ศาลทหารชั้นฎีกา พิพากษาจำคุกรุ่นพี่-ครูฝึกทำ “น้องเมย” เสียชีวิต 4 เดือน 16 วัน รอลงอาญา 2 ปี และปรับ 15,000 บาท
22 กรกฎาคม 2568 ที่ศาลมณฑลทหารบกที่ 12 จ.ปราจีนบุรี นายพิเชษฐ์ และ นางสุกัลยา ตัญกาญจน์ พ่อแม่ของนายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ น้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 ซึ่งเสียชีวิตอย่างปริศนา หลังจากถูกธำรงวินัยโดยรุ่นพี่ทหาร 2 นาย ภายในโรงเรียนเตรียมทหาร เมื่อวันที่ 17 ต.ค. 2560 โดยในวันนี้ครอบครัวเดินทางมาเพื่อฟังคำพิพากษาของศาลทหารในชั้นฎีกา
โดย ศาลทหารชั้นฎีกาพิพากษายืนตามศาลชั้นอุทธรณ์ จำเลยมีความผิดทำร้ายร่างกาย ทำโทษโดยฝ่าฝืนคำสั่งกลุ่มนักเรียนโรงเรียนเตรียมทหาร ส่วนที่โจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยทันทีนั้น ศาลเห็นว่าด้วยอายุจำเลยไม่เคยได้รับโทษ การจะลงโทษจำเลยไปก็ไม่เป็นประโยชน์ ให้จำเลยปรับปรุงตัวรับราชการรับใช้ชาติต่อไปจะเป็นประโยชน์มากกว่า จึงให้ลงโทษจำคุก 4 เดือน 16 วัน ปรับ 15,000 บาท ให้รอลงอาญา 2 ปี
สำหรับคดีนี้ ผู้ฟ้องร้องหลักคือครอบครัวของน้องเมย โดยในคดีอาญา ทางครอบครัวได้ร้องทุกข์กล่าวโทษให้มีการดำเนินคดีกับ 2 นักเรียนเตรียมทหาร รุ่นพี่ ในข้อหาทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และ ว่าที่ร้อยตรี ซึ่งเป็น ครูฝึก ในข้อหากระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งคดีเหล่านี้อยู่ภายใต้การพิจารณาของศาลทหาร เนื่องจากจำเลยเป็นบุคลากรทางทหารและเหตุเกิดในเขตอำนาจศาลทหาร ศาลทหารชั้นต้น (มีการพิจารณาในช่วงปี 2561-2562) มีคำพิพากษาให้ รอการกำหนดโทษ นักเรียนเตรียมทหารรุ่นพี่ที่ถูกฟ้องร้องในคดีทำร้ายร่างกาย ส่วนคดีอื่นๆ ที่ครอบครัวน้องเมยฟ้องร้องนั้น พนักงานสอบสวนและอัยการบางส่วนได้มีคำสั่งไม่ฟ้อง โดยให้เหตุผลว่าไม่มีประจักษ์พยานที่เพียงพอ
ต่อมาใน ชั้นศาลอุทธรณ์ (มีคำพิพากษาในส่วนคดีแพ่งที่ ตุลาคม 2566) สำหรับคดีทำร้ายร่างกายที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา ศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นในบางคดี
ทั้งนี้ นางสุกัลยา กล่าวว่า ผ่านมา 8 ปี ที่ตนต่อสู้เพื่อลูก เพราะต้องการให้สังคมเห็นว่า ลูกชายไม่ได้ทำผิดระบบเกียรติศักดิ์ เขาไม่ได้โกหก แม้จะเสียชีวิตแล้ว ซึ่งไม่มีโอกาสได้พูด แต่ยังถูกใส่ร้าย วันนี้จึงขอฟังผลการตัดสินของศาลก่อน หากผลออกมาดี จะช่วยคืนความยุติธรรมให้กับลูกชาย กู้ศักดิ์ศรีให้กับลูกชายด้วย โดยระยะเวลาของการสู้คดี 8 ปี ยังไม่ได้รับการชดใช้ค่าเสียหายจากกระทรวงกลาโหมและกองทัพไทย ครอบครัวยังติดใจประเด็นอวัยวะบางส่วนของลูกชาย ที่ยังไม่ได้รับกลับคืนมา เช่น สมอง หัวใจ และ กระเพาะอาหาร ครอบครัวแจ้งความนายแพทย์ที่ผ่าตัดคนแรก แต่ไม่นำอวัยวะมาคืน โดยตั้งข้อสังเกตว่าทำไมตำรวจออกหมายเรียกนายแพทย์คนดังกล่าวถึง 2 ครั้ง แต่ไม่ออกหมายจับ ทั้งที่นายแพทย์คนนี้ไม่ไปพบพนักงานสอบสวน "หลังจากนั้นครอบครัวประสานขออวัยวะจากโรงพยาบาลพระมงกุฎฯ ก่อนนำไปตรวจดีเอ็นเอที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ และทราบผลจากผู้อำนวยการโรงพยาบาลว่า ดีเอ็นเอเข้ากันไม่ได้"