ธ.ก.ส.เร่งปั้นคนรุ่นใหม่ แก้โจทย์ใหญ่ภาคเกษตรไทย
“ภาคเกษตรมีความท้าทายใหญ่มาก อายุของเกษตรกรดั้งเดิมเริ่มเข้าสู่ช่วงสูงวัย และคนลูกหลานในภาคเกษตรหันไปประกอบอาชีพอื่น จึงเป็นอีกบทบาทหนึ่งของ ธ.ก.ส.ในการนำคนรุ่นใหม่กลับเข้าภาคการเกษตร”
นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ถึงบทบาทของธนาคารที่มุ่งเน้นเพื่อการพัฒนาและยกระดับภาคเกษตรทั้งระบบอย่างยั่งยืน ระหว่างทริปนำสื่อมวลชนและนำลูกค้า/เกษตรกรหัวขบวน 10 ราย ที่มีศักยภาพ จาก 10 ชุมชน ไปศึกษาดูงานการยกระดับมาตรฐานและมูลค่าสินค้าเกษตร ณ สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 18-24 มิ.ย. ที่ผ่านมา
นำเกษตรกรหัวขบวนศึกษาดูงาน
โดยในการดูงาน มีการเข้าเยี่ยม “อุทยานนิทรรศการเกษตรกรรมซินเจียง” ที่เป็นหนึ่งในสถานีวิจัยด้านการเกษตรที่สำคัญของจีน ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ 16,148 ตารางเมตร โดยใช้โครงสร้างเรือนกระจก ที่นี่นำเสนอการปลูกพืชแนวตั้ง (Vertical Farming) และเป็นผักไฮโดรโปนิกส์ อยู่ในโรงเรือนระบบปิด
ซึ่งผสมผสานเทคโนโลยีให้เข้ากับธรรมชาติ เพื่อควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น แสงแดด และใช้ AI ตรวจวัดความผิดปกติ เทคนิคการปลูกไม้ดอกควบคู่ผักเพื่อควบคุมออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์ ใช้กับดักแมลงแบบกาวเหนียวสองสี รวมถึงเทคโนโลยีสายพานในการเพาะกล้า
อีกจุดคือ ฟาร์มโคนมขนาดใหญ่ Xinjiang Tianrun Dairy Co., Ltd. เลี้ยงโคนมถึง 2 ล้านตัว เน้นการใช้เทคโนโลยีจากสวีเดน ให้ได้มาตรฐานความปลอดภัย พร้อมผสมผสานการปลูกพืชสำหรับอาหารสัตว์ การเลี้ยงโคนม การผลิตนม การวิจัยและพัฒนาทางวิทยาศาสตร์ และการตลาด
และฐานปลูกหนานชาน (Xiangzhiyuan Nanshan) โดยรัฐบาลจีนลงทุนสร้างโรงเรือนมาตรฐาน 100 หลัง และเตรียมขยายเป็น 500 หลัง เพื่อให้ประชาชนเช่าในราคาปีละ 10,000 หยวนต่อโรงเรือน (ประมาณ 50,000 บาท) และสร้างรายได้เฉลี่ยสูงถึง 500,000-1,000,000 บาทต่อโรงเรือน
“สูงวัย” ความเสี่ยงภาคเกษตรไทย
“ฉัตรชัย” กล่าวว่า ปัจจุบันอายุเฉลี่ยของลูกค้าเกษตรกรสูงขึ้นเรื่อย ๆ หากไม่มีการเสริมทัพด้วยคนรุ่นใหม่ อีก 10 ปีข้างหน้า ลูกค้าเกินครึ่งของพอร์ต ธ.ก.ส.อาจจะอายุ 70 ปี ซึ่งนับเป็นความเสี่ยงใหญ่ของระบบเกษตรไทย ขณะที่คนรุ่นใหม่ประกอบอาชีพการเกษตรน้อยลง ดังนั้น ยุทธศาสตร์ของ ธ.ก.ส.ในปี 2568-2569 จะร่วมแก้ไขปัญหานี้ ช่วยให้คนรุ่นใหม่ที่อยากทำเกษตรเข้ามาทำเกษตรได้ง่ายขึ้น
โดยธนาคารได้ทำโครงการสินเชื่อเพื่อเกษตรกรรุ่นใหม่ (New Gen & Young Smart Farmer) เพื่อเป็นการสนับสนุนเกษตรกรรุ่นใหม่ที่เข้ามารับช่วงต่อเกษตรกรผู้สูงอายุ ซึ่งปีนี้เริ่มเป้าหมายชัดเจน
“จะสร้าง ‘เกษตรกรรุ่นใหม่’ 100,000 คนต่อปี หากทำได้ต่อเนื่อง 4 ปี จะมีเกษตรกรกว่า 400,000 คน ที่เข้าสู่ระบบการเกษตรสมัยใหม่อย่างเต็มตัว ซึ่งไม่ใช่แค่การผลิตเพื่อบริโภค แต่เป็นเกษตรการค้า เกษตรอุตสาหกรรม และเกษตรท่องเที่ยว อย่างครบวงจร”
เปิดแผนสร้างเกษตรกรยุคใหม่
ที่สำคัญโครงการหนึ่ง คือ โครงการช่วยเหลืออาหารกลางวันให้กับเยาวชน จาก “เกษตรอาหารกลางวัน” เป็น “เกษตรเพื่อการค้า” ที่มุ่งปั้นเยาวชนที่เรียนระดับ ม.4-ม.6 ให้กลายเป็น “เกษตรกรรุ่นใหม่” ที่ไม่เพียงแค่ผลิตได้ แต่ต้องคิดต้นทุนเป็น ขายเป็น ทำการตลาดเป็น และเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ เพื่อสร้างความแข็งแรงในการทำเกษตรเป็นอาชีพในอนาคต
