6 พฤติกรรมล้างจานแบบผิด ๆ ที่อาจนำภัยมาสู่ตัว แต่หลายครอบครัวยังทำอยู่ทุกวัน
6 พฤติกรรมล้างจานแบบผิด ๆ ที่อาจนำภัยมาสู่ตัวคุณ โดยไม่รู้ตัว แต่หลายครอบครัวกำลังเผลอทำอยู่ทุกวัน
การล้างจานเป็นกิจวัตรที่เราทำกันทุกวัน ฟังดูเหมือนง่าย แต่หากทำผิดวิธี ห้องครัวของคุณอาจกลายเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคโดยไม่รู้ตัว และส่งผลกระทบต่อสุขภาพของทั้งครอบครัวโดยตรง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บางพฤติกรรมผิด ๆ เหล่านี้มักพบได้บ่อยในหลายบ้าน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ
ต่อไปนี้คือ 6 พฤติกรรมผิดพลาดที่ควรหลีกเลี่ยงในการล้างจาน หากคุณหรือคนในบ้านยังทำอยู่ ควรรีบปรับเปลี่ยนให้ไวที่สุด
ล้างเสร็จแล้ววางจานซ้อนกัน
หลายคนมักมีนิสัยล้างจานเสร็จแล้วนำมาวางซ้อนกันเพื่อประหยัดพื้นที่ แต่พฤติกรรมนี้กลับทำให้บริเวณที่จานสัมผัสกันยังคงชื้นนาน ส่งผลให้เชื้อแบคทีเรียเติบโตได้ดี
ผลสำรวจพบว่า ปริมาณเชื้อโรคบนจานชามที่วางซ้อนกัน อาจมากกว่าจานที่ตั้งแยกกันถึง 70 เท่า วิธีง่าย ๆ ที่ช่วยลดเชื้อโรคได้คือ วางจานชามในแนวตั้งบนตะแกรงหรือชั้นวาง เพื่อให้อากาศถ่ายเทและผิวจานแห้งเร็ว ลดโอกาสการสะสมของแบคทีเรีย
แช่จานชามทิ้งไว้ข้ามคืน
บางครอบครัวมักมีนิสัยแช่จานชามลงในอ่างน้ำหลังมื้ออาหาร แล้วค่อยล้างในวันรุ่งขึ้นเพื่อความสะดวก แต่พฤติกรรมนี้ถือเป็นความเข้าใจผิดอย่างมาก เพราะการแช่นานเกินไปทำให้จำนวนเชื้อแบคทีเรียบนพื้นผิวจานชามเพิ่มขึ้นเป็นหมื่นเท่าจากเดิม
แม้จะล้างภายหลังก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะขจัดเชื้อแบคทีเรียที่แพร่กระจายระหว่างการแช่ได้หมด ดังนั้นทางที่ดีที่สุดคือ ควรล้างจานชามทันทีหลังรับประทานอาหาร เพื่อป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อโรคที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ
ผสมน้ำยาล้างจานให้เจือจางเพื่อประหยัด
หลายคนมักมีนิสัยผสมน้ำเปล่าลงในน้ำยาล้างจานเพื่อลดค่าใช้จ่าย แต่รู้หรือไม่ว่าการเจือจางแบบนี้จะทำให้ประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อของน้ำยาลดลง แถมยังเปิดโอกาสให้เชื้อแบคทีเรียเข้าไปเจริญเติบโตในขวดน้ำยาได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
เมื่อใช้ล้างจาน ก็อาจกลายเป็นการกระจายเชื้อโรคโดยไม่รู้ตัว ทางที่ดีควรใช้น้ำยาล้างจานสูตรเข้มข้นในปริมาณที่พอดี และเก็บไว้ในที่แห้ง ปิดฝาให้สนิททุกครั้งหลังใช้งาน เพื่อให้ได้ผลในการทำความสะอาดที่ดีที่สุด
ใช้ฟองน้ำหรือผ้าเช็ดจานซ้ำเป็นเวลานานโดยไม่เปลี่ยนใหม่
ฟองน้ำหรือผ้าเช็ดจานที่ใช้เป็นเวลานานโดยไม่เปลี่ยน อาจกลายเป็น “แหล่งสะสมเชื้อโรค” อย่างไม่รู้ตัว งานวิจัยระบุว่าในฟองน้ำล้างจานเพียง 1 ตารางเซนติเมตร อาจมีแบคทีเรียนับพันล้านตัว ซึ่งมากกว่าบริเวณฝาชักโครกหลายเท่า
แม้จะล้างให้สะอาดแค่ไหน แต่หากฟองน้ำหรือผ้านั้นผ่านการใช้งานมานาน ก็ยังเสี่ยงต่อการเกิดการปนเปื้อนข้าม (cross-contamination) ได้อยู่ดี
ทางที่ดีควรเปลี่ยนฟองน้ำหรือผ้าเช็ดจานใหม่ทุกสัปดาห์ และอย่าลืมบีบน้ำออกและตากให้แห้งทุกครั้งหลังใช้ เพื่อลดความชื้นที่เอื้อต่อการเติบโตของเชื้อโรค
ไม่ฆ่าเชื้อภาชนะหลังล้าง
แม้หลายครอบครัวจะมองข้าม แต่การฆ่าเชื้อภาชนะหลังล้างถือเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยลดการสะสมของแบคทีเรีย โดยเฉพาะเชื้อ Helicobacter pylori ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของโรคกระเพาะและแผลในกระเพาะอาหาร
หากไม่มีเครื่องอบฆ่าเชื้อก็ไม่เป็นไร คุณสามารถใช้วิธีง่าย ๆ แบบดั้งเดิมได้ เช่น ต้มน้ำให้เดือด แล้วนำจานชามที่ล้างสะอาดแล้วลงไปแช่ประมาณ 15–30 นาที วิธีนี้ไม่เพียงประหยัด แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงจากเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
ใช้น้ำยาล้างจานมากเกินไป หรือเลือกผลิตภัณฑ์ไม่มีคุณภาพ
หลายคนเชื่อว่ายิ่งล้างด้วยน้ำยามากเท่าไร จานชามก็ยิ่งสะอาด แต่ในความเป็นจริง การใช้มากเกินไปอาจทำให้มีสารเคมีตกค้าง ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ เช่น ทำร้ายตับ ไต หรือระบบฮอร์โมนในร่างกาย
ยิ่งไปกว่านั้น น้ำยาล้างจานที่ไม่มีคุณภาพอาจมีส่วนผสมของสารเคมีที่ไม่สามารถย่อยสลายได้หมด และตกค้างอยู่บนภาชนะ ซึ่งอาจเข้าสู่ร่างกายผ่านการกินอาหารโดยไม่รู้ตัว
ทางที่ดีควรเลือกผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ ใช้ในปริมาณพอเหมาะ และล้างให้สะอาดด้วยน้ำเปล่าหลังใช้งานทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัยของคนทั้งบ้าน