสนุนมาตรการภาครัฐอย่างเต็มที่ เช่น โครงการคุณสู้เราช่วย และมาตรการให้ความช่วยเหลือต่าง ๆ รวมทั้งการส่งผ่านต้นทุนทางการเงินที่ลดลงเพื่อแบ่งเบาภาระของลูกค้า สนับสนุนให้ลูกค้าสามารถดำเนินชีวิต และธุรกิจต่อไปได้อย่างยั่งยืน ตลอดจนการส่งมอบผลตอบแทนที่มั่นคงให้แก่ผู้ถือหุ้น ผ่านการเดินหน้าตามยุทธศาสตร์ 3+1 และการจัดการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน (Productivity) อย่างต่อเนื่องภายใต้บริบทของเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนสูง

ผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2568 เปรียบเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2568 ธนาคารและบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคารจำนวน 12,488 ล้านบาท ลดลงจำนวน 1,303 ล้านบาท หรือ 9.45% หลัก ๆ จากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่ลดลงตามภาวะตลาด รวมทั้งการดูแลช่วยเหลือด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อช่วยเหลือแบ่งเบาภาระให้ลูกค้ามีความยืดหยุ่นทางการเงินมากขึ้นและช่วยเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ โดยอัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (Net interest margin : NIM) ลดลงอยู่ที่ระดับ 3.31% แม้ว่ารายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยมีจำนวน 13,944 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 266 ล้านบาท หรือ 1.95% หลัก ๆ จากผลการดำเนินงานการบริการประกันภัย และรายได้จากการลงทุน สำหรับค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ มีจำนวน 20,803 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 751 ล้านบาท หรือ 3.75% จากไตรมาสก่อน ส่วนใหญ่จากค่าใช้จ่ายด้านเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อสนับสนุนการขยายช่องทางการให้บริการลูกค้าและค่าใช้จ่ายทางการตลาด อย่างไรก็ตาม ธนาคารและบริษัทย่อยยังคงให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายให้อยู่ภายใต้องค์รวมของกรอบงบประมาณที่วางไว้ ส่งผลให้เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ ลดลง 1.68% นอกจากนี้ ได้พิจารณาตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจำนวน 10,050 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 232 ล้านบาท หรือ 2.36% ตามหลักความระมัดระวังอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สำรองฯ อยู่ในระดับที่เหมาะสม รองรับความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวต่อเนื่อง รวมถึงผลกระทบจากสถานการณ์ในอนาคต

ผลการดำเนินงานสำหรับงวด 6 เดือน ปี 2568เปรียบเทียบกับงวด 6 เดือน ปี 2567 ที่ปรับปรุงใหม่ ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นและภาษีเงินได้มีจำนวน 56,847 ล้านบาท ลดลงจำนวน 2,470 ล้านบาท หรือ 4.16% เป็นผลจากการลดลงของรายได้จากการดำเนินงานสุทธิ หลัก ๆ จากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิจำนวน 70,080 ล้านบาท ลดลงจำนวน 5,234 ล้านบาท หรือ 6.95% สอดคล้องกับภาวะอัตราดอกเบี้ย และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อช่วยเหลือแบ่งเบาภาระให้ลูกค้ามีความยืดหยุ่นทางการเงินมากขึ้น และช่วยเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (Net interest margin : NIM) ลดลงอยู่ที่ระดับ 3.36% แม้ว่ารายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยมีจำนวน 27,622 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 2,409ล้านบาท หรือ 9.55% หลัก ๆ จากกำไรจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน รายได้จากการลงทุน และรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ ในขณะที่ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ มีจำนวน 40,855 ล้านบาท ลดลงจำนวน 355 ล้านบาท หรือ 0.86% จากการบริหารจัดการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องภายใต้ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว โดยอัตราส่วนค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ ต่อรายได้จากการดำเนินงานสุทธิ (Cost to income ratio) อยู่ที่ระดับ 41.82% นอกจากนี้ ธนาคารและบริษัทย่อยยังคงยึดหลักความระมัดระวังอย่างรอบคอบตามที่ได้ปฏิบัติมาอย่างสม่ำเสมอ จึงพิจารณาตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected credit loss : ECL) จำนวน 19,868 ล้านบาท เพื่อให้สำรองฯ มีความเหมาะสม สอดคล้องกับสถานการณ์ และภาวะเศรษฐกิจที่มีความผันผวนและยังคงเผชิญกับความท้าทาย ส่งผลให้กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคารสำหรับงวด 6 เดือน ปี 2568 มีจำนวน 26,280 ล้านบาท ลดลงจำนวน 260 ล้านบาท หรือ 0.98%
ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2568 ธนาคารและบริษัทย่อยมีสินทรัพย์รวมจำนวน 4,374,808 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจำนวน 33,854 ล้านบาท หรือ 0.78% เมื่อเทียบกับ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 ที่ปรับปรุงใหม่ ส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นจากเงินลงทุนสุทธิ ซึ่งเป็นการลงทุนตามการคาดการณ์ภาวะตลาดและทิศทางอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม เงินให้สินเชื่อสุทธิลดลง เป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว โดยธนาคารยังคงมุ่งเน้นการขยายสินเชื่ออย่างมีคุณภาพ ให้ความสำคัญกับคุณภาพสินทรัพย์ และการเพิ่มผลตอบแทนที่ปรับตามความเสี่ยงให้เหมาะสม ทั้งนี้ อัตราส่วนเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อ (%NPL gross) อยู่ที่ระดับ 3.18% ซึ่งยังคงต้องดำเนินการติดตามคุณภาพสินทรัพย์อย่างระมัดระวังใกล้ชิดในภาวะเศรษฐกิจที่ยังมีความไม่แน่นอน โดยอัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage ratio) เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 162.77% สำหรับอัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้นต่อสินทรัพย์เสี่ยงของกลุ่มธุรกิจทางการเงินธนาคารกสิกรไทยตามหลักเกณฑ์ Basel III ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2568 ยังคงมีความแข็งแกร่งอยู่ที่ 20.66%.-516-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก สำนักข่าวไทย Online

