สหรัฐฯ ขาดดุลพุ่ง “หนี้ทะลุ 37 ล้านล้าน” จุดชนวนคาดการณ์บิทคอยน์ทะยานแตะ 132,000 ดอลลาร์ในปี 68
วิกฤติการคลังสหรัฐฯ ปะทุ! หนี้สาธารณะทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ สะท้อนแรงกดดันด้านเงินเฟ้อและความเสี่ยงเศรษฐกิจโลก นักวิเคราะห์เตือนการขาดดุลที่พุ่งทะยานอาจบีบให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) อีกระลอก อัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบ เพิ่มความร้อนแรงให้ตลาดสินทรัพย์เสี่ยง โดยเฉพาะบิทคอยน์ที่อาจไต่ระดับทุบสถิติใหม่ แตะ 132,000 ดอลลาร์ภายในสิ้นปี 2568
สถานการณ์การคลังของสหรัฐฯ กำลังเผชิญแรงกดดันรุนแรง หลังหนี้สาธารณะของรัฐบาลกลางพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์กว่า 37 ล้านล้านดอลลาร์ ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากหลายฝ่ายต่อ “พระราชบัญญัติ One Big Beautiful Bill” ที่มีผลบังคับใช้เมื่อ 4 กรกฎาคมที่ผ่านมา
โทมัส แมสซี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ โพสต์บน X ชี้ว่า ร่างกฎหมายดังกล่าว “ผลักดันให้หนี้สหรัฐฯ ทะลุเพดาน 37 ล้านล้านดอลลาร์อย่างเป็นทางการ” แม้รัฐบาลจะยืนยันว่ามาตรการนี้จะช่วยลดรายจ่ายได้ถึง 1.6 ล้านล้านดอลลาร์ แต่ตัวเลขขาดดุลกลับพุ่งต่อเนื่อง
ข้อมูลจากกระทรวงการคลังสหรัฐฯ เผยว่า หนี้รัฐบาลกลางเพิ่มจาก 26.7 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2020 มาเป็นกว่า 37 ล้านล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน หรือเพิ่มขึ้นกว่า 38% ภายใน 5 ปี สร้างแรงกังวลว่าภาระชำระหนี้อาจดูดซับสภาพคล่องจำนวนมากออกจากระบบเศรษฐกิจ
นักวิเคราะห์หลายรายเตือนว่า การขาดดุลในระดับนี้มีแนวโน้มบีบให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) กลับมาใช้นโยบาย ผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ผ่านการซื้อพันธบัตรขนาดใหญ่เพื่ออัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบ ซึ่งมักจะส่งผลให้ค่าเงินเฟียตอ่อนค่า และเพิ่มแรงซื้อในสินทรัพย์จำกัดอุปทานอย่างบิทคอยน์
ไรอัน ลี หัวหน้านักวิเคราะห์ของ Bitget ระบุว่า ความสัมพันธ์ระหว่างการเพิ่มขึ้นของหนี้สหรัฐฯ กับราคาบิทคอยน์ในอดีต “มีความชัดเจน” โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาบิทคอยน์พุ่งขึ้นกว่า 925% สอดรับกับการขยายตัวของหนี้สาธารณะ “ยิ่งหนี้เพิ่มขึ้น โอกาสที่ BTC จะทำสถิติสูงสุดใหม่ก็ยิ่งมากขึ้น” ลีกล่าว พร้อมเสริมว่า รัฐบาลสหรัฐฯ อาจถึงขั้นต้องพิจารณา บิทคอยน์เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์จัดการหนี้
ด้านเจมี คูทส์ นักวิเคราะห์อาวุโสของ Real Vision ประเมินว่า หากอุปทานเงิน M2 ของโลกขยายตัวต่อเนื่องในจังหวะเดียวกับนโยบายผ่อนคลายการเงิน ซึ่งส่งผลให้บิทคอยน์อาจพุ่งแตะ 132,000 ดอลลาร์ ภายในสิ้นปี 2568 ขณะที่อาร์เธอร์ เฮย์ส ผู้ก่อตั้งร่วม BitMEX มองว่า หาก Fed เดินหน้ากดดัน QE อย่างจริงจัง เป้าหมายอาจขยับสูงถึง 250,000 ดอลลาร์
ขณะที่อีลอน มัสก์ เองก็ออกมาเตือนผ่านโพสต์เมื่อ 5 มิถุนายนว่า ร่างกฎหมายการใช้จ่ายฉบับปัจจุบันอาจผลักดันการขาดดุลเพิ่มขึ้นอีก 2.5 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งยิ่งเพิ่มแรงกดดันต่อระบบการเงินและความเสี่ยงเงินเฟ้อ
อย่างไรก็ดีในภาพรวมตลาดคริปโตกำลังถูกจับตาในลักษณะ “ปฏิกิริยาลูกโซ่” จากการขาดดุลสหรัฐฯ ที่อาจเปลี่ยนสมการการลงทุนครั้งใหญ่ และทำให้บิทคอยน์กลายเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยทางเลือกที่ร้อนแรงที่สุดในรอบทศวรรษ
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO