โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ต่างชาติซื้อหุ้นไทย 5 วันรวด! อาจกลับมาซื้อสุทธิรายเดือนเป็นครั้งแรกในรอบ 10 เดือน

THE STANDARD

อัพเดต 6 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 6 ชั่วโมงที่ผ่านมา • thestandard.co
ต่างชาติซื้อหุ้นไทย 5 วันรวด! อาจกลับมาซื้อสุทธิรายเดือนเป็นครั้งแรกในรอบ 10 เดือน

ตลอดเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 6.6 พันล้านบาท หากจบเดือนนี้ต่างชาติยังคงสถานะซื้อสุทธิจะเป็นการกลับมาซื้อสุทธิครั้งแรกในรอบ 10 เดือน โดยครั้งสุดท้ายที่ต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทยรายเดือนต้องย้อนกลับไปเมื่อเดือนกันยายน 2567 มูลค่า 2.9 หมื่นล้านบาท

ส่วน 9 เดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2567 ถึงเดือนมิถุนายน 2568 ต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยไปรวม 1.31 แสนล้านบาท

ขณะที่ดัชนี SET ของหุ้นไทยพุ่งขึ้นมาราว 150 จุด ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา สู่ระดับ 1,217 จุด แต่ล่าสุดวันนี้ (22 กรกฎาคม) ดัชนีย่อตัวลงมา 16.38 จุด ปิดที่ 1,191.75 จุด

ณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ เปิดเผยว่า ดัชนี SET ของหุ้นไทยพุ่งขึ้นกว่า 100 จุด ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นผลจากเงินทุนต่างชาติที่ซื้อสุทธิหุ้นไทยตั้งแต่ต้นเดือนเกือบ 5 พันล้านบาท แม้จะไม่มากเท่ากับเงินทุนที่ไหลเข้าเกาหลีใต้ ไต้หวัน จีน และญี่ปุ่น แต่ถือเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับภูมิภาค

เงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้าสอดคล้องกับเงินบาทที่ปรับตัวแข็งค่า และเม็ดเงินลงทุนในกองทุน ETF ที่อิงกับตลาดหุ้นไทยที่ยังคงเดินหน้าเป็นบวกติดต่อกันหลายวัน ซึ่งเป็นภาพที่แทบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนับตั้งแต่ช่วงต้นปี 2566 ทำให้หุ้นใหญ่ของไทยจะยังโดดเด่นกว่าหุ้นขนาดกลางและเล็ก โดยช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา SET50 เพิ่มขึ้น 8.8% ส่วน sSET เพิ่มขึ้น 4.2%

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

“เงินทุนที่ไหลเข้าส่วนหนึ่งเป็นการเลือกซื้อเพื่อเก็งกำไรระยะสั้นหลังจากหุ้นไทยร่วงมากเกินไปในช่วงก่อน แต่นักลงทุนระยะยาวยังต้องรอติดตามหลายปัจจัย โดยเฉพาะการเจรจาการค้าและการเมืองในประเทศ”

DELTA มีส่วนหนุนหุ้นไทย 1 ใน 3

บล.เอเซียพลัส ระบุว่า ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ดัชนี SET ปรับตัวขึ้นราว 146 จุด จาก 1,062 จุด เป็น 1,208 จุด ผลักดันจากหุ้นของ บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (DELTA) ถึง 43 จุด หรือราว 1 ใน 3 ของการปรับตัวเพิ่มขึ้นในรอบนี้ การขึ้นมาเร็วและแรงของดัชนีอาจมีการพักบ้าง

ด้านณัฐชาตกล่าวเพิ่มเติมว่า ราคาหุ้น DELTA ปรับสูงขึ้นอย่างร้อนแรงตั้งแต่สัปดาห์ก่อน หลัง Consensus ทยอยปรับเพิ่มทั้งประมาณการกำไรในอนาคต และราคาที่เหมาะสม แต่สิ่งที่ต้องระวังมากขึ้นก็คือราคาหุ้นที่ขึ้นมาร้อนแรง จนทำให้ล่าสุดช่องว่างระหว่างราคาเป้าหมาย Consensus กับราคาหุ้นปัจจุบันอยู่ในระดับติดลบมากสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง

หากย้อนอดีตไปดูในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ พบว่าราคาหุ้นของ DELTA จะเริ่มเข้าสู่โซนเปราะบางและมีการปรับฐานลงในท้ายที่สุด ทั้งนี้ DELTA ถือเป็นหุ้นตัวหนึ่งที่เราประเมินว่าในระยะสั้นได้สะท้อนความคาดหวังเชิงบวกทางด้านการเจรจาการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ไปพอสมควรแล้ว จึงแนะนำให้นักลงทุนใช้ความระมัดระวังอย่างสูงกับหุ้นตัวนี้

ไทยอาจคุยสหรัฐฯ ลดภาษีได้ไม่เท่าเวียดนาม

หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลกระทบต่อกระแสเงินทุนต่างชาติและตลาดหุ้นไทยในระยะถัดไปคือผลการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ ซึ่ง สรพล วีระเมธีกุล หัวหน้าทีมกลยุทธ์การลงทุน บล. กสิกรไทย กล่าวว่า ให้น้ำหนักน้อย

“เราให้น้ำหนักน้อยกับโอกาสที่ไทยจะเจรจาภาษีให้ลงมาเหลือ 20% ใกล้กับเวียดนามและอินโดนีเซีย เนื่องจากเงื่อนไขการเปิดตลาด ซึ่งเราต้องปกป้องเกษตรกรและผู้ประกอบการในประเทศ”

อย่างไรก็ดี หากไทยสามารถเจรจาลดภาษีมาเหลือ 20% ได้จริง หุ้นไทยมีโอกาสจะวิ่งไปสู่ระดับ 1,245 จุด แต่กรณีเลวร้ายสุดคือภาษียังคงอยู่ที่ 36% หุ้นไทยอาจร่วงลงไปสู่ระดับ 1,145 จุด ปัจจัยที่ต้องติดตามคือการเจรจารอบ 3 ที่น่าจะเกิดขึ้นในวันที่ 23 สิงหาคมนี้

ส่วนกระแสเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้าในเดือนนี้อาจไม่ได้ต่อเนื่องถึงปลายปี แม้มูลค่าหุ้นไทยจะถูกเทียบกับภูมิภาค แต่ยังมีหลายปัจจัยที่ต้องติดตาม นอกจากเรื่องภาษีการค้ากับสหรัฐฯ ยังมีเรื่องของนโยบายการเงินของผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยคนใหม่ และปัจจัยการเมืองที่อาจกระทบต่อ พ.ร.บ.งบประมาณ ปี 2569

รวมทั้งกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่มีความเสี่ยงจะถูกปรับลดลงจาก 89.5 บาทต่อหุ้น มาเหลือ 88 บาทต่อหุ้น หลังประกาศผลประกอบการไตรมาส 2 ของทุกบริษัท ซึ่งจะกระทบต่อดัชนีราว 40 จุด

กำไรกลุ่มแบงก์ดีกว่าคาด

บล.เอเซียพลัส ระบุว่า กำไรไตรมาส 2 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ (BANK) อยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดย 8 ธนาคาร ที่ฝ่ายวิจัยติดตามมีกำไร 6.5 หมื่นล้านบาท ใกล้เคียงกับที่คาดไว้ จากรายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิตามวัฏจักรดอกเบี้ย

ซึ่งธนาคารเกียรตินาคินภัทร (KKP) และบมจ.เอสซีบี เอกซ์ (SCB) มีกำไรสุทธิสูงกว่าคาดการณ์อย่างมีนัยสำคัญ ส่วนภาพรวมกำไรทั้งกลุ่มอยู่ที่ 1.3 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% จากปีก่อน คิดเป็นสัดส่วน 53% ของประมาณการกำไรทั้งปี ส่วนครึ่งปีหลังกลุ่มธนาคารจะเผชิญความท้าทายมากขึ้น จากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่ลดลงตามวัฏจักรดอกเบี้ยและคุณภาพสินทรัพย์

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก THE STANDARD

แพทองธารมั่นใจเอกภาพพรรคร่วม ยันเจตนาบริสุทธิ์-มีหวังกลับมารับใช้ประชาชน-สถาบัน ด้านทักษิณมั่นใจเลือกตั้งครั้งหน้าจับมือพรรคเดิม

3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

กัมพูชา ขอโทษแล้วหลังใช้โลโก้ ซีเกมส์ 2025 ผิดพลาด

3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

JISOO IN NEW DIOR ชุดสั่งตัดพิเศษโดย Jonathan Anderson ที่คอนเสิร์ต BLACKPINK

4 ชั่วโมงที่ผ่านมา

จะเป็นอย่างไร หาก EU กดปุ่มนิวเคลียร์เศรษฐกิจ ตอบโต้ภาษีทรัมป์

4 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

หลายเมืองในฝรั่งเศสประกาศเคอร์ฟิวสำหรับเด็กๆ ป้องกันความรุนแรงจากยาเสพติด

JS100

อเมริกาอ้างเน้นคุณภาพ-ไม่รีบปิดดีลการค้า ถึงแม้ใกล้เส้นตาย1ส.ค.แต่เจรจาหลายปท.ไม่คืบ

Manager Online

สภาพอากาศวันนี้ -28 ก.ค.ไทยฝนตกหนักหลายพื้นที่ ลมแรง คลื่นสูง

ฐานเศรษฐกิจ

ประท้วง! นักเรียนเรียกร้องความยุติธรรม หลังเครื่องบินฝึกกองทัพบังกลาเทศตกใส่โรงเรียน ตายอย่างน้อย31คน ส่วนใหญ่เป็น นร.

Manager Online

สหรัฐฯส่ง “อาวุธนิวเคลียร์” ไปประจำใน “อังกฤษ” เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 20 ปี หลังสงครามยูเครนระอุ

Manager Online

เพจดังเปิดเอกสารเด็ด! มัดกัมพูชา มีทุ่นระเบิด PMN-2 ไว้ในครอบครอง

The Bangkok Insight

บุกจับครอบครัวเสพยา รวบยกบ้านฉี่ม่วงรวม 6 ราย

Khaosod

มหาวิทยาลัยขอนแก่น แถลงการณ์ด่วน "ผศ.ดร." ถูกจับค้ายาเสพติด

TNews

ข่าวและบทความยอดนิยม

‘ร้านอาหาร’ อยากโตไว ต้องใช้ทุนคนอื่น! ฟัง ‘ชาร์คหมู’ ซีอีโอแห่ง Ookbee เล่าเบื้องหลังการลงทุนที่ใครก็ไม่เคยบอก

THE STANDARD

สามกระทิงกับสิงโต ในตลาดการเงินครึ่งปีหลัง

THE STANDARD

กลยุทธ์การลงทุนในไตรมาส 3 ปี 2568: สร้างสมดุล รับมือความผันผวน และคว้าโอกาสจากธีมเด่น

THE STANDARD
ดูเพิ่ม
Loading...