"จิรพงษ์" เผยเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ทำปชช.เครียดสูง-เสี่ยงคิดสั้น
"จิรพงษ์" เผยจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ทำประชาชนเครียดสูง-เสี่ยงคิดสั้น คาดมีผู้ป่วยเสี่ยงกว่า2,070 ราย ถ้าสถานการณ์สู้รบยังไม่คลี่คลาย
วันที่ 31 ก.ค.68 นายจิรพงษ์ ทรงวัชราภรณ์ รองโฆษกกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีกลุ่มคนไม่เห็นด้วยในเรื่องการเจรจาหยุดยิงของรัฐบาลไทย เข้าสู่การเจรจาในระดับทวิภาคี ยุติความรุนแรงระหว่างไทย-กัมพูชา ยังคงยั่วยุปลุกปั่นให้เกิดกระแสทางด้านลบต่อรัฐบาล เป็นพวกเห็นแก่ตัว หวังแต่จะเล่นการเมืองอย่างเดียว ไม่เคยคำนึงถึงผลกระทบต่อประชาชนคนอีสานใต้ และขยายวงกว้างไปสู่จังหวัดต่างๆที่ติดกับประเทศกัมพูชา พวกคุณไม่เคยรู้หรอก ประชาชนคนไทยเหล่านี้ได้รับผลกระทบอย่างไร มีความสูญเสียมากมายเพียงใด ตนได้รับคำสั่งจาก
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่ติดตามการทำงานและประสานระหว่างบุคลากรทางการแพทย์ในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี ศรีสะเกษ และสุรินทร์ ตั้งแต่ก่อนที่จะมีการสู้รบกันระหว่างไทย-กัมพูชา โดยนายสมศักดิ์ ได้ส่งชุด MCATT ประกอบไปด้วยแพทย์และนักจิตวิทยาลงพื้นที่ตามชุมชนต่างๆ เพื่อเยียวยาสภาพทางจิตใจ คลายความเครียดให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบตั้งแต่ก่อนเกิดการสู้รบกัน
นายจิรพงษ์ เปิดเผยอีกว่า จากข้อมูลการติดตามสถานการณ์และเตรียมความพร้อมด้านการแพทย์และการสาธารณสุข PHEOC พบว่า ปัจจุบันมีโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุขปิดบางส่วน 7 แห่ง ปิดให้บริการ 12 แห่ง ได้แก่จังหวัดอุบลราชธานี 3 แห่ง ศรีสะเกษ 2 แห่ง สุรินทร์ 5 แห่ง บุรีรัมย์ 4 แห่ง ตราด 2 แห่ง และสระแก้ว 3 แห่ง เคลื่อนย้ายผู้ป่วยในไปแล้ว 656 ราย กระจายไปยัง 34 โรงพยาบาลในเขตพื้นที่สีส้มและสีเขียวใน 6 จังหวัดดังกล่าว
การที่กัมพูชาโจมตีบ้านเรือนประชาชน ส่งผลให้ประชาชนต้องอพยพเข้าสู่ศูนย์พักพิงชั่วคราวทั้งสิ้น 156,966 คน จาก 6 จังหวัด เป็น 7 จังหวัด รวมจังหวัดจันทบุรีด้วย ซึ่งตัวเลขจำนวนกลุ่มเปราะบางในศูนย์พักพิงชั่วคราวมีถึง 29,138 ราย แบ่งแยกเป็น จำนวนผู้พิการ 808 ราย จำนวนผู้สูงอายุ 20,807 ราย ผู้ติดเตียง 671 ราย จำนวนหญิงตั้งครรภ์ 246 ราย จำนวนเด็กเล็ก 0-5 ปี 6,061 ราย จำนวนผู้ป่วยฟอกไต 175 ราย และผู้ป่วยจิตเวชเรื้อรัง 370 ราย โดยกระทรวงสาธารณสุขจัดเจ้าหน้าที่ประจำดูแลศูนย์พักพิงถึง 2,470 คน ให้บริการทางการแพทย์ดูแลผู้อพยพในศูนย์ทั้งหมดที่มีอยู่ 534 ศูนย์ ในกรณีที่มีผู้ป่วยฉุกเฉินจะมีทีม EMS ช่วยส่งต่อผู้ป่วยไปยัง 38 โรงพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุขที่เปิดรองรับผู้ป่วยใน 7 จังหวัด
นายจิรพงษ์ เปิดเผยว่า สิ่งที่เป็นกังวลใจอย่างยิ่งคือจากรายงานผลปฏิบัติการคัดกรองของทีม MCATT ที่เข้าพื้นที่ล่วงหน้าก่อนมีการสู้รบ ได้คัดกรองผู้อพยพไปแล้วว่า 29,549 คน พบว่าในศูนย์อพยพจังหวัดอุบลราชธานี ผู้อพยพมีความเสี่ยงซึมเศร้า 165 คน คิดเป็นร้อยละ 0.97 เสี่ยงค่าตัวตาย 13 คน คิดเป็นร้อยละ 0.08 ที่ศูนย์อพยพจังหวัดศรีสะเกษ ผู้อพยพมีความเสี่ยงซึมเศร้า 299 คน คิดเป็นร้อยละ 8.39 เสี่ยงฆ่าตัวตาย 81 คน คิดเป็นร้อยละ 2.27
และในจังหวัดสุรินทร์ พบว่ามีความเครียดสูง 349 ราย คิดเป็นร้อยละ 8.30 เสี่ยงฆ่าตัวตาย 75 ราย คิดเป็นร้อยละ 1.79 จะเห็นได้ว่าในจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบกันอย่างรุนแรง เช่นในจังหวัดศรีสะเกษและจังหวัดสุรินทร์ มีเปอร์เซ็นต์เสี่ยงฆ่าตัวตายสูงมาก คำนวณตามสัดส่วนแล้วคาดว่าจะมีผู้ป่วยเสี่ยงฆ่าตัวตายถึงกว่า 2,070 ราย ถ้าสถานการณ์การสู้รบยังไม่คลี่คลายลง ทั้งนี้ นายสมศักดิ์ รมว.สธ ได้ลงพื้นที่ด้วยตนเอง เพื่อดูแลผู้อพยพ
รวมถึงให้กำลังใจแก่แพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ที่อยู่แนวหน้า และขอให้ดูแลผู้อพยพอย่างเต็มกำลัง พร้อมที่จะช่วยเหลือทุกๆด้านเพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพลดการสูญเสียที่จะเกิดขึ้นอีก เมื่อสถานการณ์คลี่คลายลงแล้วคงให้ทางทีม MCATT ยังติดตามเยียวยาดูแลจิตใจประชาชนผู้ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง โดยนอกจากขอสดุดีทหารกล้าปกป้องแผ่นดินไทยแล้ว ตนยังขอชื่นชมแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ที่ปฏิบัติงานอย่างเต็มกำลังในสถานการณ์การสู้รบที่มีการโจมตีโรงพยาบาล เป็นนักรบแนวหลังดูแลรักษาชีวิตของประชาชนในยามเจ็บป่วย