จับตา 'Shadow Fed Chair' ดันทองคำครึ่งปีหลังพุ่งแตะ 55,600 บาท
ตลาดทองคำจับตาแนวคิด 'Shadow Fed Chair' ของทรัมป์ สร้างแรงกดดันทิศทางดอกเบี้ยเฟด ฮั่วเซ่งเฮง แนะนักลงทุนคว้าโอกาส ในภาวะตลาดทองคำที่กำลังผันผวน รับมือความไม่แน่นอน
วันที่ 4 ก.ค. 2568 บริษัท ห้างขายทองฮั่วเซ่งเฮง จำกัด เปิดเผยว่าราคาทองคำปรับขึ้นรับเดือนก.ค. ท่ามกลางความไม่แน่นอนเชิงนโยบาย โดยตลาดเริ่มให้ความสนใจในท่าทีของ ‘Shadow Fed Chair’ หรือ ประธานเงา ธนาคารกลางสหรัฐ มากกว่านโยบายของเฟด ขณะที่นักลงทุนเฝ้าติดตามทั้งแนวโน้มเศรษฐกิจ มาตรการภาษีตอบโต้ และการผ่านร่างกฎหมาย ของสหรัฐ
ทั้งนี้ราคาทองโลกเร่งตัวขึ้นต่อเนื่องในช่วงต้นเดือนก.ค. สะท้อนแรงซื้อจากการคาดการณ์ว่าเฟดอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยถึง 3 ครั้งในปีนี้ ซึ่งมากกว่าที่เคยแจ้งไว้กับ Dot Plot ในการประชุมเมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่ดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ (DXY) อ่อนค่าลงต่อเนื่อง หนุนราคาทองให้พุ่งแรงขึ้น
ขณะเดียวกัน แนวคิด ‘Shadow Fed Chair’ ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้กลายเป็นประเด็นร้อนในตลาดการเงินโลก เมื่อทรัมป์เตรียมเสนอชื่อผู้ที่จะเป็นประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ล่วงหน้า แม้เจอโรม พาวเวล จะยังดำรงตำแหน่งจนถึงกลางปี 2569 แนวคิดนี้ไม่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ 111 ปี ของเฟด และสะท้อนความพยายามแทรกแซงทิศทางนโยบายการเงินผ่านการเมืองโดยตรง
ทั้งนี้ ‘Shadow Fed Chair’ คือแนวคิดที่เกิดจากความพยายามของฝ่ายการเมือง โดยเฉพาะประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในการส่งสัญญาณนโยบายการเงินล่วงหน้า ผ่านการเสนอชื่อว่าที่ประธานเฟด ก่อนครบวาระ เพื่อชี้นำตลาดให้คาดหวังว่า เฟดจะลดดอกเบี้ยอย่างรวดเร็ว แม้จะไม่มีอำนาจตามกฎหมาย แต่แนวคิดนี้กลับสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อตลาด บั่นทอนความเชื่อมั่นต่อความเป็นอิสระของเฟด และเปิดช่องให้เกิด “เสียงซ้อน” ด้านนโยบาย ในช่วงเวลาที่ตลาดกำลังเปราะบางและต้องการความมั่นใจจากนโยบายการเงินที่ชัดเจน
ผู้เชี่ยวชาญหลายรายแสดงความกังวลต่อแนวคิด ‘Shadow Fed Chair’ โดยเฉพาะ Alan Blinder อดีตรองประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ซึ่งเตือนว่า “การมีประธานเฟด 2 คนในเวลาเดียวกัน เป็นแนวคิดที่เลวร้าย” ขณะที่ Kathryn Judge จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ระบุว่า “ผลกระทบจากสถานการณ์นี้ ไม่อาจคาดการณ์ได้ เพราะไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”
ฮั่วเซ่งเฮง ประเมินว่าแม้ยังไม่มีการเปลี่ยนตัวประธานเฟดอย่างเป็นทางการ แต่ ‘นโยบายเงา’ ที่เกิดจากการผลักดันทางการเมือง ก็สามารถสั่นสะเทือนตลาดได้จริง นักลงทุนจึงต้องอ่านเกมล่วงหน้าให้ลึก ไม่ใช่เพียงติดตามคำแถลงจากเฟดเท่านั้น แต่ยังต้องเฝ้าระวังแรงกดดันนอกระบบที่กำลังแทรกเข้ามาอีกด้วย
ฮั่วเซ่งเฮง ยังได้สรุปปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนควรจับตาในเดือนก.ค.นี้ ไม่ว่าจะเป็นสัญญาณจาก ‘Shadow Fed Chair’
ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ และคำแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด จะถูกตีความอย่างรวดเร็ว หากเอนเอียงไปทางนโยบายที่สนับสนุนการลดอัตราดอกเบี้ย ก็อาจหนุนราคาทองให้กลับมาทดสอบระดับ 3,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์
อีกทั้งยังต้องติดตามความไม่แน่นอนด้านการเมืองและภาษี ที่ทรัมป์ยืนยันว่าจะเดินหน้าบังคับใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ในวันที่ 9 ก.ค.นี้ ซึ่งอาจกระตุ้นความกังวลเรื่องเงินเฟ้อรอบใหม่ ส่งผลให้ทองคำได้รับความสนใจในฐานะ “เครื่องมือป้องกันความเสี่ยง”
ขณะที่ความเคลื่อนไหวของธนาคารกลางของประเทศสำคัญอย่างจีน ตุรกี และอินเดีย ยังคงทยอยสะสมทองคำสำรองต่อเนื่อง สะท้อนว่า แม้เฟดจะพยายามควบคุมนโยบายดอกเบี้ยอย่างไร แต่บทบาทของทองคำในระดับมหภาคยังคงแข็งแกร่ง
อย่างไรก็ดี ฮั่วเซ่งเฮง ได้ประเมินราคาทองคำแท่งในประเทศ ว่าอาจจะปรับฐานลงมาทดสอบแนวรับที่ 49,500 - 50,200 บาทต่อบาททองคำ ซึ่งเป็นระดับที่น่าทยอยสะสมอีกครั้ง โดยมีเป้าหมายราคาสูงสุดช่วงครึ่งหลังของปีที่ประมาณ 55,600 บาท (โดยอิงจากราคาทองโลกที่ 3,630 ดอลลาร์ และค่าเงินบาทที่ 32.45 บาท/ดอลลาร์)
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : จับตา 'Shadow Fed Chair' ดันทองคำครึ่งปีหลังพุ่งแตะ 55,600 บาท
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
- Website : https://www.khaosod.co.th