เมื่อเวทีมรดกโลกกลายเป็นสังเวียนเดือด ‘ไทย-กัมพูชา’ ปม ‘วัดภูม่านฟ้า’ ลอกนครวัด? หรือแค่เกมการเมือง?
เมื่อวันที่ (10 ก.ค. 68) การประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 47 กลายเป็นเวทีมวยระหว่าง “ทีมไทย” และ “ทีมกัมพูชา” เมื่อ นางเฟือง สกุณา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและศิลปกรรมของกัมพูชา เดินหน้าตั้งข้อกล่าวหาตรงๆ กลางที่ประชุมว่า “วัดภูม่านฟ้า” ของไทย เป็นการลอกเลียนแบบนครวัดแบบไร้ยางอาย!
โดยเธอระบุว่า วัดดังกล่าวเป็นการ บั่นทอนคุณค่าของนครวัดในฐานะแหล่งมรดกโลก และเรียกร้องให้ยูเนสโกและองค์กรที่ปรึกษาเร่งตรวจสอบไทย พร้อมทิ้งระเบิดว่า “นี่คือการสร้างบรรทัดฐานอันตรายต่อการอนุรักษ์มรดกโลกในระดับสากล”
ทีมไทยไม่ยอม! โต้เดือดกลางที่ประชุม “อย่าเอามรดกโลกมาใช้เล่นการเมือง!”
นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว หัวหน้าคณะผู้แทนไทย ถึงกับต้องลุกขึ้นตอบโต้ทันที โดยเริ่มจากประโยคที่ว่า “แม้เราไม่ประสงค์จะโต้แย้ง แต่เมื่อถูกรุก ก็จำเป็นต้องชี้แจงให้กระจ่าง”
จากนั้นเขาก็เปิดเกมสวนกลับอย่างมีชั้นเชิงว่า ไทยยึดถือว่ามรดกทางวัฒนธรรมควรเป็นสิ่งที่เชื่อมโยงประชาชน ไม่ใช่ฉีกให้แตกแยก พร้อมตั้งคำถามว่า เหตุใดฝ่ายกัมพูชาจึงจงใจกล่าวหาในเวทีระดับโลก แทนที่จะหารือกันด้วยมิตรไมตรีในระดับทวิภาคี
“ไทยรู้สึกทั้งประหลาดใจและผิดหวัง…วัดภูม่านฟ้าไม่ได้ลอกเลียนแบบปราสาทนครวัด แต่นำแรงบันดาลใจจากศิลปะพุทธศาสนาไทยมาใช้โดยชอบธรรม” — นายสีหศักดิ์
.
กลิ่นการเมืองโชยแรง – Lobby วืด? เฟซบุ๊กมาไว!
.
ไม่เพียงแค่แถลงในห้องประชุม คณะผู้แทนไทยยังตั้งข้อสังเกตถึง ความพยายามอย่างแข็งขันของกัมพูชาในการ lobby คณะผู้แทนหลายชาติในที่ประชุม โดยหวังผลักดันประเด็นให้เป็น “ดราม่าระดับโลก” แต่กลับ ไม่เป็นผล เพราะหลายประเทศเห็นว่าควรเคลียร์กันเองในระดับประเทศต่อประเทศ
.
หลังกล่าวถ้อยแถลงไม่นาน ฝ่ายกัมพูชาได้ รีบโพสต์เนื้อหาลงเฟซบุ๊ก อย่างฉับไวราวกับเตรียมสคริปต์ไว้ล่วงหน้า จนหลายฝ่ายจับตาว่า เรื่องนี้อาจไม่ใช่แค่การปกป้องนครวัด หากแต่ซ่อนเกมการเมืองภายในประเทศไว้เบื้องหลัง
.
ไทยยันพร้อมคุย แต่ขอให้มีสติ
ในช่วงท้าย ทีมไทยยังยืนยันว่า พร้อมหารือกับกัมพูชาในประเด็นนี้ รวมถึงประเด็นวัฒนธรรมอื่น ๆ บนพื้นฐาน “มิตรภาพและความร่วมมือ” ตามที่ผู้นำสองประเทศเคยเห็นชอบจัดตั้งคณะทำงานร่วม แต่ย้ำว่า ความร่วมมือนั้นต้องตั้งอยู่บนความจริง ไม่ใช่การกล่าวหาลอย ๆ