ราคาทองคำผันผวนหนัก ผลตอบแทนครึ่งปียังยืนหนึ่ง
สถานการณ์ราคาทองคำปีนี้ เหมือนขึ้น “รถไฟเหาะ” มีทั้งช่วงขึ้นแรง และลงแรง เป็นไปตามปัจจัยต่าง ๆ ที่เข้ามากระทบ โดยเฉพาะสงครามการค้า ที่มีการประกาศนโยบายภาษีของ “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐ และปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ จากกรณีการสู้รบระหว่าง “อิสราเอล” กับ “อิหร่าน” นอกจากนี้ แนวโน้มดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญ
ทองยืนหนึ่งผลตอบแทนสูงสุด
“MTS GOLD” หรือห้างทองแม่ทองสุกระบุว่า ตลอดช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 ทองคำให้ผลตอบแทนรวมสูงถึง 26% ขึ้นแท่นสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุดอย่างต่อเนื่อง
ครึ่งปีหลังทองคำยัง “ขาขึ้น” ได้
ขณะที่ “จิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี” นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวว่า ราคาทองที่ปรับตัวลงช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากสงครามระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านมีข้อตกลงหยุดยิง 12 วัน ซึ่งขณะนี้ก็ใกล้ครบ 12 วันแล้ว ทำให้เริ่มเห็นราคาทองขยับขึ้น ทั้งนี้ คาดว่าสงครามนี้คงไม่ได้ยุติเร็ว เพราะมีปัญหาขัดแย้งยืดเยื้อกันมานานแล้ว
“ราคาทองระยะยาวก็ยังเป็นขาขึ้นอยู่ เพราะสงครามการค้าคงไม่ได้จบง่าย ๆ นโยบายทรัมป์ก็ไม่แน่นอน ทำให้ไม่มีความเชื่อมั่น หลาย ๆ ประเทศก็กังวลภาวะเศรษฐกิจโลก ค่าเงินดอลลาร์ก็อาจจะอ่อนค่า ทำให้ทองคำมีความต้องการในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ราคาในระยะยาวก็คงขยับขึ้นอีก”
“นายกสมาคมค้าทองคำ” มองว่า ครึ่งปีหลังราคาทองแท่งไม่น่าหลุดต่ำกว่า 50,000 บาท โดยก่อนหน้านี้ที่มีหลุดไปบ้าง เป็นในเชิงเทคนิค ซึ่งตนยังมองว่า ไตรมาสสุดท้าย ทองจะขึ้นไปถึง 3,800 ดอลลาร์ ส่วนทองแท่ง ก็มองว่าจะขึ้นไปที่ 58,000 บาทได้
ทองในประเทศเจอ 2 เด้ง
โดย “ศิริลักษณ์ ปโกฏิประภา” ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมา ราคาทองที่ปรับตัวขึ้นมา มาจาก 2 ปัจจัยหลัก ๆ คือ สงครามการค้าและความตึงเครียดในตะวันออกกลาง อย่างไรก็ดี ในปัจจุบันสถานการณ์ตะวันออกกลางก็ไม่ตึงเครียดเท่าก่อนหน้านี้แล้ว
รวมถึงประเด็นสงครามการค้าก็ตึงเครียดลดน้อยลงต่อเนื่อง ทำให้เป็นปัจจัยลบต่อทองคำ จึงเห็นราคาปรับลดลง
“อย่างไรก็ดี ก็ต้องบอกว่ายังมีความไม่แน่นอน ในเรื่องภาษีตอบโต้ที่ยังเจรจาจบไม่กี่ประเทศ ไม่น่าเกิน 10 ประเทศ แต่ทรัมป์ก็มีท่าทีอ่อนลงเยอะ สหรัฐกับจีนก็คุยกันได้ง่ายกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ดังนั้น ระยะสั้นก็ดูจะมีปัจจัยที่กดดันอยู่”
ทั้งนี้ ยอมรับว่าระยะสั้น ทองคำแท่งในประเทศก็มีโอกาสหลุดต่ำกว่า 50,000 บาท หากราคา Spot ลงไปที่ 3,200 ดอลลาร์ ทองแท่งก็อาจจะลงไปแถว 49,900 บาทได้
