ไทยเห็นด้วยกับหลายประเทศให้หยุดยิง ย้ำกัมพูชาต้องจริงใจก่อน
ขณะนี้ประเทศไทยเห็นด้วยกับหลายประเทศที่เรียกร้องให้หยุดยิง แต่จะทำได้ก็ต่อเมื่อมีการเจรจา ซึ่งตอนนี้กัมพูชาก็ยังส่งกำลังปะทะใกล้กับเขาพระวิหาร เมื่อเวลา 02.10 น.ที่ผ่านมา และยิงจรวด BM-21 เมื่อเวลา 06.10 น. ซึ่งตกที่ อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ทำให้บ้านเรือนประชาชนเสียหาย
นอกจากนี้ เมื่อวานนี้ (26 ก.ค.) กระสุนปืนใหญ่ของกัมพูชายังตกใส่โรงพยาบาลในช่วงเวลา 15.00 น. ซึ่งละเมิดอนุสัญญาเจนีวาอย่างชัดเจน
ขณะเดียวกัน กัมพูชาเสริมกำลัง เตรียมที่มั่นดัดแปลง วางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลอย่างต่อเนื่อง ซึ่งละเมิดอนุสัญญาออตตาวาอย่างชัดเจน พร้อมใช้กระแสชาตินิยมปลุกปั่น หวังให้เกิดความขัดแย้งสองประเทศ นอกจากนี้ กัมพูชายังใช้อาวุธหนัก และปรากฏณ์ข่าวความเคลื่อนไหวอาจใช้อาวุธหนักอย่างต่อเนื่อง
ส่วนยอดผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต พลเรือนไทยเสียชีวิต 13 ราย และบาดเจ็บ 49 คน
ส่วนด้านการต่างประเทศ ทางคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) จัดประชุมแบบปิดนั้น ถือเป็นโอกาสสำคัญให้ไทยย้ำจุดยืนต่อประชาคมโลกว่ากัมพูชาเป็นฝ่ายริเริ่มเปิดฉากยิงก่อน ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและมนุษยธรรมอย่างร้ายแรง
การหารือกล่าวถึงหลักการกว้าง ๆ ไปในทางเดียวกัน คือ 1.ลดความตึงเครียด แก้ปัญหาสันติวิธี ใช้การทูตและการเจรจาทวิภาคี
2.สนับสนุนบทบาทของอาเซียนแก้ไขความขัดแย้งตามกฎบัตรอาเซียน
3.ย้ำว่าสถานการณ์ไทย-กัมพูชาไม่ได้เป็นภัยคุกคามระหว่างประเทศ
นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศออกแถลงการณ์ประณามกัมพูชา เรื่องการโจมตีเป้าหมายพลเรือน ส่งหนังสือถึงคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ICRC) และจะเข้าพบวันอังคารที่ 29 กรกฎาคมนี้
ไทยย้ำว่ากัมพูชาต้องแสดงความจริงใจในการหยุดยิงก่อน กระทรวงการต่างประเทศต้องออกแถลงการณ์ชี้แจงต่อสื่อต่างประเทศต่อไป พร้อมตอบโต้การเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนที่กล่าวหาว่าไทยเริ่มยิงก่อน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- กระทรวงการต่างประเทศประณามกัมพูชา ใช้อาวุธร้างแรงยิงใส่บ้านเรือนประชาชน
- กูแตร์เรสเรียกร้องไทย-กัมพูชาหยุดยิงทันที พร้อมช่วยเหลือ
- "มันเหมือนฆาตกรรม" เสียงจากชายไทย ผู้สูญเสียภรรยาและลูกสองคน ในวันที่กัมพูชาโจมตีใสพลเรือนไทย
- สุรินทร์เตือนเลี่ยงรัศมี 120 กม. หลังกัมพูชาเคลื่อนจรวดยิงไกลประจำชายแดน
- ทัพบกส่งรถถัง-ยานเกราะประชิดปอยเปต ทัพเรือประจำการชายแดนตราด