โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

ธนาคารเอชเอสบีซี คาด ธปท.ลดดอกเบี้ย 0.25% หลังผลเจรจาภาษีทรัมป์ดีกว่าคาด ไม่เสียเปรียบภูมิภาคเดียวกัน ความไม่แน่นอนได้บรรเทาลง

BTimes

อัพเดต 7 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 15 ชั่วโมงที่ผ่านมา • อัพเดตข่าวหุ้น ธุรกิจ การเงิน การลงทุน การตลาด การค้า สุขภาพ กับ บัญชา ชุมชัยเวทย์ - BTimes.Biz

ธนาคารเอชเอสบีซี เผยอัตราภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ต่อไทย ที่ 19% ดีกว่าคาดการณ์ โดยเป็นอัตราภาษีในระดับที่ไม่ต่างกับประเทศตลาดเกิดใหม่ในอาเซียน (Emerging Markets) โดยผลกระทบโดยรวมต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจจากภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ยังเป็นลบ แต่ปัจจุบันความเสี่ยงด้านลบหรืออุปสรรคที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจลดน้อยลงเนื่องจากไทยไม่มีข้อเสียเปรียบด้านภาษี โดยคาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนสิงหาคมนี้ แต่อย่างไรก็ตาม หากยังคงอัตราดอกเบี้ยเดิมไว้ก็อาจเป็นความเสี่ยงด้านบวกหรือโอกาสที่ทำให้ไทยได้ประโยชน์ เนื่องจากผลการเจรจาด้านภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ดีกว่าที่ ธปท. คาดการณ์

อาริส ดาคาเนย์ นักเศรษฐศาสตร์ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ธนาคารเอชเอสบีซี ระบุในบทวิเคราะห์ว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ประกาศจะจัดเก็บอัตราภาษีนำเข้าจากไทยที่ระดับ 19% เมื่อวันศุกร์ที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งลดลงอย่างมีนัยสำคัญจากประกาศเมื่อวันที่ 2 เมษายนและ 9 กรกฎาคม 2568 ที่กำหนดอัตราภาษีนำเข้าไว้ที่ 36% นอกจากนี้ อัตราภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ ต่อไทยที่ 19% ยังอยู่ในระดับเดียวกับอัตราที่สหรัฐฯ เก็บจากมาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ และต่ำกว่าอัตราภาษีนำเข้า 20% ที่จัดเก็บจากเวียดนามเล็กน้อย

ทั้งนี้ ไทยจะยกเว้นภาษีให้สหรัฐฯ สำหรับสินค้านำเข้าประมาณ 10,000 รายการเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน รวมทั้งจะลดอุปสรรคในการนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ ที่นอกเหนือจากการยกเว้นภาษีนำเข้าอีกด้วย อีกทั้งสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนของไทยหรือ BOI จะอำนวยความสะดวกให้บริษัทจากสหรัฐฯ ในภาคพลังงานหมุนเวียน เซมิคอนดักเตอร์ และโลจิสติกส์เข้ามาลงทุนในไทย ตลอดจนไทยยังได้ตกลงที่จะลดการเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ ลง 70% (จาก 120 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ภายในปี 2573 (The Nation, 1 สิงหาคม 2568)

หลายฝ่ายคาดหวังผลการเจรจาภาษีที่แย่กว่านี้ เพราะการประกาศภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ เมื่อ 2 เมษายนและ 9 กรกฎาคมทำให้ไทยเสียเปรียบทางการค้า เนื่องจากถูกกำหนดอัตราภาษีนำเข้าถึง 36% จากการเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ ซึ่งขณะนั้นหลายฝ่ายต่างเชื่อว่าไทยจะต้องมีข้อเสนอที่มากกว่านี้เพื่อใช้ในการเจรจาลดอัตราภาษีนำเข้าลง แต่การที่ภาครัฐของไทยแสดงจุดยืนชัดเจนว่าต้องการปกป้องอุตสาหกรรมบางประเภทจากการนำเข้าของสหรัฐฯ และความตึงเครียดล่าสุดของไทยกับกัมพูชา ทำให้การเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ ล่าช้าจนถึงนาทีสุดท้าย (The Nation, 31 กรกฎาคม 2568)และเมื่อนาทีสุดท้ายก่อนกำแพงภาษีจะบังคับใช้มาถึง อัตราภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ที่เก็บจากไทยกลับกลายเป็นดีกว่าที่คาดการณ์โดยรวม อีกทั้งความเสี่ยงที่ไทยจะสูญเสียส่วนแบ่งตลาดในสหรัฐฯ ก็ลดลง

