‘เลขาบอย’ โอดข่าวปลอมเพียบ การเมืองอึมครึม! ปัดดีลลับหนุน ‘บิ๊กตู่’
ภายในเดือนนี้ วาระที่ถูกจับตามากที่สุด คือ “นายกฯ อิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร จะอยู่หรือไป ในกรณีศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคลิปเสียงตอนคุยกับ “ฮุน เซน” ประธานองคมนตรีกัมพูชา ขาดคุณธรรมจริยธรรม ทำให้ขาดคุณสมบัติการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ซึ่งศาลอ่านคำวินิจฉัย 29 ส.ค.นี้ “เลขาบอย” สรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการปล่อยข่าวว่า พรรคเพื่อไทยจะสนับสนุนให้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี เป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง และพร้อมจับมือกับพรรคภูมิใจไทยว่า “สงสัยต้องออกแถลงการณ์ว่าอย่าเชื่อข่าวปลอม เพราะไม่ได้ออกมาจากพรรคเพื่อไทยแน่นอน แล้วไม่มีความคิดอะไรที่จะไปถึงขนาดนั้น มั่นใจว่า นายกฯ ยังสามารถที่จะไปต่อได้ เราไม่มีแผนใด เรามั่นใจมากๆ”
“ตอนนี้ทำงานลำบากพอสมควร เพราะสถานการณ์ค่อนข้างที่จะอึมครึม ขมุกขมัวไปหมด แล้วข่าวที่ออกมาแต่ละวันเป็นข่าวปลอมมากกว่าข่าวจริง เช่น วันที่ 18 ส.ค.ก็มีข่าวปลอมเรื่องแต่งตั้งโยกย้ายในกองทัพ ข้าราชการก็ไม่เชิงเกียร์ว่าง แต่มันมีความมึนๆ ไม่ชัดเจนเท่าไร ไม่รู้รัฐบาลอยู่หรือไป แต่พวกเราทำงานเต็มที่ ประเทศต้องเดินต่อไป ไม่มีทางตันแน่นอน ขอฝากถึงข้าราชการบุคคลที่ยังมึนๆ อยู่ว่า ประเทศต้องเดินต่อ ประเทศต้องไปต่อ นักการเมืองจะอยู่หรือไปก็คือนักการเมือง แต่ขอให้ข้าราชการเป็นเสาหลักในการทำงานให้กับประเทศชาติ”
“สส.เอิร์ธ” ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) กล่าวว่า พรรค ปชน.ยืนยันหลักคิดเดิมว่า เราไม่เห็นด้วยกับการที่องค์กรอิสระมาตัดสินเรื่องที่เป็นนามธรรม เช่น เรื่องการผิดจริยธรรมหรือความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ เราเรียกร้องตั้งแต่ต้นที่มีคลิปเสียงถูกเผยแพร่ออกมาว่า ควรจะเป็นคือความรับผิดชอบส่วนบุคคลของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นายกฯ ต้องลาออกและยุบสภา เพราะเป็นเหตุการณ์ทำลายความเชื่อมั่นของประชาชน หากได้เป็นนายกฯ ต่อ เราต้องเรียกร้องต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเรื่องคลิปเสียงจะรับผิดชอบอย่างไร
“ตอนนี้รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ ดูสถานการณ์ในการพิจารณางบประมาณปี 2569 เห็นว่ารัฐบาลเหนื่อยในการที่จะตรึงคนให้ได้ เช่น บางช่วงบางตอนก็ล่มเกือบไปเหมือนกัน ต่อไปนี้ในทุกเรื่องมองว่ารัฐบาลจะเหนื่อยมากๆ จะกลายเป็นการลากยาวโดยเสียงปริ่มน้ำ รัฐบาลแทบจะไม่เสนอกฎหมายของ ครม.เข้าสภาเลย เพราะจะต้องลุ้นกันตลอดทุกเวลาว่าจะผ่านหรือไม่ จะกลายเป็นรัฐบาลที่ไม่สามารถผลักดันอะไรผ่านสภาได้เลย”
สำหรับการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2569 สว.มีท่าทีว่า จะให้ผ่านได้ เพราะหากไม่ผ่านและส่งกลับไปสภาผู้แทนราษฎรจะมีปัญหามาก แต่ก็ไม่เห็นด้วยกับงบบางตัว นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สว. กล่าวว่า สว.ไม่เตรียมคว่ำงบปี 69 หากไม่ผ่านจะกลายเป็นความเดือดร้อนของประชาชน และทำให้การเบิกจ่ายหยุดชะงัก แต่หากดูการจัดสรรงบประมาณก็ต้องยอมรับว่าแย่จริงๆ ไม่ได้สะท้อนปัญหาที่แท้จริง
สำหรับกรณีงูเห่าในพรรคภูมิใจไทย โหวตสวนมติพรรคเรื่องงบประมาณ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.ประภา เฮงไพบูลย์ สส.กาฬสินธุ์ พรรคภูมิใจไทย โหวตสวนมติพรรค ว่า ก็เป็นที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งเราก็สงสัยในคนคนนี้มาตลอด และขณะนี้ก็ชัดเจนแล้วว่าเป็นสิ่งแปลกปลอมในพรรค ผลการสอบสวนเดิมยังไม่เสร็จ กลับมีพฤติกรรมอีก ก็ไม่ต้องสอบสวนแล้ว เรื่องนี้ไม่ต้องลงโทษเชือดไก่ให้ลิงดู เดี๋ยวเขาก็ตายเอง
