ระวัง ตื่นเช้ามาเจอ 4 อาการนี้ เซลล์มะเร็งอาจกำลัง “กัดกินปอด” เว็บต่างชาติเตือนกัน!
เตือน! ใครมี 4 อาการนี้ตอนตื่นนอน ระวัง "มะเร็งปอด" ภัยเงียบที่อาจเริ่มจากแค่ไอ เจ็บหน้าอก หรือปวดไหล่
ช่วงเวลาหลังตื่นนอนในตอนเช้า ถือเป็นหนึ่งในช่วงที่อาการของโรคร้ายต่างๆ โดยเฉพาะมะเร็งปอด แสดงออกได้ชัดเจนกว่าช่วงอื่นๆ แม้โรคจะอยู่ในระยะเริ่มต้นก็ตาม
แล้วทำไมถึงเป็นตอนเช้า? นั่นเพราะช่วงเช้า ร่างกายเพิ่งตื่นจากการพักผ่อนยาวหลายชั่วโมง พลังงานและน้ำในร่างกายลดลง และไวต่อความผิดปกติของร่างกายมากเป็นพิเศษ อีกทั้งอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลง และท่าทางขณะตื่นนอน ยังเป็นตัวกระตุ้นให้บางอาการมะเร็งชัดขึ้น
ตามรายงานจากเว็บไซต์ SOHA ได้ส่งคำเตือนถึงผู้อ่านว่า หากพบว่าตนเองตื่นมาพร้อมกับ 4 สัญญาณต่อไปนี้ อย่าชะล่าใจ แต่ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายโดยทันที เพราะอาจเป็นสัญญาณว่ามะเร็งปอดเริ่มคุกคามแล้ว!
1. เสียงแหบ หายใจลำบากเรื้อรัง
มะเร็งปอดมักทำให้เกิดเสียงแหบ หายใจลำบาก รวมถึงความรู้สึกแน่นที่ลำคอ อาการเหล่านี้จะยิ่งเห็นได้ชัดเจนในตอนเช้า เมื่อร่างกายเพิ่งสูญเสียน้ำหลังจากการนอนหลับยาวตลอดคืน แน่นอนว่าในเวลากลางคืนที่อุณหภูมิลดต่ำลง อาการเสียงแหบก็จะยิ่งชัดเจนมากขึ้น
อาการหายใจลำบากที่เกิดจากก้อนมะเร็งในปอดก็มักจะเกิดขึ้นหรือรุนแรงขึ้นในตอนเช้าหลังตื่นนอน การเปลี่ยนท่าทางจากนอนเป็นนั่ง ยืน หรือออกแรงมากขึ้น ก็ถือเป็นหนึ่งในสาเหตุที่กระตุ้นให้อาการเหล่านี้ปรากฏ
ความแตกต่างของอาการเสียงแหบและหายใจลำบากจากมะเร็งปอดในตอนเช้าคือ มักมาพร้อมกับความเหนื่อยล้าสะสม แม้ว่าจะได้นอนพักผ่อนเพียงพอแล้วก็ตาม อาจมีความรู้สึกแน่นหน้าอก เวียนหัว ร่างกายอ่อนแรง และไม่สบายคล้ายกับภาวะขาดออกซิเจน อาการเหล่านี้อาจจะค่อยๆ ทุเลาลงหลังจากผ่านไปสักพัก แต่จะกลับมาอีกในเช้าวันถัดไป
2. เจ็บหน้าอก แน่นหน้าอกโดยไม่ทราบสาเหตุ
นี่เป็นสัญญาณทั่วไปของโรคมะเร็งปอด ในระยะเริ่มต้น ความเจ็บอาจยังไม่ชัดเจน แต่จะรู้สึกแน่นหน้าอก หรือเหมือนมีบางอย่างมากดทับ ทำให้รู้สึกอึดอัดและไม่สบาย สาเหตุคือในผนังทรวงอกมีปลายประสาทจำนวนมาก ดังนั้นหากมะเร็งปอดลุกลามเข้ามาที่ผนังทรวงอก ก็จะทำให้เกิดอาการเจ็บแน่นหน้าอก ตามสถิติ พบว่าประมาณครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยมะเร็งปอดเคยประสบกับอาการเจ็บแน่นหน้าอกหรือเจ็บไหล่
นอกจากนี้ การหายใจเข้าออกทำให้ลมผ่านเข้าออกปอด เกิดแรงกดและการเคลื่อนไหวในบริเวณทรวงอก หากมีเนื้องอกอยู่ ย่อมไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ที่มันจะถูกกระทบและก่อให้เกิดความเจ็บปวด เจ็บหน้าอกจากมะเร็งปอดอาจเกิดจากเนื้องอกที่ลุกลามออกไปกว้างหรือแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองหรืออวัยวะอื่นในช่องอกแล้ว
ลักษณะของอาการเจ็บแน่นหน้าอกจากมะเร็งปอดมักจะมาพร้อมกับหายใจลำบาก ไอเรื้อรัง และรู้สึกเจ็บลึกภายใน อาการนี้มักเกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด แม้ว่าคุณจะไม่ได้ทำงานหนักหรือเครียดก็ตาม และจะเจ็บลึกและรุนแรงขึ้นเมื่อผู้ป่วยออกแรงมาก ไอ หรือหายใจลึก
3. ปวดไหล่และต้นแขนแบบเรื้อรัง
หากไม่ใช่จากการบาดเจ็บ หรือโรคเกี่ยวกับกระดูกและข้อ ควรระวังเป็นพิเศษกับก้อนเนื้อในปอด อาการปวดมักจะชัดเจนขึ้นในตอนเช้าหลังตื่นนอน เนื่องจากร่างกายเริ่มขยับไหล่และแขนหลังจากหยุดพักมาตลอดคืน ในช่วงเวลานี้ ปอดก็เริ่มทำงานหนักขึ้นเพื่อเพิ่มการหายใจ ทำให้ก้อนเนื้อถูกกระทบกระเทือนมากขึ้น
ตามที่ผู้เชี่ยวชาญระบุ อาการปวดที่ไหล่และด้านในของแขนที่ผิดปกติมักเกี่ยวข้องกับเนื้องอกมะเร็งในปอดมากที่สุด สาเหตุหลักคือเนื้องอกลุกลามไปยังเยื่อหุ้มปอด หรือเกิดการระบายน้ำเหลืองผิดปกติในบางจุด เนื่องจากปอดตั้งอยู่ใกล้กับบริเวณไหล่และแขน การทำงานของมันจึงส่งผลโดยตรงต่อบริเวณนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากก้อนเนื้อเจริญเติบโตจนไปกดทับบริเวณด้านบนของปอด จะสร้างแรงกดดันต่อกล้ามเนื้อ ข้อต่อ และกระดูกใกล้เคียง
4. ไอมาก หรือไอมีเลือดปน
แน่นอนว่าเมื่อพูดถึงอาการของมะเร็งปอด ก็ไม่อาจมองข้ามอาการไอได้ แม้ว่าจะมีบางกรณีที่อาการไอไม่ชัดเจนในระยะเริ่มต้น ต่างจากการเป็นหวัด อาการไอจากมะเร็งปอดจะทำให้รู้สึกไม่สบายอย่างรุนแรง เนื่องจากมีความรู้สึกแน่นหน้าอก ไอเป็นชุดรุนแรง และมักไอร่วมกับหายใจติดขัด คล้ายจะจมน้ำ อาการไอเหล่านี้มักไม่มีเสมหะ หรือมีเพียงเล็กน้อย เป็นเสมหะสีขาวเหนียว และในบางรายอาจมีเลือดปนอยู่ในเสมหะด้วย ในระยะรุนแรง ผู้ป่วยอาจไอออกมาเป็นเลือด
อาการไอจากมะเร็งปอดจะรุนแรงขึ้นทุกครั้งที่อุณหภูมิเปลี่ยนแปลง หรือเมื่อเปลี่ยนท่าทางกะทันหัน จึงมักเกิดขึ้นในช่วงเช้าตรู่ โดยเฉพาะในฤดูหนาว อาการไอจากมะเร็งปอดจะไม่ตอบสนองต่อยารักษาไข้หวัดหรือยาแก้ไอทั่วไป
สุดท้ายนี้ขอเน้นว่า อาการของมะเร็งปอดไม่ได้จำกัดว่าจะเกิดเฉพาะในตอนเช้าเท่านั้น ในทำนองเดียวกัน ความรู้สึกไม่สบายในช่วงเช้า ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นมะเร็งปอดเสมอไป แต่อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคอื่นๆ ได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเน้นว่าหากรู้สึกไม่สบาย หรือมีอาการข้างต้นติดต่อกันหลายวัน ควรไปพบแพทย์โดยเร็วเพื่อหาสาเหตุและรับการรักษาอย่างทันท่วงที
แม้การมี 4 อาการข้างต้นนี้ อาจไม่ได้แปลว่าทุกคนจะเป็นมะเร็งปอดแน่นอน แต่อาการผิดปกติตอนเช้าสามารถบ่งบอกความผิดปกติของระบบหายใจ หรือโรคร้ายแรงอื่นๆ ได้ ดังนั้นหากคุณหรือคนใกล้ชิดพบอาการเหล่านี้ซ้ำๆ หลายวันติดต่อกัน ควรไปตรวจสุขภาพทันที เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง และรักษาให้ทันเวลา
- มีคำตอบแล้ว! วิจัยเผย "คนอายุยืน" มักตื่นนอนตอนไหน ใช่ 6 โมงเช้า แบบที่คิดหรือเปล่า?
- รู้ไว้ดีกว่า! อาการโรคเบาหวาน ที่แสดงออกมา "หลังตื่นนอน" ตอนเช้าๆ ใครเป็นรู้ตัวหน่อย