‘กมธ.กิจการสภา’กังขาสำนักเลขาฯทุ่ม 7 ล้านทำห้องอาหาร B2 ใหม่
เมื่อวันที่ 23 ก.ค. ที่รัฐสภา นายศุภปกรณ์ กิตยาธิคุณ สส.พิษณุโลก พรรคประชาชน ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) กิจการสภาผู้แทนราษฎร สภาผู้แทนราษฎร แถลงภายหลังการประชุม กมธ. วาระพิจารณาเรื่องร้องเรียนกรณีผู้ประกอบการร้านอาหารสวัสดิการของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งได้รับผลกระทบจากการบอกเลิกสัญญาเช่าพื้นที่และการบริหารจัดการร้านอาหารสวัสดิการของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร โดยมีการเชิญรองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และประธานกรรมการสวัสดิการสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร รวมถึงตัวแทนผู้ประกอบการร้านค้าและร้านอาหารสวัสดิการ ชั้น 1 อาคารรัฐสภา เข้าร่วมประชุม
โดยนายศุภปกรณ์ กล่าวว่า จากหนังสือแจ้งยกเลิกสัญญาเช่าพื้นที่และการบริหารจัดการร้านอาหารสวัสดิการของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ที่มีความคลุมเครือและไม่ระบุให้ชัดเจนว่าจะเอาเฉพาะร้านค้าใหม่อย่างเดียวหรือไม่นั้น ตนมองว่าเรื่องนี้ไม่เป็นธรรมกับผู้ประกอบการร้านค้าในสภา ขณะเดียวกันยังตั้งข้อสังเกตว่าในขณะที่ยังไม่มีการเซ็นสัญญา เหตุใดสภาจึงมีการลงทุนตกแต่งห้องอาหารชั้น B2 ให้กับผู้รับเหมารายใหม่ถึง 7 ล้านบาท ทั้งที่ผู้รับเหมารายใหม่เข้ามาตกแต่งใช้งบแค่ 3-4 ล้านบาทเท่านั้น กลายเป็นว่าสภาและผู้รับเหมารายใหม่กึ่งลงทุนร่วมกัน
นายศุภปกรณ์ กล่าวต่อว่า แม้สัดส่วนลงทุนสภาจะมากกว่า แต่กลับไม่มีเงื่อนไขในการรักษากลุ่มผู้ค้ารายเดิมได้ โดยจากการที่กมธ. สอบถามสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้รับข้อมูลยืนยันว่า ยังไม่มีการเซ็นสัญญาจริง และยังไม่ได้ระบุเงื่อนไข เพียงแต่เป็นการตกลงปลงใจกันเท่านั้น กลายเป็นว่าสภาลงทุนให้ และให้ผู้รับเหมารายใหม่มาตกแต่งทั้งที่ไม่มีสัญญาจัดซื้อจัดจ้างต่างๆ ดังนั้นจึงกังวลว่าหากเกิดความเสียหายขึ้น ในขณะที่ผู้รับเหมารายใหม่ไม่มีสัญญาผูกพัน สภาจะเอาผิดได้อย่างไร
นายศุภปกรณ์ กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ข้อสรุปของกมธ. เห็นร่วมกันว่าต้องให้ผู้รับเหมารายใหม่ เปิดพื้นที่ให้ผู้ประกอบการร้านค้ารายเดิม มีเวทีในการตกลงเจรจากัน เพื่อให้โอกาสร้านค้ารายเดิมที่ขายอยู่ในสภา ได้ลงไปชั้น B2 ด้วย ส่วนสัญญาในการจัดซื้อจัดจ้างกับผู้รับเหมารายใหม่ ตนก็ได้มีการขอเอกสารจากสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรไปแล้วและจะดำเนินการติดตามเรื่องนี้ต่อไปอย่างใกล้ชิด.