สพฐ.ถกติดตามรร.ชายแดนไทย-กัมพูชา ย้ำเปิดเรียนได้ต้องฟังข้อมูลจากทหาร
เมื่อวันที่ 5 ส.ค. ว่าที่ร้อยตรีธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหารของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ว่า ที่ประชุมได้ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ใน 7 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี ตราด สระแก้ว และจันทบุรี ซึ่งตนกำชับไปแล้วว่า สถานการณ์ชายแดนหากผู้ปกครองและนักเรียน รวมถึงโรงเรียนจะเปิดการเรียนการสอน และกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้ ขอให้ฟังข้อมูลจากฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่เท่านั้น อีกทั้งชาวบ้านที่ยังไม่สามารถกลับไปบ้านเรือนตัวเองได้ ขอให้สถานศึกษาได้เปิดเป็นศูนย์พักพิงไปก่อนจนกว่าเหตุการณ์จะสงบอย่างแท้จริง ส่วนเรื่องการจัดการเรียนการสอนในสถานการณ์ดังกล่าวที่โรงเรียนยังไม่สามารถเปิดเรียนได้นั้น ได้มอบหมาย สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษาของ สพฐ. ได้ออกแบบการเรียนการสอนที่เหมาะสม โดยใช้รูปแบบเดียวกับสถานการณ์โควิด-19 คือ การเรียนการสอนออนไลน์ 5 รูปแบบ ประกอบด้วย 1.onsite ดำเนินการได้ในกรณีที่โรงเรียนอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย 2.onair เรียนผ่านระบบดีแอลทีวี 3.online เรียนผ่านระบบอินเทอร์เน็ต 4.ondemand เรียนผ่านระบบแอปพลิเคชัน และ 5.onhand เรียนผ่านที่บ้านจากใบงานหรือแบบฝึกหัดที่โรงเรียนแจกให้
เลขาธิการ กพฐ. กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังหารือถึง 3 นักเรียนหญิงที่หนีออกจากหอนอน ที่โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 30 จ.เชียงใหม่ นั้น ขณะนี้ได้เจอตัวนักเรียนแล้ว ซึ่งตนได้รับรายงานว่าโรงเรียนอยู่ระหว่างการสอบสวน เพราะการหนีออกจากหอนอนของนักเรียนกลุ่มนี้นั้น ได้รับทราบว่ามีการพยายามหนีออกหลายครั้งแล้ว โดยตนจะย้ำกับกลุ่มโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ทุกแห่ง ที่เป็นโรงเรียนพักนอน ขอให้มีระบบดูแลความปลอดภัยนักเรียน โรงเรียนจะต้องทำให้ผู้เรียนมีความสุข และโรงเรียนจะต้องเป็นบ้านหลังที่สองให้แก่เด็กด้วย ส่วนครูจะต้องทำให้เด็กรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นเมื่อต้องมาอยู่โรงเรียนประจำ
"ในการประชุมดังกล่าว ผมได้ติดตามการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2568 ซึ่ง สพฐ. มีการเบิกจ่ายงบดังกล่าวไปแล้ว จำนวน 231,744 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 88.48 ซึ่งถือว่าเป็นการเบิกจ่ายตามเป้าหมาย ขณะเดียวกันยังไก้กำชับไปยังเขตพื้นที่และโรงเรียนต่างๆ ให้เร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณ เร่งก้อหนี้ผูกพัน เพื่อไม่ให้งบประมาณถูกพับไปตามกฎหมาย" ว่าที่ร้อยตรีธนุ กล่าวและว่า สำหรับการฟื้นฟูโรงเรียนที่ได้รับผลกรพทบจากเหตุพายุวิภานั้น ได้มีการจัดงบประมาณลงไปซ่อมแซมและฟื้นฟูแล้ว เพื่อให้กลับมาเปิดเรียนได้ตามปกติ