ที่ประชุม ครม. เสนอแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำแหน่งบริหารระดับสูงให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 25 ตำแหน่ง ประกอบด้วย 1.นายสยาม ศิริมงคล อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน (พช.) เป็นผู้ว่าราชการจังหวัด (ผวจ.) สมุทรปราการ 2.นายจุมพฎ วรรณฉัตรสิริ ผวจ.บึงกาฬ เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย 3.นายชูชีพ พงษ์ไชย ผวจ.ตาก เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย 4.นายสุรศักดิ์ อักษรกุล ผวจ.หนองบัวลำภู เป็นอธิบดี พช. 5.นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผวจ.สมุทรสาคร เป็น ผวจ.ชลบุรี 6.นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เป็น ผวจ.เชียงใหม่ 7.ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผวจ.อุบลราชธานี เป็นผู้ตรวจราชการ (เคยมีกรณีเบิกจ่ายงบฉุกเฉินล่าช้า)
8.นายณรงค์ เทพเสนา ผวจ.อำนาจเจริญ เป็นผู้ตรวจราชการ 9. นายอังกูร ศีลาเทวากูล ผวจ.กระบี่ เป็นผู้ตรวจราชการ 10.นายชวนินทร์ วงศ์สถิตจิรกาล ผวจ.อ่างทอง เป็นผู้ตรวจราชการ 11.นายปราชญา อุ่นเพชรวรากร ผวจ.นครพนม เป็นผู้ตรวจราชการ 12. นายวีระพันธ์ ดีอ่อน ผวจ.ปราจีนบุรี เป็นผู้ตรวจราชการ 13.ว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผวจ.นราธิวาส เป็นผู้ตรวจราชการ
14.นายศุภมิตร ชินศรี ผวจ.สมุทรปราการ เป็น ผวจ.นครสวรรค์ 15.นายชำนาญ ชื่นตา ผวจ.สุรินทร์ เป็น ผวจ.อุบลราชธานี 16.นายรัฐศาสตร์ ชิดชู ผวจ.พัทลุง เป็น ผวจ.กระบี่ 17.นายชรินทร์ ทองสุข ผวจ.เชียงราย เป็น ผวจ.ขอนแก่น 18.นายรัฐพล นราดิศร ผวจ.พะเยา เป็น ผวจ.เชียงราย 19.นายเอกวิทย์ มีเพียร ผวจ.แม่ฮ่องสอน เป็น ผวจ.ปทุมธานี 20.นายศรัณย์ศักดิ์ ศรีเครือเนตร ผู้ตรวจราชการ เป็น ผวจ.ภูเก็ต 21.น.ส.ชุติพร เสซัง ผวจ.นครสวรรค์ เป็น ผวจ.แม่ฮ่องสอน 22.นายวิบูลย์ แววบัณฑิต ผวจ.มหาสารคาม เป็น ผวจ.ลำปาง
23.นายชยชัย แสงอินทร์ ผู้ตรวจราชการ เป็น ผวจ.สมุทรสงคราม 24.นายสมบัติ ไตรศักดิ์ ผู้ตรวจราชการ เป็น ผวจ.สิงห์บุรี และ 25.นายอนุรัตน์ ธรรมประจำจิต ผู้ตรวจราชการ เป็น ผวจ.อำนาจเจริญ ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2568 เป็นต้นไป ยกเว้น นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ตรวจราชการ เป็น ผวจ.เชียงใหม่ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง เป็นต้นไป
กระทรวงมหาดไทยยังเสนอต่ออายุราชการของนายปริญญา โพธิสัตย์ ผวจ.สระแก้ว ซึ่งจะดำรงตำแหน่งครบ 4 ปี ในวันที่ 30 ก.ย.2568 และจะต้องพ้นจากราชการ (ครบเกษียณอายุ) ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2569 เป็นต้นไป ให้ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่ง ผวจ.สระแก้วต่อไปอีก 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2568 ถึงวันที่ 30 ก.ย. 2569 การต่ออายุสืบเนื่องจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทำให้ยังจำเป็นต้องมีการบริหารราชการแผ่นดินอย่างต่อเนื่อง
ครม.มีมติอนุมัติตามที่ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เสนอรับโอนนายพชร อนันตศิลป์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ปลัดกระทรวงดีอี แต่งตั้งนางอุดมพร เอกเอี่ยม รองเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ไปดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ให้นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เป็นเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.)
อนุมัติตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ คือ นายสุนทร แก้วสว่าง รองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง นางดวงดาว ขาวเจริญ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2568 เป็นต้นไป.
"ทีมข่าวการเมือง"