"AU" จับตา Q2/68 โอกาสเป็นจุดต่ำสุดปีนี้
#ทันหุ้น - บล.ทิสโก้ ส่องหุ้น บริษัท อาฟเตอร์ ยู จำกัด (มหาชน) หรือ AU คาดกำไร Q2/68F เป็นจุดต่ำสุดของปี มองสินค้าใหม่จะช่วยขับเคลื่อนผลประกอบการใน Q3/68F โดยคาดกำไรสุทธิ 60 ล้านบาท (-18% YoY, -8% QoQ) จาก SSSG ของ Dine-in Café ที่คาดหดตัวแรง -20% จากกำลังซื้อผู้บริโภคที่อ่อนแอและนักท่องเที่ยว (สัดส่วน 30-35% ของรายได้รวม) ที่ชะลอตัวลง ในขณะที่จำนวนสาขาไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก ฝ่ายวิจัยปรับประมาณการกำไรสุทธิลง 18%/11% ในปี 2568/69F เพื่อสะท้อนภาพยอดขายที่เติบโตต่ำกว่าคาด
สำหรับ SSSG ในช่วงที่เหลือของปี ฝ่ายวิจัยคาดว่าจะยังหดตัวในระดับ Double-Digit โดยคาดฟื้นตัวในช่วง Q4/68F ที่เป็นช่วง High Season ดังนั้นการเติบโตหลักจะถูกขับเคลื่อนจากการออก SKUs ใหม่สำหรับ 7-11 (ซึ่งยังเป็น Segment ที่เติบโตได้ดี) ที่เพิ่งออกในช่วงปลาย Q2/68F (ขนมปังนมโสดและ Mud Cake) และอีก 6-7 SKUs ในช่วง Q3/68F (โดยมี 1 SKU จะเป็น Highlight คาดจะปิดในเดือน ก.ย. ที่ใช้เวลาเตรียมการมากกว่า 2 ปี) เป็นต้นไป ฝ่ายวิจัยปรับคำแนะนำเป็น “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมายใหม่ที่ 8.10 บาท โดยมองว่าผลประกอบการ Q2/68F เป็นจุดต่ำสุดของปี
ธุรกิจ Non-Café ช่วยพยุงยอดขายจาก SSSG ที่อ่อนแอ ฝ่ายวิจัยคาดรายได้อยู่ที่ 402 ล้านบาท เติบโต 7% YoY จากธุรกิจ Non-Café ทั้งค้าปลีกและ Catering สำหรับสายการบินที่คาดจะเติบโตก้าวกระโดด 4 เท่า YoY เป็น 115 ล้านบาท จากการเพิ่มจำนวน SKUs เป็น 2 ครบทุกสาขาตั้งแต่ช่วง มี.ค. ช่วยชดเชยธุรกิจร้าน After You ที่คาดหดตัวลง 20% YoY เป็น 269 ล้านบาท จากกำลังซื้อและนักท่องเที่ยวที่ชะลอตัวลง รวมถึงการปิด Renovate สาขาหลักอย่าง Central World, Pinklao ขณะที่มีการเปิดสาขาใหม่ยังเป็นไปอย่างระมัดระวัง คาดมีเพิ่มเพียง 1 สาขาที่ One Bangkok ส่วน GPM คาดลดลงเป็น 63.0% จาก 66.4% ใน Q2/67 เพราะ Product Mix ที่มีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจ Non-Café เพิ่มขึ้นเป็น 33% ของยอดขาย รวมถึงต้นทุนวัตถุดิบบางชนิดที่ปรับตัวสูงขึ้น อาทิ โกโก้
ปรับประมาณการลง 18%/11% ในปี 2568/69F ตามลำดับ เพื่อสะท้อน SSSG ที่อ่อนแอกว่าคาด โดยปรับกำไรสุทธิปี 2568-69F ลงเป็น 262-322 ล้านบาท หดตัว 12% YoY ในปี 25685F ก่อนจะกลับมาเติบโต 23% ในปี 2569F จากธุรกิจ Café คาดจะกลับมาเติบโตตามนักท่องเที่ยว และธุรกิจ Non-Café ที่จะทยอยออกสินค้าเพิ่มขึ้น โดยฝ่ายวิจัยปรับกำไรลงจากสมมติฐาน SSSG ลงเหลือ -15.0% และ 5.0% (จากเดิมคาดโต 1.0-2.5%)
ปรับ GPM ลงเป็น 61.8-61.3% จากสัดส่วนธุรกิจ Non-Café ที่จะเร่งตัวขึ้นใน 2H68F (ฝ่ายวิจัยคาดที่ 32% ของรายได้รวมในปี 2568F) ในขณะที่แนวโน้มราคาต้นทุนวัตถุดิบคาดจะเริ่มชะลอตัวลงในช่วง 2H68F อาทิ โกโก้ และผลไม้บางชนิดที่ใช้ออกตามฤดูกาลมากขึ้น
ทั้งนี้ ปรับคำแนะนำเป็น "ซื้อ” โดยปรับไปใช้มูลค่าเหมาะสมปี 2569F ที่ 8.10 บาท (จากเดิม 9.95 บาท) ด้วยการประเมินมูลค่าด้วยวิธี DCF อิงจาก WACC 8.6% โดยมีปัจจัยเสี่ยงจากการใช้จ่ายที่ฟื้นตัวช้ากว่าที่ฝ่ายวิจัยคาดไว้ ซึ่งจะกระทบต่อการเติบโตของรายได้และผลประกอบการการขยายสาขาที่ต่ำกว่าคาด ทั้งสาขา After You, Luggaw และ Mikka การแข่งขันที่สูงของธุรกิจขนมหวาน