รู้จัก TouristDigiPay เปลี่ยนคริปโตเป็นเงินบาท ใช้ e-money จ่ายในไทย
เข้าใจรูปแบบ TouristDigiPay นักท่องเที่ยวต่างชาติ เปลี่ยนคริปโต-สินทรัพย์ดิจิทัล เป็นเงินบาท ใช้จ่ายตามร้านค้าในไทยผ่าน e-money ได้ มีรูปแบบและเงื่อนไขเป็นอย่างไร
เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2568 สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ร่วมกับ กระทรวงการคลัง สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมกันเปิดตัว “TouristDigiPay” โครงการทดสอบ (Sandbox) ในการนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาเปลี่ยนเป็นเงินบาทและนำไปใช้จ่ายผ่าน e-Money เพิ่มทางเลือกนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่งเสริมการนำนวัตกรรมและสินทรัพย์ดิจิทัล มาสนับสนุนเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศ
“TouristDigiPay” คือโครงการทดสอบที่เปิดให้ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล สามารถเปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาตินำสินทรัพย์ดิจิทัลมาแลกเปลี่ยนเป็นเงินบาทเพื่อใช้จ่ายในประเทศไทยผ่านระบบ e-money ได้ ซึ่งจะช่วยสร้างโอกาสในการดึงดูดเม็ดเงินจากต่างประเทศ ส่งเสริมความเข้มแข็งให้ระบบเศรษฐกิจไทย โดยโครงการทดสอบนี้มีระยะเวลา 18 เดือน
ทั้งนี้ ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่สนใจเข้าร่วม ต้องอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต. และผู้ให้บริการ e-money ที่เข้าร่วมโครงการ ต้องอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ธปท.
TouristDigiPay มีรูปแบบเป็นอย่างไร ?
รูปแบบการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล เป็นเงินไทย ตามโครงการ TouristDigiPay จะมีวิธีการดังนี้
นักท่องเที่ยวต่างชาติ เดินทางมาไทยชั่วคราว
เมื่อเดินทางถึงไทย ทำ KYC เพื่อเปิดบัญชี 2 ส่วน
บัญชีสินทรัพย์ดิจิทัล (เปิดบัญชีกับผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล)
- บัญชี Tourist Wallet (เปิดบัญชีกับผู้ให้บริการ e-money)
ทำการโอนสินทรัพย์ดิจิทัล เข้าบัญชีสินทรัพย์ดิจิทัลที่เปิดในไทย
ขายสินทรัพย์ดิจิทัลผ่านช่องทางที่กำหนด (จำนวน X เหรียญ ด้วยราคา Y บาท)
เมื่อทำรายการสำเร็จ จะได้รับเงินเป็นสกุลเงินบาท เข้า Tourist Wallet ของผู้ให้บริการ e-wallet ที่ทำการเปิดบัญชีไว้
จากนั้น สามารถใช้ Tourist Wallet เพื่อจ่ายเงินค่าสินค้า-บริการ ผ่าน e-money
ทั้งนี้ สำนักงาน ก.ล.ต. ระบุในเบื้องต้น คาดว่าจะเริ่มใช้บริการได้ในไตรมาส 4 ปี 2568
เงื่อนไขสำคัญ TouristDigiPay
เงื่อนไขสำคัญของการใช้สินทรัพย์ดิจิทัล ตามโครงการ TouristDigiPay มีดังนี้
มีการจำกัดวงเงิน
- กรณีชำระเงินแก่ร้านค้ารายย่อย วงเงินสูงสุด 50,000 บาทต่อเดือน
- กรณีชำระเงินแก่ร้านค้าที่ผ่านกระบวนการรู้จักร้านค้า (Know Your Merchant : KYM) วงเงินสูงสุด 500,000 บาทต่อเดือน
สามารถแลกเงินบาทกลับเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลได้ ในวงเงินไม่เกินมูลค่าสินทรัพย์ดิจิทัลที่แลกขาเข้า
ค่าธรรมเนียมการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นเงินบาท เป็นไปตามที่ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลภายใต้โครงการ Sandbox กำหนด
ไม่สามารถใช้สินทรัพย์ดิจิทัลชำระค่าสินค้า/บริการกับร้านค้าได้ (ไม่เป็น Means of Payment)
ผู้ที่สามารถเข้าร่วม Sandbox ได้แก่ ศูนย์ซื้อขาย ผู้ค้า และนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ที่มีคุณสมบัติดังนี้
- มีความพร้อมตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด
- มีการเชื่อมต่อกับผู้ประกอบธุรกิจ e-money
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า โครงการนี้ ถือเป็นรูปแบบแรกของโลก ที่ไม่ใช้คริปโตโดยตรงเป็นสื่อกลางชำระเงิน แต่เป็นการแลกเป็นเงินบาท แล้วนำไปใช้ผ่าน e-Money อีกทั้ง ยังเอื้อต่อร้านค้ารายย่อย เพราะสามารถชำระได้เหมือนการซื้อขายปกติ ต่างจากที่ต่างประเทศใช้คริปโตผูกกับบัตรเครดิตและใช้จ่ายเฉพาะในร้านค้าขนาดใหญ่ แต่โครงการนี้จะเข้าถึงร้านค้าทั่วไป สตรีตฟู้ด และร้านขายของชำ
ขณะที่ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) มีการระบุว่า โครงการ TouristDigiPay ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้นำสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้เป็นสื่อกลางในการชำระค่าสินค้าและบริการ (Means of Payment) กับร้านค้าไม่ว่าทั้งทางตรงหรือทางอ้อม โดยร้านค้าต่าง ๆ จะยังคงได้รับชำระค่าสินค้าหรือบริการเป็นสกุลเงินบาทตามปกติ
ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลและผู้ให้บริการ e-Money ที่เข้าร่วมโครงการ จะต้องปฏิบัติตามมาตรฐานการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินตามที่สำนักงาน ปปง. กำหนดอย่างเคร่งครัด ภายใต้พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ทั้งในการทำความรู้จักตัวตนของผู้ใช้บริการ (Know Your Customer: KYC) การประเมินความเสี่ยงของลูกค้า (Customer Due Diligence: CDD) ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญในการควบคุมดูแลและป้องกันไม่ให้มิจฉาชีพใช้เป็นช่องทางในการฟอกเงิน
ปรับกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง รองรับ TouristDigiPay
นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า โครงการ TouristDigiPay เป็นการต่อยอดระบบนิเวศ (Ecosystem) ที่มีอยู่แล้ว โดยเชื่อมโยงระหว่างระบบการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่อยู่ภายใต้การกำกับของ ก.ล.ต. เข้ากับระบบการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Money) ที่อยู่ภายใต้การกำกับของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งทั้งหมดจะดำเนินการภายใต้กระบวนการป้องกันความเสี่ยงที่เหมาะสม
โครงการได้กำหนดให้มีการทำความรู้จักตัวตนของผู้ใช้บริการ (KYC/CDD) ตามเกณฑ์ของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยและความโปร่งใสแก่ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลและผู้ให้บริการ e-Money
ทั้งนี้ จำกัดวงเงินไม่เกิน 50,000 บาทต่อเดือน กรณีชำระเงินแก่ร้านค้ารายย่อย และไม่เกิน 500,000 บาทต่อเดือน กรณีชำระเงินแก่ร้านค้าที่ผ่านกระบวนการ Know Your Merchant (KYM) ส่วนค่าธรรมเนียมการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นเงินบาท เป็นไปตามที่ผู้ประกอบสินทรัพย์ดิจิทัลภายใต้โครงการ Sandbox กำหนด โดยสามารถแลกเงินบาทกลับเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลได้ ในวงเงินไม่เกินมูลค่าสินทรัพย์ดิจิทัลที่แลกขาเข้า
นางพรอนงค์กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบัน ก.ล.ต. อยู่ระหว่างการปรับปรุงกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง และได้เปิดให้ผู้ประกอบธุรกิจเข้ามาหารือเพื่อเตรียมความพร้อม (preconsultation) ตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคม 2568 โดยคาดว่าโครงการ TouristDigiPay จะสามารถเริ่มให้บริการได้ในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2568
“เมื่อโครงการสิ้นสุดลง ก.ล.ต. จะมีการประเมินประสิทธิภาพ เพื่อพัฒนาและต่อยอดโครงการให้ตอบโจทย์การใช้งานและความต้องการของผู้ใช้บริการต่อไป” นางพรอนงค์กล่าว
ขณะที่ นายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กล่าวว่า ทาง ปปง. ได้ประสาน ก.ล.ต. อย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว โดยกระบวนการนำเงินมาแลกเป็นเงินดิจิทัลนั้น มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้า ด้วยการ KYC ตั้งแต่ต้นทาง และกรณีที่เปลี่ยนเงินบาทกลับไปเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลจะมีการตรวจสอบอีกครั้ง
“ทาง ปปง. มั่นใจ ในกระบวนการทำงานของเรา ซึ่งเรามีการตรวจสอบต้นทาง พร้อมยืนยันว่า เรามีความพร้อม” นายเทพสุกล่าว
คาด TouristDigiPay เพิ่มการใช้จ่ายอย่างน้อย 10%
รมว.คลัง คาดว่า หากนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยปีละประมาณ 35 ล้านคน มีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 5,000 บาทต่อคนต่อหัว และหากโครงการนี้ทำให้การใช้จ่ายสะดวกขึ้น ก็จะทำให้เกิดแรงจูงใจให้นักท่องเที่ยวใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 10% ซึ่งจะก่อให้เกิดเม็ดเงินสะพัดเพิ่มขึ้นประมาณ 1.75 แสนล้านบาท
ขณะที่ นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวเพิ่มว่า โครงการนี้เป็นโครงการทดสอบ (Sandbox) ระยะเวลา 18 เดือน ซึ่งหากผ่านแล้วเวลาดังกล่าวและระบบไม่มีปัญหา กระทรวงการคลังก็จะขยายวงเงินการแลกคริปโตเป็นเงินบาทให้มากกว่า 5.5 แสนบาทต่อเดือน เพื่อให้สามารถนำเงินคริปโตไปซื้ออสังหาฯ หรือสินทรัพย์ราคาแพง เช่น เรือยอชต์ เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ
“การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล ควบคู่ไปกับการท่องเที่ยว จะช่วยสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ และดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาใช้จ่ายในไทยมากขึ้น อีกทั้งยัง เป็นการวางรากฐานให้ประเทศไทยก้าวสู่ยุคดิจิทัลเต็มรูปแบบ” นายลวรณกล่าว
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : รู้จัก TouristDigiPay เปลี่ยนคริปโตเป็นเงินบาท ใช้ e-money จ่ายในไทย
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net