คปภ.ยันประกันต้องจ่ายเหตุจรวดเขมรยิงปั๊มโออาร์เสียหาย 20 ล้าน เป็นเหตุปะทะ ห้ามยึกยัก
พ.อ.เฟื่องวิชชุ์ อนิรุทธเทวา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพลังงาน ได้รับมอบหมายจาก นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วย นายคณานุสรณ์ เที่ยงตระกูล ผู้ช่วยเลขาธิการสายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ได้รับหนังสือขอความอนุเคราะห์และขอความเป็นธรรม จากนางกมลรัตน์ พลเศรษฐเลิศ เจ้าของสถานีบริการน้ำมัน ปตท. ตำบลบ้านผือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งได้รับผลกระทบจากการยิงลูกระเบิด BM21 ที่ถูกยิงจากฝั่งกัมพูชา เป็นผลให้ได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก
โดย พ.อ.เฟื่องวิชชุ์ กล่าวว่า แม้ กระทรวงพลังงาน จะไม่ได้มีความเกี่ยวข้องโดยตรง แต่กระทรวงพลังงาน โดยนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้มอบหมายให้ดูแลและเป็นตัวกลางในการประสานงานและหารือกับทาง คปภ. และผู้บริหารของ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ (OR) ในการหาแนวทางแก้ไขและช่วยเหลือเจ้าของสถานีบริการน้ำมัน
“ผมขอแสดงความเสียใจกับเจ้าของสถานีบริการน้ำมันและผู้ได้รับผลกระทบทั้งหมด หลังจากที่ได้ลงพื้นที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ได้เห็นถึงความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งผมก็ได้รับมอบหมายจากนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ให้ติดตามช่วยเหลือประชาชน ซึ่งในส่วนของสถานีบริการน้ำมันที่ได้รับผลกระทบนั้น ผมได้หารือกับทาง คปภ. ซึ่งในเบื้องต้นทาง คปภ. ได้ยืนยันว่า บริษัทประกันต้องรับผิดชอบค่าเสียหายเนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพียงการปะทะ ไม่ใช่ภัยสงคราม รวมทั้งจะประสานกับทาง บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ ในการหาแนวทางการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบโดยเร็ว” พ.อ.เฟื่องวิชชุ์ กล่าว
นายคณานุสรณ์ เที่ยงตระกูล ผู้ช่วยเลขาธิการสายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ คปภ. กล่าวว่า ได้ตรวจสอบกรมธรรม์ที่ทางเจ้าของปั๊มได้ทำไว้กับบริษัทประกันภัยนั้น ยอมรับว่าปกติกรมธรรม์จะระบุเงื่อนไขว่า ไม่คุ้มครองภัยที่เกิดจากสงครามหรือการรุกราน แต่ยืนยันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ไม่ใช่ภัยจากสงคราม เป็นการปะทะกันของทหารของทั้งสองประเทศระหว่างแนวชายแดนไทยกัมพูชาเท่านั้นไม่ใช่เป็นเหตุการณ์สู้รบระดับประเทศหรือระหว่างรัฐกับรัฐ ในลักษณะที่ถือว่าเป็นภัยสงคราม ทางบริษัทประกัน จึงต้องเร่งเยียวยาผู้ได้รับความเสียหายโดยเร็ว
ทั้งนี้คปภ.ได้มอบหมายสำนักงานประกันภัยจังหวัดศรีสะเกษลงพื้นที่ตรวจสอบและดูแลผู้ที่ได้รับความเสียหายในปั๊มน้ำมันที่เกิดเหตุ พบว่าปั๊มแห่งนี้ ทำประกันภัยไว้ 2 ประเภท คือ ประกันภัยความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน ที่มีการระบุความเสี่ยงอย่างชัดเจน เพื่อไม่ให้ครอบคลุม โดยจะคุ้มครองตัวอาคารทั้งหมดที่อยู่ในปั๊มน้ำมัน อาจมีเงื่อนไขต่างๆ ในกรมธรรม์ จะให้เจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยดูแล แต่มั่นใจได้ว่า กรณีนี้อยู่ในความคุ้มครองของกรมธรรม์ประกันภัย บริษัทประกันภัยมีหน้าที่เข้าไปตรวจสอบความเสียหายและชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