“ก็มีโอกาสที่ทอง Spot จะกลับไปแถว ๆ 3,200 ดอลลาร์ แล้วทองแท่งก็อาจจะต่ำกว่า 50,000 บาทได้ เพราะช่วงนี้เงินบาทก็แข็งค่าขึ้น ไม่ได้ช่วยราคาทองในประเทศ ซึ่งทองในประเทศก็จะเจอ 2 เด้ง คือ Spot ลดลง และบาทแข็ง”
ปีนี้ไม่กลับไปจุดสูงสุดเดิม
“ช่วงนี้มุมมองราคาทอง ก็อาจจะมีมุมมองที่เป็นบวกลดน้อยลง เพราะดูท่าทีของทรัมป์อ่อนลงหลาย ๆ เรื่อง ต่างจากช่วงเดือน เม.ย.ที่ผ่านมาเยอะ ดังนั้น โอกาสที่ทองจะกลับไปที่ 3,500 ดอลลาร์ คิดว่าน่าจะยาก ทองแท่งก็ยิ่งยากจะกลับไปที่จุดสูงสุดเดิมที่ 54,800 บาท คิดว่าคงไม่มีโอกาสในปีนี้แล้ว เพราะเงินบาทกลับทิศทางมาแข็งค่า”
ส่วนจะเป็นขาลงแล้วหรือไม่นั้น “ศิริลักษณ์” กล่าวว่า ราคาจะต้องไม่หลุดแนวรับที่ 3,225/3,200 ดอลลาร์ หากหลุดก็อาจจะเป็นขาลงได้
อย่างไรก็ดี มองระยะยาวปีหน้า หรือปี 2569 ราคาทองก็จะยังคงปรับตัวขึ้นได้ โดยผู้ที่ซื้อทองแท่งไว้ที่ราคา 53,000 บาท ก็สามารถรอขายปีหน้าได้
“ระยะสั้นราคาก็จะผันผวนไปตามข่าว ตามสถานการณ์ที่เข้ามา แต่ 3 ปี 5 ปีข้างหน้า ก็ยังมีปัจจัยที่หนุนให้ราคาปรับขึ้นอยู่ ทั้งการลดการถือครองดอลลาร์ การใช้ทองคำเป็นทุนสำรอง เป็นต้น”
มองกรอบ 48,000-53,000 บาท
สำหรับแนวโน้มราคาทองในช่วงครึ่งปีหลัง “ศิริลักษณ์” กล่าวว่า ฮั่วเซ่งเฮงมองกรอบกว้าง ๆ ที่ 3,000-3,500 ดอลลาร์ ส่วนทองแท่งจะอยู่ในกรอบประมาณ 48,000-53,000 บาท ซึ่งจะขึ้นกับปัจจัยสงครามการค้าเป็นหลัก
ทั้งนี้ จากต้นปี 2568 มาจนถึงวันที่ 26 มิ.ย. ราคาทอง Spot ให้ผลตอบแทน 24.8% ส่วนทองแท่งจนถึงวันที่ 27 มิ.ย. ให้ผลตอบแทน 19% อย่างไรก็ดี ปีนี้ก็มีช่วงที่ทองขึ้นมาก ๆ ทองแท่งเคยให้ผลตอบแทนถึง 33% ส่วนทอง Spot 29%
“จริง ๆ แล้วในเดือน มิ.ย. ทองก็ไม่ได้ลง เพราะมีช่วงที่มีสงครามที่ขึ้นไปแถว ๆ 3,450 ดอลลาร์ แล้วก็มีช่วงที่ลงต่ำสุดในรอบ 1 เดือน ลงมาแถว ๆ 3,272 ดอลลาร์ ก็คือจะมีความผันผวนในช่วงระหว่างเดือน แต่พอเทียบช่วงสิ้นเดือน มิ.ย. กับสิ้นเดือน พ.ค. ก็จะทรง ๆ ตัว” ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส กล่าว
ฟาก “ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” ระบุว่า ทองคำกลายเป็นสินทรัพย์สำรองที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 2 รองจากดอลลาร์สหรัฐ โดยในปี 2567 ธนาคารกลางทั่วโลกหันมาถือทองคำเพิ่มเป็น 20% ของเงินทุนสำรอง แซงหน้าเงินยูโร ซึ่งปัจจัยที่หนุนการถือครองทองคำ ได้แก่ การลดการพึ่งพาดอลลาร์สหรัฐ, ประเด็นทางภูมิรัฐศาสตร์ และราคาทองคำที่ปรับตัวสูงขึ้น เป็นต้น
ส่วนไทยมีการสะสมทองคำเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องสู่ระดับ 9.6% ของเงินทุนสำรองในปัจจุบัน จากที่อยู่เพียง 3.4% ณ สิ้นปี 2562
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ราคาทองคำผันผวนหนัก ผลตอบแทนครึ่งปียังยืนหนึ่ง
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net