“ภาษีทรัมป์” มีผลแล้ว ผู้นำสหรัฐโว “เงินทองกำลังไหลมาเทมา”
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 7 ส.ค. ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์มทรูธ โซเชียล เมื่อเข้าสู่เที่ยงคืนของวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่นในสหรัฐว่า "เที่ยงคืนแล้ว และเงินหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐจากการเก็บภาษีกำลังหลั่งไหลเข้าสู่อเมริกา"
ทั้งนี้ มาตรการภาษีต่างตอบแทนของสหรัฐกับประเทศคู่ค้าประมาณ 70 แห่งและดินแดน รวมถึงสหภาพยุโรป (อียู) มีผลตั้งแต่วันที่ 7 ส.ค. โดยบราซิลเผชิญกับอัตราภาษีสูงที่สุด 50% ตามด้วยซีเรีย 41% เมียนมาและลาว 40% และสวิตเซอร์แลนด์ 39% ขณะที่อัตราสำหรับประเทศส่วนใหญ่ที่เหลือ อยู่ระหว่าง 15-25%
ขณะที่กำแพงภาษีของอินเดียตอนนี้อยู่ที่ 25% แต่จะเพิ่มเป็น 50% ภายในอีกสามสัปดาห์ข้างหน้า จากการที่รัฐบาลนิวเดลียังคงซื้อน้ำมันจากรัสเซีย และผู้นำสหรัฐเตือนว่า จีนจะเผชิญกับมาตรการแบบเดียวกัน
แม้ทรัมป์ยืนกรานว่า มาตรการมีเป้าหมายเพื่อจัดการกับแนวปฏิบัติทางการค้าที่สหรัฐมองว่าไม่เป็นธรรม และการขยายเวลาออกไปนานกว่า 90 วัน หรือนับตั้งแต่เดือน เม.ย. ที่ผ่านมา เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการกักตุนสินค้ากันได้อย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายยังคงวิจารณ์แนวทางและเงื่อนไขของกองการเก็บภาษีในหลายส่วนว่ายังคงคลุมเครือ
ด้านบุคคลในภาคธุรกิจและกลุ่มอุตสาหกรรมยังคงเตือนว่า มาตรการภาษีจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อผู้ประกอบการรายย่อยในสหรัฐ อีกทั้งบรรดานักเศรษฐศาสตร์เตือนว่า ภาษีเหล่านี้อาจกระตุ้นเงินเฟ้อและเป็นภาระต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาวด้วย และการกำหนดอัตราภาษีของทรัมป์ ที่มีต่อแต่ละประเทศ แฝงนัยทางการเมืองอยู่ด้วยไม่น้อย ไม่ใช่เฉพาะความได้เปรียบและเสียเปรียบทางการค้า.
เครดิตภาพ : AFP