ลองมั้ย? Swensen’s ออกเมนู ‘แคบหมูช็อกโกแลต’ ขายที่แฟลกชิปสโตร์สาขาเชียงใหม่เท่านั้น
“แฟลกชิปสโตร์” (Flagship Store) คือหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญที่สเวนเซ่นส์ขับเคลื่อนมาตั้งแต่ปี 2561 ด้วยการตั้งคำถามสั้นๆ ง่ายๆ ว่า จะทำอย่างไรให้คนไทยไปเที่ยวต่างจังหวัดแล้วแวะมาที่ร้านสเวนเซ่นส์ คอนเซปต์ร้านแฟลกชิปสโตร์จึงถือกำเนิดขึ้นในเวลาต่อมาเพื่อสร้างร้านสเวนเซ่นส์เป็น “Destination” ด้วยการเนรมิตทุกพื้นที่ภายในร้านให้คราคร่ำไปด้วยเอกลักษณ์ของจังหวัดนั้นๆ จึงได้ฤกษ์ปักหมุด “เชียงใหม่” เป็นแฟลกชิปสโตร์แห่งที่ 7 โดยมี “ร่มบ่อสร้าง” ของดีประจำถิ่นเป็นธีมในการออกแบบครั้งนี้
นอกจากตัวร้านแฟลกชิปสโตร์ที่มีโครงสร้างของ “ร่มบ่อสร้าง” เป็น Key Highlight“สเวนเซ่นส์” ยังเปิดตัวเมนูใหม่ที่หากินได้เฉพาะสาขาดังกล่าว โดยเป็นการออกเมนูเอ็กซ์คลูซีฟที่ชวนให้นึกถึงเสน่ห์ของพื้นที่ ยกตัวอย่างเมนูของร้านแฟลกชิปสโตร์สาขาอื่นๆ ก่อนหน้า อาทิ “ภูเวียงไดโน่ โรตี ซันเด เซต” เมนูพิเศษที่ร้านสเวนเซ่นส์แฟลกชิปสโตร์สาขาขอนแก่น ด้านในประกอบมี “ขนมตุ๊บตั๊บ” ของดีจังหวัดขอนแก่น และขนมรูปไดโนเสาร์ท็อปข้างหน้าเพื่อสื่อถึงภาพจำของจังหวัด
-ร้าน Swensen's แฟลกชิปสโตร์สาขาเชียงใหม่ โดดเด่นด้วยดีไซน์ร่มบ่อสร้าง-
สำหรับ “เชียงใหม่” เมนูเซตพิเศษ คือ “ขันโตก ซันเด เซต” เสิร์ฟของหวานด้วยขันโตกที่เป็นภาชนะสำหรับวางอาหารของคนเหนือ ด้านในประกอบไปด้วยไอศกรีมรสกะทิสด 3 ลูก ข้าวเหนียวใบเตยหอม ไวท์ครีมซอสสูตรพิเศษ และแคบหมูเคลือบช็อกโกแลต ในราคาเซตละ 179 บาท
เมนู “ขันโตก ซันเด เซต” มีขายเฉพาะที่ “Regional Flagship Store” สาขา META MALL เชียงใหม่เท่านั้น เบื้องต้นยังไม่มีกำหนดระยะเวลาสิ้นสุดการจำหน่าย สามารถเข้ามาลิ้มรสเมนูพิเศษได้เรื่อยๆ “กรุงเทพธุรกิจ” ได้มีโอกาสชิม “แคบหมูเคลือบช็อกโกแลต” ขอบอกว่า ให้รสชาติที่เข้ากันอย่างไม่น่าเชื่อ เปลี่ยนแคบหมูที่เคยเป็นของคาวให้กลายเป็นของหวานเข้ากับไอศกรีมรสกะทิ และข้าวเหนียวหอมใบเตยได้เป็นอย่างดี
สำหรับกลยุทธ์ในการเลือกเปิดสาขา “Regional Flagship Store” ของสเวนเซ่นส์ “ณพล ศิริมงคงเกษม” หัวหน้าฝ่ายบริหารแบรนด์ บริษัท สเวนเซ่นส์ (ไทย) จำกัด ในเครือเดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ผลการตอบรับร้านแฟลกชิปสโตร์ที่ผ่านมาเป็นไปด้วยดีทั้งในเชิงยอดขายและการตอบรับ หากสังเกตดูจริงๆ จะพบว่า “สเวนเซ่นส์” แทบจะเป็นแบรนด์เดียวที่ทำร้านแฟลกชิปสโตร์ด้วยสเกลดังกล่าว และทำได้มากถึง 7 สาขาแล้ว
-ขันโตก ซันเด เซต เมนูพิเศษที่กินได้ที่สาขานี้เท่านั้น-
เกณฑ์ในการเลือกพื้นที่ “Regional Flagship Store” ผู้บริหารบอกว่า ต้องเป็นพื้นที่ที่มีทราฟิก มีกลุ่มเป้าหมาย มีขนาดพื้นที่ที่เหมาะสมเพื่อรองรับขนาดที่ใหญ่ราว 100 ตารางเมตรขึ้นไปซึ่งมีขนาดกว่าสาขาปกติ รวมถึงต้องมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นพอที่จะดึงมาผนวกกับดีไซน์ได้สวยงาม ระยะเวลารวมออกแบบใช้เวลานาน 1 ปีเต็ม กว่าจะถกเถียงเพื่อให้ได้บทสรุปก็ใช้เวลาพอสมควร ก่อนอื่นต้องตามหาว่า อะไรคือของดี ของเด่น ของดัง จากนั้นจึงนำมาร้อยเรียงเป็นสตอรี่ไลน์เพื่อนำไปขึ้นโครงดีไซน์พิเศษ
ร้านสเวนเซ่นส์แฟลกชิปสโตร์ยังคงเจาะกลุ่มเป้าหมายครอบคลุมตั้งแต่เด็กถึงผู้ใหญ่ แม้ปัจจุบันจะมีแบรนด์เกิดใหม่ที่ได้รับความนิยมจาก Gen Z จำนวนมาก แต่ “ณพล” มองว่า แบรนด์ไม่สามารถเน้นเจาะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งได้ โจทย์คือจะทำอย่างไรให้ตอบโจทย์ทุกคน “สเวนเซ่นส์” ไม่ใช่แบรนด์นำเทรนด์แต่ก็ไม่ได้ล้าสมัย ยืนยันแบรนด์จะเป็นร้านที่ร่วมสมัยและให้ความสำคัญกับผู้บริโภคทุกคน
-ณพล ศิริมงคงเกษม หัวหน้าฝ่ายบริหารแบรนด์ บริษัท สเวนเซ่นส์ (ไทย) จำกัด ในเครือเดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)-
ด้านภาพการแข่งขันที่ปัจจุบันมีคาเฟ่ทั่วเมือง มองว่า ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นนานแล้ว การแข่งขันในตลาดของหวานดุเดือดมาพักใหญ่ การสร้างแฟลกชิปสโตร์ไม่ได้มีธงเรื่องแข่งขันกับร้านเกิดใหม่ในตลาดเป็นหลัก แต่ช่วยสร้างแบรนดิ้งให้สเวนเซ่นส์มากกว่า ไม่ได้ตั้งใจเป็นร้านขายไอศกรีมเท่านั้น ต้องทำให้มากกว่าเพื่อให้แบรนด์แตกต่างและอยู่คู่คนไทยได้นานกว่านี้ หลังจากปักหมุดมาแล้ว 39 ปีเต็ม
หัวเรือใหญ่สเวนเซ่นส์บอกว่า วางแผนเปิดร้านในรูปแบบ “Regional Flagship Store” ปีละ 1 แห่ง ยังเหลืออีกหลายที่ที่อยากไปแต่ก็ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยโดยเฉพาะเรื่องโลเคชัน มีหลายจังหวัดที่อยากไปมาก เอกลักษณ์ชัดมากแต่ไม่สามารถหาพื้นที่ได้ บางแห่งไม่มีคอมมูนิตี้มอลล์ไปเปิด จะทำร้านสแตนอโลนก็ต้องวางแผนเรื่องทราฟิกเพิ่มเติม เรื่องพื้นที่และเอกลักษณ์ที่โดดเด่นเป็นอันดับแรกๆ ที่ต้องพิจารณา