เศรษฐกิจไทยโต 7.5% ทะลุกลางม็อบเสื้อแดง – เปิด 5 ปัจจัยที่รัฐบาล “อภิสิทธิ์–กรณ์” เอาอยู่
ปี 2553 เป็นปีที่ประเทศไทยเผชิญความวุ่นวายทางการเมืองรุนแรงจากการชุมนุมของกลุ่ม นปช. หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า “ม็อบเสื้อแดง” ซึ่งปักหลักกลางกรุงเทพฯ ยาวนานกว่า 3 เดือน มีเหตุสลายการชุมนุม การเผาเซ็นทรัลเวิลด์ และความเสียหายจำนวนมากต่อภาคการค้าและภาพลักษณ์ประเทศ แต่สิ่งที่สวนทางอย่างมากคือภาพรวมทางเศรษฐกิจในปีเดียวกันกลับฟื้นตัวอย่างรุนแรง GDP ขยายตัวถึง 7.5% สูงที่สุดในรอบหลายปีหลังวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ โดยเบื้องหลังความสำเร็จนี้คือบทบาทของรัฐบาลภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ร่วมกับทีมเศรษฐกิจที่มีนายกรณ์ จาติกวณิช ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งในปีเดียวกันนั้นเอง เขาได้รับรางวัล “รัฐมนตรีคลังแห่งปีของโลก” จากนิตยสาร The Banker ของอังกฤษ
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่สุดคือการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะจากสหรัฐฯ จีน และประเทศอุตสาหกรรมหลักที่เริ่มกลับมานำเข้าวัตถุดิบและสินค้าอุตสาหกรรม ทำให้การส่งออกไทยฟื้นตัวเต็มแรง โดยมูลค่าส่งออกในปี 2553 โตถึง 28.5% ถือเป็นแรงขับเคลื่อนหลักที่ทำให้เศรษฐกิจภาพรวมเดินหน้าได้ต่อเนื่อง แม้ภาคท่องเที่ยวยังได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ภายใน
นอกจากนี้ รัฐบาลยังอัดฉีดงบลงทุนผ่านโครงการไทยเข้มแข็ง 2552–2555 รวมมูลค่ากว่า 1.4 ล้านล้านบาท โดยออกแบบนโยบายให้เงินลงถึงท้องถิ่น ผ่านการสร้างถนน โรงเรียน ระบบชลประทาน และโครงสร้างพื้นฐานจำเป็น โดยนายกรณ์ จาติกวณิชมีบทบาทสำคัญในการบริหารงบประมาณให้ยังคงความเป็นมืออาชีพ แม้จะต้องใช้เงินกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมหาศาล แต่ก็ยังรักษาวินัยการคลังได้ดีจนได้รับการยอมรับจากนักลงทุนและองค์กรระหว่างประเทศ
อีกปัจจัยที่ส่งผลต่อตัวเลข GDP อย่างมีนัยสำคัญคือฐานเศรษฐกิจในปี 2552 ที่ติดลบ -2.3% ทำให้การเติบโตในปีถัดมาแม้เพียงระดับปานกลาง ก็จะสะท้อนเป็นเปอร์เซ็นต์การโตที่ดูรุนแรง อย่างไรก็ตาม ข้อเท็จจริงคือหลายภาคส่วนโดยเฉพาะอุตสาหกรรมและเกษตรกรรมกลับมาฟื้นจริง โดยไม่ใช่แค่เรื่องของตัวเลขเทคนิค
แม้จะมีความไม่แน่นอนทางการเมือง แต่ตลาดหุ้นไทยกลับสะท้อนความมั่นใจจากนักลงทุนต่างชาติ SET Index ในต้นปีอยู่ที่ 734 จุด และพุ่งขึ้นปิดที่ 1,032 จุดในปลายปี เพิ่มขึ้นกว่า 40% ภายในปีเดียว บ่งชี้ว่าตลาดยังเชื่อมั่นในเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการบริหารของทีมเศรษฐกิจรัฐบาล โดยเฉพาะบทบาทของกระทรวงการคลังที่ไม่หวั่นไหวกับแรงกดดันภายในประเทศ
ขณะเดียวกัน ภาคเกษตรก็ได้แรงหนุนจากราคาสินค้าเกษตรในตลาดโลกที่อยู่ในช่วงขาขึ้น โดยเฉพาะข้าว ยางพารา และมันสำปะหลัง ทำให้เกษตรกรมีรายได้ดีขึ้นในหลายพื้นที่ รัฐบาลยังผลักดันนโยบายประกันรายได้เกษตรกร แทนการจำนำ ทำให้เงินถึงมือเกษตรกรเร็วกว่าการรอขายผลผลิตในฤดูกาล ช่วยให้การบริโภคในชนบทหมุนเวียนได้ทันที
บทสรุปคือ แม้ประเทศไทยจะเผชิญไฟการเมืองครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ยุคใหม่ แต่เศรษฐกิจไทยกลับรอดพ้นและโตได้อย่างน่าทึ่ง ด้วยแรงหนุนจากภายนอกที่ตรงจังหวะ และการบริหารนโยบายการคลังที่มีวินัยจากรัฐบาลอภิสิทธิ์–กรณ์ ซึ่งเลือกใช้ทั้งสมอง นโยบาย และความนิ่งในการรับมือ มากกว่าการทุ่มงบแบบไร้ทิศทาง ในวันที่วิกฤตกำลังทดสอบเสถียรภาพของประเทศ รัฐบาลชุดนี้สามารถพาเศรษฐกิจไทยฝ่าวงล้อมม็อบเสื้อแดง และจารึกตัวเลขการเติบโตที่ประวัติศาสตร์ยังต้องพูดถึง
#Thepoint #Newsthepoint
#รัฐบาลอภิสิทธิ์ #ม็อบเสื้อแดง #นปช
#อภิสิทธิ์ #กรณ์