บันทึกหน้า 4
ดูเหมือน “ข้อตกลงหยุดยิงอย่างไม่มีเงื่อนไข” ที่ประเทศไทยและกัมพูชาเจรจาตกลงกันที่มาเลเซีย เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม คงเป็นเพียงลมปากเปล่า แม้จะมีสักขีพยานเป็น “อันวาร์ อิบราฮิม” ผู้นำมาเลเซีย รวมทั้งทูตจากพี่ใหญ่มะกันและมังกรจีนร่วมด้วย รวมถึงข้อตกลงของแม่ทัพของทั้งสองฝ่ายที่ได้ตกลงกันอีกรอบเมื่อวันที่ 29 ก.ค. เพราะ “เขมร” ยังคงละเมิดข้อตกลงดังกล่าวอย่างต่อเนื่องแบบไม่แคร์ใคร ที่สำคัญยังกลับดำเป็นขาวว่าไทยเป็นผู้ก่อเหตุอีกต่างหาก…๐
เราได้ยินชื่อ “นักบิดเบือน” อย่าง “พล.ท.หญิง มาลี โสเจียตา” โฆษกกระทรวงกลาโหม และพ่วงตำแหน่งรองเลขาธิการรัฐมนตรี กห. มาอย่างต่อเนื่อง แต่ล่าสุดก็ประธานสภาผู้แทนราษฎรกัมพูชาอีกรายที่เป็น “นักบิด” ใหม่ โดยไปกล่าวหาไทยในการประชุมระดับสูงของสหภาพรัฐสภา ณ นครเจนีวา เล่นเอา “วันมูหะมัดนอร์ มะทา” ประธานสภาผู้แทนราษฎรต้องออกมากล่าวถ้อยแถลงตอบโต้และขอประณามเรื่องดังกล่าว …๐
ในขณะที่รัฐบาลไทย โดยเฉพาะ “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย และสวมหัวโขนรักษาการนายกฯ กลับยังเดินต้วมเตี้ยมยิ่งกว่าเรือเกลือในเรื่องต่างๆ ทั้งเรื่องฟ้องการกระทำอันเป็นอาชญากรรมสงครามที่เคยออกแถลงการณ์ไว้ หรือแม้แต่การประณามการกระทำของ “เขมร” ต่อนานาชาติ โดย “บิ๊กอ้วน” บอกว่าอยู่ในช่วงเก็บหลักฐานเป็นที่ประจักษ์ ส่วนเรื่อง “กัมพูชา” นำทูต, ผู้ช่วยทูตฝ่ายทหาร และคณะบุคคลอื่นๆ จาก 13 ประเทศ รวมถึงสื่อต่างชาติลงพื้นที่ตรวจความเสียหายจากการสู้รบกับไทยที่จังหวัดพระวิหาร “ภูมิธรรม” บอกว่าใครไปก่อนไปหลังไม่เป็นไร …๐
พระเจ้าจอร์จ! ไม่รู้เลยหรือว่าเรื่องแบบนี้ใครฟ้องก่อนได้เปรียบไปแล้วเปลาะหนึ่ง ส่วนใครที่ชักช้าก็จะถูกกล่าวหาได้ว่าจัดฉาก ที่สำคัญไม่ใช่แค่ “รักษาการนายกฯ” ที่เอื่อยเฉื่อย แม้กระทรวงการต่างประเทศภายใต้บังเหียนของ “มาริษ เสงี่ยมพงษ์” ก็เฉกเช่นกัน นี่ละหรือรัฐบาลที่ตอนเข้ามาบอกว่าจะทำเรื่องดิจิทัลแบบนี้ จะทำบล็อกเชนอย่างนั้น แค่การตอบโต้หรือประณามการกระทำของกัมพูชายังต้องให้ “ทหาร” ทำไปก่อนล่วงหน้าอีกต่างหาก ทั้งที่ต้องเฝ้าชายแดนรักษาอธิปไตยแล้วยังต้องมาทำหน้าที่ตอบโต้การบิดเบือนของกัมพูชา แทนที่จะเป็นหน้าที่ของรัฐบาลโดยเฉพาะทีมโฆษก หรือ กต. …๐
แล้วที่สังคมสงสัยกันมาก อุตส่าห์ตั้ง “จักรภพ เพ็ญแข” นั่งที่ปรึกษาเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่ฟุ้งว่าจะปรับเรื่องการสื่อสารของรัฐบาลและมาเป็นกระบอกเสียงให้นั้น มาทำหน้าที่สมราคาคุยหรือยัง หรือแค่ตั้งเพื่อปลอบใจการหลุดเก้าอี้ “โฆษกรัฐบาล” แต่ไม่มีอำนาจแท้จริง เพราะไม่เห็นมีการเปลี่ยนแปลงแต่ประการใด…๐
พูดถึงรัฐบาลไม่พูดถึง “แพทองธาร ชินวัตร” นายกฯ และ รมว.วัฒนธรรมก็ไม่ได้ เพราะล่าสุด “ศาลรัฐธรรมนูญ” มีมติเสียงข้างมาก 5 ต่อ 4 อนุญาตให้อุ๊งอิ๊งขยายเวลาแก้ข้อกล่าวหาเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นครั้งสุดท้าย ถึงวันที่ 4 ส.ค.2568 นี้เท่านั้น ซึ่งต้องบอกว่าแปลกแต่จริงอีกเช่นกัน เพราะเจ้าตัวเคยบอกว่ามีความพร้อม รวมถึงบรรดาลูกหาบอย่าง “นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช” เลขาธิการนายกฯ ก็ตอกย้ำด้วยว่าใช้ความจริงใจ แต่ทำไมหลักฐานว่าด้วยความจริงใจมันถึงยืดเวลานานขนาดนี้ แล้วที่ “ก่อแก้ว พิกุลทอง” สส.เสื้อแดงมาเรียกร้องให้ศาล รธน.ยกเรื่องดังกล่าวไว้ก่อนจากวิกฤตประเทศนั้น จริงๆ แล้ว “ก่อแก้ว” น่าจะบอกนายหญิงน้อย รีบส่งเอกสารแก้ข้อกล่าวหาคลิปลุงฮุนมากกว่านะจ๊ะ ไปๆ มาๆ สังคมเขาเริ่มสงสัยแล้วว่าที่ซื้อเวลาแจงเรื่องดังกล่าวเพราะไม่กล้าและไม่อยากมารับเผือกร้อนว่าด้วยศึกไทย-เขมรหรือไม่อย่างไร …๐
พูดถึงศาลรัฐธรรมนูญแล้วไม่เอ่ยถึงคดีแปรงบลงพื้นที่ตัวเองของ “พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน” รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่งไม่ได้ เพราะมาทีหลังแต่ดูเหมือนผลการชี้ชะตาจะมาแซงเรื่องอื่นๆ แล้ว โดยศาลระบุว่ามีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะพิจารณาวินิจฉัยได้ จึงยุติการไต่สวน และกำหนด นัดแถลงด้วยวาจาประชุมปรึกษาหารือ และลงมติในวันศุกร์ที่ 1 ส.ค.2568 เวลา 09.30 น. และนัดฟังคำวินิจฉัย เวลา 15.00 น.จ้า …๐
ส่วน “สทร.” หรือพ่อนายกฯ นั้น หลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดไต่สวนพยานคนสุดท้ายคือ “วิษณุ เครืองาม” อดีตรองนายกฯ ยุคลุงตู่แล้ว ก็ได้นัดอ่านคำสั่งในคดีบังคับโทษ “ทักษิณ” ชอบหรือไม่ 9 ก.ย. พร้อมเรียกผู้บัญชาการเรือนจำกรุงเทพฯ มารับฟังด้วย นับจากนี้คงต้องติดตามกันแบบตาไม่กะพริบว่า “นายใหญ่” จะขอออกนอกประเทศหรือขอไปไหนหรือไม่อย่างไร โดยเฉพาะในช่วง 1-2 สัปดาห์สุดท้ายก่อนถึงเดดไลน์ 9 ก.ย.นี้ …๐
ท.ศักดิ์