ซึ่งแนวทางใหม่นี้ ไม่ได้สอนเพียงการฝากเงินหรือความรู้ทางการเงินทั่วไปเหมือนอดีต แต่ขยายองค์ความรู้ไปถึงการวางแผนธุรกิจเกษตรครบวงจร เช่น การคำนวณต้นทุนการผลิต, การตั้งราคาขายที่สะท้อนต้นทุนแท้จริง, การใช้เทคโนโลยีและโมบายแอปพลิเคชั่นเพื่อเข้าถึงแหล่งเงินกู้, การออกแบบบรรจุภัณฑ์ (Packaging) และการตลาดสมัยใหม่, การขนส่งและระบบโลจิสติกส์, การขายผ่านออนไลน์และโซเชียลมีเดีย
เหล่านี้ จะเพิ่มประสบการณ์การทำเกษตรให้เก่งพอนำไปใช้ในชีวิตจริง โดยในโครงการนี้ นักเรียนสามารถนำผลผลิตที่ได้ไปขาย เพื่อเป็นรายได้ ขณะที่พ่อแม่จะได้องค์ความรู้ที่ทันสมัยจากลูก ทำให้มีเกษตรสมัยใหม่ คนรุ่นใหม่ ๆ เข้ามามากขึ้น
“ระบบการศึกษาของไทยในปัจจุบัน มุ่งเน้นให้เด็กเรียนจบปริญญาตรี เพื่อไปทำงานในเมือง แล้วมีรายได้เฉลี่ยประมาณ 15,000-20,000 บาทต่อเดือน หรือราว 240,000 บาทต่อปี ขณะที่การทำเกษตร หากจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ จะสามารถผลิตได้ปีละ 3 รอบ รอบละประมาณ 80,000 บาท ซึ่งก็จะเทียบเท่า หรือมากกว่ารายได้จากการทำงานในเมืองได้ อีกทั้งยังมีค่าใช้จ่ายที่น้อยกว่า มีเวลาพักผ่อน อยู่กับครอบครัว และพัฒนาคุณภาพผลผลิตได้มากขึ้น”
ปล่อยกู้เกษตรวิวัฒน์ “หมื่นล้าน”
ธนาคารยังมีโครงการสินเชื่อเกษตรวิวัฒน์ วงเงิน 3.75 หมื่นล้านบาท ที่ช่วยให้ผู้ที่สนใจทำเกษตร โดยเฉพาะกลุ่มคนวัย 50 ปีขึ้นไป ที่กำลังวางแผนเกษียณ ได้เริ่มต้นเกษตรเป็นอาชีพคู่ขนาน โดยไม่ต้องรอให้อายุ 60 ปี แล้วค่อยมาเริ่ม ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายชีวิตประจำวัน และทำให้เงินออมในวัยเกษียณอยู่ได้นานขึ้น โดยธนาคารมีเป้าหมายปล่อยกู้ โครงการสินเชื่อเกษตรวิวัฒน์ให้ได้ 10,000 ล้านบาท ภายในสิ้นปีบัญชี 2568
“สินเชื่อดังกล่าว เริ่มปล่อยกู้ไปแล้วตั้งแต่เดือน พ.ค.ที่ผ่านมา โดยคาดว่าจะสามารถเปิดเผยจำนวนวงเงินที่ปล่อยกู้จากโครงการดังกล่าวระยะแรก ภายในสิ้นเดือน มิ.ย.นี้ ยิ่งไปกว่านั้น เรากำลังส่งเสริมให้ชุมชนพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร เช่น โฮมสเตย์ที่ได้มาตรฐานเทียบเท่าโรงแรม อยู่ในสภาพแวดล้อมธรรมชาติที่แท้จริง ซึ่งหากทำได้ดี จะสามารถขายแพ็กเกจระดับ 5,000 บาทต่อคนได้ ไม่ใช่แค่ห้องพักราคาถูก ที่ไม่ตอบโจทย์คนเมืองอีกต่อไป”
คุม NPL ไม่เกิน 5.5%
“ผู้จัดการ ธ.ก.ส.” กล่าวด้วยว่า ในปีบัญชี 2568 (เม.ย. 2568-มี.ค. 2569) ธนาคารตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อใหม่ระหว่าง 30,000-50,000 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดสินเชื่อคงค้างอยู่ที่ 1.67 ล้านล้านบาท ซึ่งจะพยายามคุมคุณภาพสินทรัพย์ ที่ปัจจุบันมีอัตราหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) อยู่ที่ 5.31% ทั้งนี้ ธ.ก.ส.คาดว่าถึงสิ้นปีบัญชี NPL จะอยู่ที่ประมาณ 5.5% ซึ่งเป็นระดับที่งบดุลของธนาคารสามารถรองรับได้
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ธ.ก.ส.เร่งปั้นคนรุ่นใหม่ แก้โจทย์ใหญ่ภาคเกษตรไทย
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net