สีสันการแข่งขันส้มตำลีลา ท่าเก็บของลิซ่าก็มา

21 นาทีที่แล้ว

เปิดประวัติ “วิทัย รัตนากร” ผู้ว่าการ ธปท.คนใหม่

25 นาทีที่แล้ว

เพื่อไทยเคาะ “ฉลาด” นั่งรอง ปธ.สภาฯ คนที่ 2 นัดโหวต 24 ก.ค.

58 นาทีที่แล้ว

‘ภท.’ งัดคลิปตอก! บอกใครกันแน่สนิทแนบแน่น ‘ผู้นำกัมพูชา’

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

พายุวิภา ซัดเวียดนามแล้ว เตรียมตัวพรุ่งนี้ไทยเจอของจริง ตกหนัก ลมแรง

BRIGHTTV.CO.TH

‘เจ้าคุณณรงค์’ วัดม่วง เริ่มจำได้ ‘เอาทองไปขาย’ แต่ยังไม่ชัดเจน

The Bangkok Insight

กรมศุลกากร จับกุมสินค้าผิดกฎหมาย มูลค่ากว่า 88 ล้านบาท

AEC10NEWs

ฉาวโฉ่! สาวเสพยาโจ่งครึ่มกลางเมืองพัทยา วอนเร่งจับกุมหวั่นทำลายภาพการท่องเที่ยว

เดลินิวส์

‘LAS VEGAS SANDS’ โครงการระดับอัลตร้าลักชัวรีแห่งใหม่ในสิงคโปร์ คาดเป็นจุดหมายด้านความบันเทิง 8 พันล้านเหรียญ

TODAY

สีสันการแข่งขันส้มตำลีลา ท่าเก็บของลิซ่าก็มา

สำนักข่าวไทย Online

กมธ.ศาสนาฯ วุฒิสภา จ่อคุมพระแชต-วิดีโอคอลสีกา สกัดปัญหา “ลับหู”

เดลินิวส์

GCNT ผนึกกำลังทุกภาคส่วน จัด ‘GCNT EXPO 2025’ เร่งเครื่องประเทศไทยสู่หมุดหมายความยั่งยืน ท่ามกลางวิกฤตและความท้าทาย

THE STANDARD

ข่าวและบทความยอดนิยม

กรุงไทย กำไรสุทธิไตรมาส 2 ปี 68 กว่าหมื่นล้านบาท

สำนักข่าวไทย Online

เอสซีบีเอกซ์ กำไรสุทธิไตรมาส 2/68 แตะ 1.27 หมื่นล้านบาท

สำนักข่าวไทย Online

กลุ่มทิสโก้ เผยไตรมาส 2/68 กำไรสุทธิ 1,644 ล้านบาท ลดลง 6.2%

สำนักข่าวไทย Online
ดูเพิ่ม
Loading...