“บิ๊กหวาน” นำทีมยื่นข้อมูลถึงฝรั่งเศส ตั้งวอร์รูมที่ไทย ปราบแก๊งคอลฯ
"พล.ต.อ.ธัชชัย" เดินหน้าแนวรบปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ถึงสำนักงานใหญ่ Interpol ฝรั่งเศส จับมือ 196 ประเทศ เปิด War Room ที่ไทย ตั้งเป้าลดอาชญากรรมข้ามชาติลง 50% ภายใน 3 เดือน พร้อมปิดช่องไทยเป็นทางผ่าน
พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ และผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผอ.ศปอส.ตร.) ได้เดินทางไปยังสำนักงานใหญ่ขององค์การตำรวจสากล (Interpol) ณ เมืองลียง ประเทศฝรั่งเศส เพื่อหารือและยื่นหนังสือร่วมมือในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์และขบวนการค้ามนุษย์ข้ามชาติที่มีฐานปฏิบัติการอยู่ในกัมพูชา ในการประชุมครั้งนี้ พล.ต.อ.ธัชชัย ได้บรรยายสถานการณ์อาชญากรรมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
โดยเฉพาะกรณีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่สร้างความเสียหายต่อประชาชนไทยและเศรษฐกิจในวงกว้าง พร้อมแลกเปลี่ยนข้อมูลกับผู้บริหาร Interpol อาทิ นาย Cyril GOUT ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายกิจการตำรวจ และ นาย Abdulaziz OBAIDALLA ผู้อำนวยการฝ่ายวิเทศสัมพันธ์
พล.ต.อ.ธัชชัยฯ กล่าวว่าจากข้อมูลของ UNODC แก๊งคอลเซ็นเตอร์และขบวนการค้ามนุษย์ในกัมพูชา มีรายได้รวมคิดเป็นมากกว่า 60% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) โดยการดำเนินการของขบวนการเหล่านี้ไม่เพียงส่งผลต่อไทย แต่ยังเชื่อมโยงกับเครือข่ายอาชญากรรมทั่วโลก โดยผลจากการหารือ Interpol ตอบรับร่วมมือกับไทยอย่างใกล้ชิด โดยจะส่งผู้เชี่ยวชาญมาประจำที่ “ศูนย์บริหารเหตุการณ์แก๊งคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์” (War Room) ซึ่งตั้งอยู่ในไทย เพื่อเป็นศูนย์กลางข้อมูลและแผนปฏิบัติการระดับภูมิภาค พร้อมสนับสนุนเครื่องมือ ข้อมูลวิเคราะห์ และการประสานงานข้ามชาติ
ซึ่งการจัดตั้ง War Room นี้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่ต้องการให้ไทยเป็นศูนย์กลางในการนำองค์กรระหว่างประเทศมาร่วมปราบปรามเครือข่ายอาชญากรรมที่ซ่อนตัวอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะกัมพูชา
พล.ต.อ.ธัชชัย ระบุว่า ศูนย์ War Room จะแล้วเสร็จภายในเดือนกรกฎาคมนี้ และจะเป็นกลไกยุทธศาสตร์สำคัญในการติดตาม วิเคราะห์ และสนับสนุนปฏิบัติการสากล เพื่อตรวจสอบเครือข่ายคนร้าย อายัดทรัพย์ และกวาดล้างขบวนการอย่างเป็นระบบ รัฐบาลไทยตั้งเป้าชัดเจนว่า ภายใน 3 เดือน อาชญากรรมคอลเซ็นเตอร์และการค้ามนุษย์ในประเทศไทยจะต้อง ลดลงไม่น้อยกว่า 50% และที่สำคัญคือ ต้อง ไม่ให้ประเทศไทยกลายเป็นทางผ่านของอาชญากรข้ามชาติอีกต่อไป
ด้วยความร่วมมือขององค์การตำรวจสากล ซึ่งมีสมาชิกกว่า 196 ประเทศ รวมทั้งไทยและกัมพูชา การขับเคลื่อนผ่านกลไกของ Interpol จะช่วยให้การปราบปรามเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยมีประเทศไทยเป็นผู้นำในการประสานงาน สนับสนุน และผลักดันให้ประเทศเพื่อนบ้านร่วมมืออย่างจริงจัง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook: https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews