สว. เห็นชอบท่วมท้นร่างกฎหมายยกเลิกคำสั่ง คสช. ที่ล้าสมัย ชี้ผลกระทบจาก ม. 44 ก่อนตั้ง กมธ. ศึกษาในรายละเอียดต่อไป
วันนี้ (19 สิงหาคม) ในที่ประชุมวุฒิสภา ครั้งที่ 11 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 1 ที่มี บุญส่ง น้อยโสภณ รองประธานวุฒิสภา คนที่ 2 วาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ยกเลิกประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) คำสั่ง คสช. และคำสั่งหัวหน้า คสช. บางฉบับที่หมดความจำเป็นและไม่เหมาะสมกับกาลปัจจุบัน พ.ศ. …. ซึ่งสภาผู้แทนราษฎรลงมติเห็นชอบแล้ว
โดยที่ประชุมได้เปิดโอกาสให้สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ได้อภิปรายแสดงความเห็นอย่างกว้างขวาง สมาชิกส่วนมากเห็นด้วย และแสดงความยินดีที่สภาผู้แทนราษฎรได้ผ่านร่างกฎหมายดังกล่าว พร้อมตั้งข้อสังเกต อาทิ เทวฤทธิ์ มณีฉาย สว. อภิปรายถึงคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 72/2559 เกี่ยวกับเหมืองแร่ทองคำ ซึ่งใช้อำนาจตามมาตรา 44 ระงับการดำเนินการของเหมืองในเวลานั้น
“แม้จะเป็นการตอบสนองต่อปัญหาสิ่งแวดล้อมและผลกระทบต่อประชาชนแต่ต่อมากลับนำไปสู่ข้อพิพาทกับบริษัทเอกชน ทำให้ประเทศไทยต้องแบกรับภาระการฟ้องร้องในอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศจนต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมหาศาล” เทวฤทธิ์ระบุ
ขณะที่ ประภาส ปิ่นตบแต่ง สว. แสดงความกังวลถึงผลกระทบมาตรา 44 ที่ยังมีกระทบในปัจจุบัน มีบางส่วนที่ละเมิดสิทธิของประชาชน ขาดการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ส่วน วิวัฒน์ รุ้งแก้ว สว. ที่อภิปรายในมุมของระบบการศึกษาว่า ผลของคำสั่ง คสช. ทำให้สัดส่วนของอาชีพครูในคุรุสภาลดลง
จากนั้น ที่ประชุมวุฒิสภาลงมติรับร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าวไว้พิจารณา ด้วยคะแนนเสียง เห็นด้วย 155 เสียง ไม่เห็นด้วย ไม่มี งดออกเสียง 4 เสียง โดยตั้งกรรมาธิการวิสามัญพิจารณา จำนวน 21 คน กำหนดแปรญัตติภายใน 7 วัน