“รวมพลังแผ่นดินฯ” กดดันรัฐสภา! เรียกร้องยกเลิก MOU 43-44 หวั่นประเทศเสียเปรียบ จี้ "แพทองธาร" รับผิดชอบปมคลิปเสียง
วันที่ 17 ส.ค.2568 เวลา 10.00 น. ที่ณ ลานประชาชน อาคารรัฐสภา กลุ่มรวมพลังแผ่นดิน ปกป้องอธิปไตย ได้นัดชุมนุมเพื่อแสดงพลังเรียกร้องให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณายกเลิกบันทึกความเข้าใจ (MOU) ฉบับปี 2543 และ 2544 เนื่องจากวาระการประชุมสภาในวันนี้จะมีการพิจารณาเรื่องดังกล่าว
บรรยากาศการชุมนุมตั้งแต่ช่วงเช้ามีมวลชนเดินทางมาปักหลักรับฟังการปราศรัย พร้อมโบกธงชาติไทยและชูป้ายข้อความเรียกร้องให้ยกเลิก MOU ดังกล่าว นอกจากนี้ยังมีข้อเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออกด้วย
สำหรับกำหนดการในวันนี้ แกนนำจะสลับกันขึ้นปราศรัย อาทิ นายจตุพร พรหมพันธุ์, นายพิชิต ไชยมงคล, นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ และ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม โดยจะยุติการชุมนุมในเวลา 17.00 น. พร้อมกันนี้จะมีการยื่นหนังสือถึงประธานสภาฯ และตัวแทนพรรคการเมืองทุกพรรคเพื่อขอให้ยกเลิก MOU 43 - 44
ด้าน นายพิชิต ไชยมงคล หนึ่งในแกนนำ เปิดเผยว่า การชุมนุมในวันนี้เพื่อสื่อสารถึงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เนื่องจาก ส.ส. ของพรรคภูมิใจไทยจะเสนอเรื่องขอให้ยกเลิก MOU 43 และ MOU 44 ต่อที่ประชุมสภาฯ ซึ่งสอดคล้องกับข้อเรียกร้องของกลุ่มฯ ที่มองว่า MOU ดังกล่าวทำให้เกิดพื้นที่ทับซ้อนและข้อพิพาทกับกัมพูชา จึงควรมีการเจรจาใหม่แบบทวิภาคี โดยให้ทางการไทยเสนอแผนที่มาตราส่วน 1:50,000
นายพิชิตยังกล่าวถึงกรณีคลิปเสียงของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ที่พรรคเพื่อไทยชี้แจงว่าเป็นเจตนาดีต่อประเทศชาติว่า เป็นเรื่องที่ประชาชนเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีแสดงความรับผิดชอบทางการเมืองด้วยการลาออกจากตำแหน่ง “น.ส.แพทองธารปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ เพราะประชาชนได้รับฟังและตัดสินไปแล้ว คำพูดในคลิปไม่ได้เป็นผลดีต่อประเทศไทย ดังนั้นในทางการเมืองนายกฯ ไม่ต้องรอให้ศาลตัดสิน สามารถลาออกได้ทันที” นายพิชิตกล่าว
ส่วนกรณีที่มีการชี้แจงว่าเป็น "เทคนิคการเจรจา" นั้น นายพิชิตมองว่า "เป็นข้ออ้าง" เพราะไม่ใช่เทคนิคการเจรจาเพื่อประเทศชาติที่ควรจะมาด้อยค่าบุคลากรภายในประเทศตัวเอง แต่เป็นเทคนิคในการรักษาตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของตนเองมากกว่า
เมื่อถูกถามว่านายกรัฐมนตรีจะลาออกก่อนมีคำพิพากษาในวันที่ 29 ส.ค. นี้หรือไม่ นายพิชิต ระบุว่า "ผมคิดว่านายกรัฐมนตรีควรจะลาออก ซึ่งเสียงเรียกร้องของประชาชนที่ให้ลาออกเสมือนเป็นเอกฉันท์ไปแล้ว"
นายพิชิต ยังได้ย้ำว่า สภาฯ ควรพิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบ เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นมีสาเหตุมาจาก MOU ดังนั้นฝ่ายนิติบัญญัติควรจะมีท่าทีและวางกรอบกติกาใหม่โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ และหากที่ประชุมสภาฯ ไม่สามารถยกเลิก MOU ดังกล่าวได้ กลุ่มฯ ก็จะยกระดับการเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องต่อไป เนื่องจาก MOU นี้ทำให้ประเทศไทยเสียเปรียบอย่างมาก