ส่วนประกันภัยความรับผิดต่อบุคคลภายนอก ความเสียหายนั้นเป็นความเสียหายที่ไม่ได้เกิดจากปั๊มน้ำมัน แต่เป็นความเสียหายจากบุคคลภายนอกดังนั้นกรมธรรม์ฉบับนี้อาจจะไม่มีความคุ้มครอง แต่คปภ.ได้ประสานไปยังบริษัทประกันภัยดังกล่าว ว่าแม้จะไม่มีความคุ้มครองแต่จะขอให้บริษัทแห่งนี้ให้ความช่วยเหลือเป็นสินไหมกรุณา คือ เงินสินไหมทดแทนที่บริษัทประกันจ่ายให้ด้วยความเห็นอกเห็นใจ ต่อเหตุการณ์ความเสียหายที่ไม่ได้อยู่ในความคุ้มครองของกรมธรรม์
“ คปภ.ได้ตรวจสอบว่าผู้เสียชีวิตแต่ละคนมีประกันภัยกับบริษัทใดบ้าง ซึ่งบางคนมีการทำประกันภัยส่วนตัวไว้ ก็ได้ประสานงานให้บริษัทประกันภัยเร่งให้ความช่วยเหลือ รวมถึงขอให้บริษัทประกันภัยนั้นๆ ให้ความช่วยเหลือเป็นสินไหมกรุณาให้กับผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ แม้ว่าจะไม่มีความคุ้มครองก็ตาม ส่วนกรณีที่มีเด็กเสียชีวิต ได้ประสานไปยังโรงเรียน พบว่าได้มีการทำ พบว่าได้มีการทำประกันภัยอุบัติเหตุไว้ จึงได้ประสานให้บริษัทประกันภัยเตรียมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนด้วย”
อย่างไรก็ตาม โดยปกติตามกระบวนการทั้งหมดยจะใช้เวลา 45 วัน กรอบการพิจารณาภายใน 15 วัน และจ่ายเงินภายใน 15 วัน โดยหน้าที่ของคปภ. จะเร่งให้เร็วกว่านั้น ซึ่งขั้นตอนกรณีนี้ ได้รับแจ้งเหตุนับจากวันเสาร์ที่ 2 ส.ค. ได้มอบหมายให้ทีมงานลงไปตรวจสอบแล้ว และทางคปภ.ได้เจรจากับผู้บริหารระดับสูงของทั้ง 2 บริษัทประกันภัยแล้ว ซึ่งทางผู้บริหารประกันภัยทั้ง 2 แห่งรับรู้แล้วว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการปะทะ ไม่ใช่ภัยสงคราม ทุกอย่างอยู่ในเงื่อนไขของกรมธรรม์ที่ต้องเยียวยา แต่ไม่สามารถเปิดเผยตัวเลขได้ เพราะเป็นเงื่อนไขของทางบริษัท
ในส่วนของนางกมลรัตน์ พลเศรษฐเลิศ เจ้าของสถานีบริการน้ำมัน กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นความขัดแย้งระหว่าง 2 ประเทศ แต่ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะสถานีบริการน้ำมันและร้านสะดวกซื้อของตนได้รับผลกระทบอย่างมาก ต้องปิดสถานีบริการมากกว่า 3 เดือน มูลค่าความเสียหายกว่า 20.1 ล้านบาท ซึ่งสถานีบริการน้ำมันดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการผ่อนชำระเงินกู้กับธนาคาร
ผู้แทนจาก บมจ.โออาร์ กล่าวว่า ในส่วนของโออาร์นั้น เบื้องต้นหลังจากเกิดเหตุการณ์ฝั่งกัมพูชายิงจรวดข้ามแดนมาตกบริเวณปั๊มน้ำมันพีทีที สเตชั่น อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ โออาร์ ได้เข้าไปมอบเงินช่วยเหลือแก่ผู้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บแล้ว ส่วนความคืบหน้าการเข้าไปเยียวยาซ่อมแซมปั๊มน้ำมันที่ได้รับความเสียหายนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการรอคืนพื้นที่อย่างเป็นทางการจากฝั่งทหาร ตำรวจ เนื่องจากบางส่วนยังต้องรอเคลียร์ระเบิดลูกปลายฝังอยู่บางส่วน หากเจ้าของปั๊มได้รับการคืนพื้นที่อย่างเป็นทางการทั้งหมดแล้ว ทางโออาร์จะเร่งเข้าไปซ่อมแซมปั๊มน้ำมัน เพื่อให้ผู้ประกอบการปั๊มน้ำมัน กลับมาให้บริการเร็วที่สุดก่อน โดยไม่ต้องรอบริษัทประกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัญหาการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบในครั้งนี้ เกิดจาก 1 ใน 2 บริษัท ที่รับประกันภัย มองว่า เหตุการณ์ดังกล่าว เป็นภัยสงคราม ไม่ใช่เหตุปะทะ จึงมองว่า ความคุ้มครองดังกล่าว ไม่ครอบคลุมภัยที่เกิดขึ้น ทางกระทรวงพลังงาน จึงต้องเชิญ คปภ. ออกมายืนยันว่า เหตุดังกล่าวเป็นภัยปะทะเท่านั้น ไม่ใช่ภัยสงคราม ทางผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นบริษัทประกันภัย ซีพีออลล์ โออาร์ จะต้องเร่งออกมาให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับความเสียหาย ทั้งในส่วนผู้ประกอบการ ประชาชนที่เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บ