อัตราภาษีนำเข้าที่ 19% แม้จะสูงกว่าความคาดหวังของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ 18% แต่อัตราภาษีนำเข้าที่ 19% ของไทยไปยังสหรัฐฯ ก็เท่ากับอินโดนีเซีย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ และต่ำกว่าอัตราภาษีนำเข้าของเวียดนามที่ 20% เล็กน้อย ซึ่งทั้งหมดนี้หมายความว่าไม่มีประเทศใดในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ในอาเซียนที่มีข้อเสียเปรียบหรือข้อได้เปรียบเมื่อส่งออกไปยังสหรัฐฯ

แท้จริงแล้วคาดว่าความเชื่อมั่นที่ปรับตัวสูงขึ้นนี้ส่งผลต่อความเสี่ยงด้านบวกหรือโอกาสการเติบโตแก่ภาพรวมเศรษฐกิจไทย เพราะนักลงทุนและผู้ประกอบการชะลอการลงทุนนับตั้งแต่การเลือกตั้งสหรัฐฯ จนถึงการประกาศภาษีนำเข้าเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลอดจนความเชื่อมั่นทางธุรกิจลดลงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ภาคเอกชนผู้ผลิตไม่เติมสินค้าคงคลังแม้จะมีการสั่งซื้อล่วงหน้า ดังนั้น สัดส่วนใหญ่ของการส่งออกในอนาคตน่าจะมาจากการผลิตสินค้าใหม่ ไม่ใช่การนำสินค้าคงคลังทีมีอยู่เดิมไปส่งออก อีกทั้งการเปิดเครื่องจักรและสายการผลิตอีกครั้งจะสามารถนำไปสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจได้อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม ระดับสินค้าคงคลังที่เพิ่มสูงขึ้นล่าสุด (หลังจากติดลบเป็นเวลา 6 เดือนติดต่อกัน) เป็นสัญญาณบวกที่บอกได้ว่าภาคเอกชนผู้ผลิตในไทยอาจมีผลประกอบการที่ดีขึ้นในอนาคต ตลอดจนการลงทุนในประเทศและต่างประเทศจะกลับมาหลังมีความชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายการค้าโลก

ทั้งนี้ เราไม่เชื่อว่าสินค้าสหรัฐฯ จะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อตลาดภายในประเทศของไทย ภายหลังจากไทยเปิดตลาดให้สหรัฐฯ เนื่องจากสินค้าสหรัฐฯ ที่นำเข้ามายังไทยส่วนใหญ่อยู่ในกล่มธุรกิจพลังงานและสินค้าประเภทปัจจัยการผลิตชั้นสูง ซึ่งเป็นสินค้าที่ไทยไม่ผลิตอยู่แล้ว นอกจากนั้น ข้อมูลยังแสดงว่าไทยจัดหาสินค้านำเข้าส่วนใหญ่จากจีนแผ่นดินใหญ่ (ที่มีแรงกดดันการแข่งขันต่อเนื่อง) ซึ่งหากตัดสินค้าในกลุ่มพลังงานออกไป จะพบว่าไทยนำเข้าสินค้าจากจีนแผ่นดินใหญ่มากกว่าจากสหรัฐฯ ถึงสี่เท่า ส่วนในประเด็นอื่นๆ นั้น เราเคยวิเคราะห์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าข้อจำกัดการนำเข้าชิปชั้นสูงโดยสหรัฐฯ มายังไทย จะไม่ทำลายขีดความสามารถในการส่งออกของไทย (Thailand trade monitor, 31 กรกฎาคม 2568)

ในทางกลับกัน นโยบายการเงินกลับเป็นเรื่องที่ซับซ้อน โดยเราคาดการณ์ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 25bp หรือ 0.25% ในระหว่างการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เดือนสิงหาคม แต่อย่างไรก็ตาม เราก็เชื่อว่าอาจมีความเป็นไปได้ที่ ธปท.จะคงท่าทีทางการเงินด้วยการคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 1.75%

รายงานการประชุม กนง. ครั้งล่าสุดระบุชัดเจนถึงความตั้งใจของ ธปท.ในการลดอัตราดอกเบี้ยลงเพิ่มเติมว่า จะเป็นเพียงการปรับลดในจังหวะเวลาที่เหมาะสมเพื่อรับมือกับนโยบายการค้าโลก เนื่องจากในการประชุมครั้งล่าสุด ธปท.ได้คาดว่าอัตราภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ที่เก็บจากไทยจะอยู่ที่ 18% ขณะที่ประเทศอื่นๆ จะมีอัตราภาษีนำเข้าเพียง 10% กล่าวอีกนัยหนึ่ง คือ ธปท.ประเมินว่า ไทยจะมีข้อเสียเปรียบด้านภาษีเมื่อเทียบกับตลาดอาเซียนอื่นๆ

อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนได้บรรเทาลง และผลการเจรจาภาษีออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ เนื่องจากประเทศตลาดเกิดใหม่ในอาเซียนมีอัตราภาษีนำเข้าสหรัฐฯ อยู่ที่ระดับ 19% -20% ทำให้ไทยไม่ต้องเผชิญข้อเสียเปรียบด้านภาษีนำเข้าจากประเทศอื่นๆในอาเซียน ดังนั้น เมื่อความเสี่ยงด้านลบต่อการเติบโตลดลง จึงทำให้ ธปท. มีแรงกดดันในการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมที่เคยระบุไว้ในการประชุมครั้งสุดท้ายของ ดร. เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ในฐานะผู้ว่าการ ธปท. ลดลงไปด้วย แต่ความท้าทายยังคงมีอยู่และเศรษฐกิจไทยยังต้องหาหาจุดยืนเมื่อเผชิญกับความท้าทายเชิงโครงสร้างต่างๆ ในอนาคต

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก BTimes

เปิดตัวอสังหาฯ ใหม่ ตกต่ำสุดใน 23 ปี มูลค่าแย่สุดใน 17 ปี | คุยกับบัญชา | 7 ส.ค. 68

6 ชั่วโมงที่ผ่านมา

กลับมาอีกครั้งกับเทศกาล POCO Carnival 2025 ชูนวัตกรรมใหม่ใน POCO F7 Ultra, POCO F7 Pro, POCO X7 Pro และ POCO M7

7 ชั่วโมงที่ผ่านมา

นบข. เคาะจ่ายชาวนา ไร่ละพัน ทั้งนาปรัง-นาปี ราคาข้าวในตลาดโลกตกต่ำ ผลผลิตออกล้น อุ้มนาปรังครั้งสุดท้าย เตรียมปรับการผลิต ลดมาตรการอุดหนุน

8 ชั่วโมงที่ผ่านมา

เมอร์เซเดส-เบนซ์ เตรียมเผยโฉม CLA 250+ with EQ Technology ครั้งแรกในงาน Motor Expo พร้อมส่งท้ายไลน์อัพ Mercedes-EQ ด้วยแคมเปญ “DEFINING ELECTRIC”

8 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความธุรกิจ-เศรษฐกิจอื่น ๆ

5 บัตรเครดิตเข้า Lounge สนามบินฟรี ใบไหนดีในปี 2568

SMART SME

Pacamara Coffee เปิด 24ชม.ในรพ.จุฬาฯ ลด 50% สำหรับบุคลากรทางการแพทย์

Manager Online

นบข.เคาะแจกเงินช่วยข้าวนาปี-นาปรัง ไร่ละ 1,000 บาท สูงสุด 10 ไร่ ช่วยเหลือเกษตรกรกว่า 8.5 แสนครัวเรือน

VoiceTV

POP MART เปิดแฟลกชิพที่ไอคอนสยาม ทุบสถิติขายวันเปิดร้านสูงสุดเป็นประวัติการณ์

Manager Online

กรมบัญชีกลางต่อยอด New GFMIS Thai e - Tax ออกหลักฐานรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายแบบอิเล็กทรอนิกส์ เริ่มใช้งาน 13 ส.ค. 2568

VoiceTV

‘วิทัย’ ว่าที่ ผู้ว่าการ ธปท. ขอบคุณธ.กรุงเทพ ลดดอกเบี้ย ดูแลภาคธุรกิจ-ประชาชน

เดลินิวส์

SAPPE ยันภาษีทรัมป์ไม่กระทบ งัดScenario Planning สู้ปัจจัยลบ

Manager Online

CPN ซื้อหุ้นคืนวงเงิน 5 พันล. เผยQ2/68 โกยกำไรเฉียด 4 พันล.

Manager Online

ข่าวและบทความยอดนิยม

กสิกรไทย คาดดัชนีหุ้นไทยสัปดาห์นี้แตะ 1,300 จุด ลุ้นประชุมกนง. ผลประกอบการบจ.ไทย ทิศทางเงินทุนต่างชาติ 

BTimes

กสิกรไทย ชี้เงินบาทพลิกแข็งค่าอีกครั้ง ตลาดมองเฟดอาจลดดอกเบี้ยเดือนก.ย. นี้ สัปดาห์นี้มีโอกาสแตะสุด 32.80 บาทต่อดอลลาร์ 

BTimes

ดัชนีหุ้นไทยเปิดเช้านี้พุ่งทะยาน 12.38 จุด แนวโน้มแกว่งไซด์เวย์อัพรับเซนติเมนต์บวกคาดหวังเฟดลดดอกเบี้ย ลุ้น กนง.วันนี้

BTimes
ดูเพิ่ม
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...