กัมพูชา สวน ไทยละเมิด MOU43 ซ้ำซาก ใช้แผนที่ฝ่ายเดียว รุกล้ำอธิปไตย
กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาออกแถลงการณ์ประท้วงไทย ปฏิเสธแถลงการณ์ กต.ไทยที่ทำให้เข้าใจผิด ยืนยันการแก้ไขปัญหาชายแดนโดยสันติวิธี แต่กล่าวหาไทยละเมิด MOU43 ซ้ำซาก ใช้แผนที่ฝ่ายเดียวและรุกล้ำอธิปไตย จึงจำเป็นต้องนำเรื่องสู่ ICJ
(วันที่ 7 กรกฎาคม 2568) กระทรวงการต่างประเทศของกัมพูชา ออกหนังสือแถลงการณ์ประท้วง และปฏิเสธแถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศ ที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับข้อพิพาทชายแดน MOU 2000 โดยกัมพูชายืนยันการแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธี และกล่าวหาว่าไทยละเมิดข้อตกลงซ้ำ ๆ โดยใช้แผนที่ฝ่ายเดียวและรุกล้ำอธิปไตย จากแถลงการณ์ระบุไว้ดังนี้
กระทรวงการต่างประเทศ และความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาได้รับทราบถึงแถลงการณ์ที่ทำให้เข้าใจผิดซึ่งเผยแพร่โดยกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยเมื่อเร็ว ๆ นี้ เกี่ยวกับข้อพิพาทชายแดนกัมพูชา-ไทย และบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสำรวจ และจัดทำหลักเขตแดนทางบก (MOU 2000) ซึ่งลงนามเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2543 โดยทั้งสองประเทศ ในเรื่องนี้ กระทรวงฯ มีความประสงค์ที่จะชี้แจงดังต่อไปนี้
1. กัมพูชาขอยืนยันอีกครั้งถึงเจตนารมณ์อันแน่วแน่ในการยุติข้อพิพาทชายแดนโดยสันติวิธี โดยสอดคล้องอย่างเคร่งครัดกับกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งรวมถึงกฎบัตรสหประชาชาติ กฎบัตรอาเซียน และ MOU 2000 การดำเนินการของกัมพูชาในเรื่องนี้มีพื้นฐานมาจากการยึดมั่นโดยสุจริตต่อพันธกรณีตามสนธิสัญญา และหลักการแห่งความเสมอภาคในอธิปไตยและการยุติข้อพิพาทโดยสันติวิธีตามที่ประดิษฐานไว้ในกฎบัตรสหประชาชาติ
2. ขอย้ำว่า ประเทศไทยได้ล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในการปฏิบัติตามพันธกรณีหลักภายใต้ MOU 2000 โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อ 1 ซึ่งยืนยันอย่างชัดแจ้งว่าแผนที่ที่จัดทำขึ้นโดยคณะกรรมาธิการปักปันเขตแดนระหว่างอินโดจีนและสยาม จะต้องใช้เป็นพื้นฐานสำหรับกระบวนการปักปันเขตแดน ซึ่งตรงกันข้ามกับพันธะที่ผูกพันนี้
ประเทศไทยกลับยืนกรานที่จะบังคับใช้แผนที่ที่จัดทำขึ้นฝ่ายเดียว เพื่ออ้างสิทธิ์ในดินแดนและดำเนินการรุกล้ำเข้ามาในอาณาเขตของกัมพูชา การกระทำเหล่านี้ถือเป็นการละเมิดข้อตกลงที่สำคัญต่อสาระแห่งกฎหมายระหว่างประเทศและ MOU 2000 ซึ่งยังคงมีผลผูกพันทางกฎหมายต่อทั้งสองรัฐ
3. การตัดสินใจของกัมพูชาในการนำเรื่องนี้เสนอต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) เป็นการตอบสนองที่ไตร่ตรองแล้ว ตั้งอยู่บนพื้นฐานของกฎเกณฑ์ และเป็นไปโดยสันติ ต่อการที่ประเทศไทยยังคงละเมิด MOU 2000 อย่างต่อเนื่อง การใช้กำลังทหาร การกระทำการยั่วยุ และการแสดงออกถึงความไม่เต็มใจที่จะเคารพกรอบการทำงานที่ได้ตกลงร่วมกันสำหรับการปักปันเขตแดนร่วม
ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ในฐานะองค์กรตุลาการหลักของสหประชาชาติ เป็นเวทีที่ได้รับการยอมรับและมีความชอบธรรมในการพิพากษาข้อพิพาททางกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งรวมถึงเรื่องเขตแดน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่กลไกทวิภาคีต้องหยุดชะงักเนื่องจากการละเมิด MOU 2000 อย่างต่อเนื่องโดยฝ่ายหนึ่ง
4. กัมพูชาจึงขอเรียกร้องให้ประเทศไทยปฏิบัติตามพันธกรณีตามสนธิสัญญาโดยสุจริต ซึ่งรวมถึง MOU 2000 ยุติการกระทำเพียงฝ่ายเดียวทั้งหมดในพื้นที่ และเข้าร่วมในการยุติข้อพิพาทโดยสันติวิธีอย่างสร้างสรรค์ ซึ่งรวมถึงการดำเนินการผ่านกลไกทางกฎหมายระหว่างประเทศที่เป็นที่ยอมรับของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ)
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง