SAMART ปักธงรายได้ 1.35 หมื่นล. เร่งประมูลงานเข้าพอร์ตต่อเนื่อง
หุ้นวิชั่น
อัพเดต 19 สิงหาคม 2568 เวลา 22.05 น. • เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา • HoonVision | หุ้นวิชั่น - หุ้น ข่าวหุ้น หุ้นไทยวันนี้ หุ้นวันนี้ หุ้นเด่น วิเคราะห์หุ้น ธุรกิจ การเงิน เศรษฐกิจ การลงทุน ดัชนีราคาหุ้นหุ้นวิชั่น - SAMART ประเมินรายได้ปี 2568 แตะ 13,500 ล้านบาท คาดกำไรสุทธิ 690 ล้านบาท ขับเคลื่อนด้วย 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ SDC โครงข่ายวิทยุสื่อสารดิจิทัลที่มีกำไรต่อเนื่อง 4 ไตรมาส, SAMTEL ธุรกิจ ICT Solution ที่รายได้ปีนี้แตะ 6,500 ล้านบาท และมีโอกาสเซ็นงานใหม่กว่า 30,000 ล้านบาท และ Utilities & Transportation ผ่าน SAV ที่บริหารวิทยุการบินกัมพูชา พร้อมขยายโครงการโครงข่ายไฟฟ้าแรงสูง–Direct Coding–และความคืบหน้าโครงการในลาว หนุนกำไรสุทธิทั้งปีมีโอกาสแตะ 560–690 ล้านบาท
นายรัฐนันท์ วิไลลักษณ์ นักลงทุนสัมพันธ์ นักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAMART เปิดเผยว่า สำหรับปีนี้คาดว่ารายได้จำได้ราว 13,500 ล้านบาท โดยครึ่งปีแรกทำได้ 5,319.64 ล้านบาท ส่วนกำไรคาดว่าจะทำได้ 690 ล้านบาท ในไตรมาส 3/2568 ผลประกอบการมีทิศทางเติบโตต่อเนื่อง เพราะมีการประมูล จากการเบิกจ่ายงบปี 2569 โดยโครงสร้างรายได้ของ SAMART แบ่งสายธุรกิจออกเป็น 3 สายธุรกิจ ดังนี้ สายธุรกิจ Digital Communications หรือ “SDC” สายธุรกิจ Digital ICT Solution หรือ “SAMTEL” และ สายธุรกิจ Utilities and Transportation
สำหรับ SDC เป็นสายงานธุรกิจ Digital Communications มุ่งเน้นให้บริการอย่างเต็มรูปแบบในโครงข่ายวิทยุคมนาคมระบบดิจิทัล (Digital Trunked Radio System: DTRS) โดยครอบคลุมพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ มีรายได้ประจำเข้ามาต่อเนื่อง ขณะนี้มีกำไรติดต่อกัน4 ไตรมาสแล้ว คาดว่าจะเห็นกำไรเติบโตได้ต่อเนื่อง
SAMTEL สายธุรกิจ Digital ICT Solution มีการเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะงานภาครัฐ รายได้ปีนี้ ประเมินที่ 6,500 ล้านบาท ครึ่งปีแรกทำได้ 2,340 ล้านบาท และคาดวาจะมีการเซ็นงานใหม่เข้ามากว่า 30,000 ล้านบาท และยังติดตามงานเข้ามาต่อเนื่อง มีการเซ็นเงินเข้ามาแลว 4,700 ล้านบาท ขณะนี้มีงานในมือเป็น 8,466 ล้านบาท มีโอกาสเพิ่มอีก 5,000 ล้านบาท อีกทั้งยังมีมีแผนที่จะประมูลงาน ERP ที่ AOT ด้วย
สายธุรกิจ Utilities and Transportation ของบริษัท ดำเนินการผ่าน SAV ในการบริหารวิทยุการบินที่ประเทศกัมพูชา ภายใต้สัญญาสัมปทานระยะเวลา 26 ปี โดยมีโครงสร้างรายได้ผูกกับขนาดและน้ำหนักของอากาศยานที่ใช้บริการ ยิ่งเป็นเครื่องบินลำใหญ่ รายได้ค่าบริหารก็จะสูงขึ้น ขณะที่สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างไทย–กัมพูชา แม้มีผลกระทบบ้าง แต่โดยรวมยังเป็นบวกต่อบริษัท สะท้อนจากรายได้ที่ยังขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งรัฐบาลกัมพูชามีแผนเปิดสนามบินแห่งใหม่ Techo International Airport ซึ่งจะเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารและเที่ยวบินในอนาคต
นอกจากนี้ ธุรกิจก่อสร้างโครงการสายส่งสถานีไฟฟ้าแรงสูงแบบครบวงจร ภายใต้ บริษัท เทด้า จำกัด ยังคงเดินหน้าขยายงาน ล่าสุดมีการเข้าประมูลงานมูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะทราบผลในช่วงครึ่งปีหลัง ขณะเดียวกัน การบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพช่วยสนับสนุนผลการดำเนินงานให้ปรับตัวดีขึ้น
ส่วนความคืบหน้าในประเทศลาว บริษัทยังคาดว่าจะมีการอัปเดตในช่วงไตรมาส 3–4/2568 และหากสามารถลงนามเซ็นสัญญาได้ จะเดินหน้าโครงการภายใน 6 เดือนถัดไป ส่งผลให้ปีนี้ SAV ยังคงมีแนวโน้มเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยคาดว่า กำไรสุทธิ (Net Profit) อาจแตะระดับ 560 ล้านบาท
รวมทั้งจากโครงการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการการเก็บภาษีสรรพสามิต โดยบริษัทยังเดินหน้าติดตามความคืบหน้างาน Direct Coding ซึ่งปัจจุบันมีการศึกษาเพิ่มเติมในกลุ่ม เครื่องดื่มประเภท Soft Drink หลังจากที่ดำเนินการในกลุ่มเบียร์มาแล้ว โดยตลาด Direct Coding Soft Drink มีปริมาณกว่า 500 ล้านยูนิตต่อปี คิดเป็นมูลค่าราว 7,000–8,000 ล้านบาท ขณะที่ Direct Coding เบียร์ ในปีนี้คาดว่าจะเติบโตได้ราว 5%