โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

รีดไขมันกองทัพของพิธา: ภาพฝันที่ง่ายบนปากกา กับบททดสอบที่ยากในค่ายทหาร

ไทยโพสต์

อัพเดต 12 สิงหาคม 2568 เวลา 22.41 น. • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ในวันที่ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 10 ปี เขายังฝากแผน “รีดไขมันกองทัพ” ไว้ให้บ้านเมือง แผนที่พูดง่ายเหมือนโฆษณา แต่ในสนามจริงอาจใช้เวลานานกว่าที่เจ้าของแผนจะมีสิทธิ์กลับมาทดสอบด้วยตัวเอง

ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า ทุ่นระเบิด ไม่ได้สนใจว่าผู้เหยียบคือพลทหาร หรือผู้บังคับบัญชาระดับนายพล มันเพียงแต่รอเวลา กดไกทำลายร่างใครก็ตามที่ก้าวผิดจังหวะ เหตุการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชาที่เพิ่งคร่าขาและชีวิตของทหารไทยหลายราย คือภาพจริงที่ไม่อาจซ่อนใต้คำพูดสวยหรูได้อีกต่อไป

ในจังหวะที่เสียงปืนเพิ่งเงียบลงจากการเจรจา พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ก็โยนข้อเสนอชุดใหญ่ลงบนโต๊ะการเมือง ข้อเสนอที่เขาเรียกว่า“รีดไขมันกองทัพ” และหั่นงบส่วนที่ไม่จำเป็นไปลงทุนกับ เทคโนโลยีความมั่นคงสมัยใหม่ เพื่อ “ยกระดับกองกำลังชายแดน”

พิธาพูดถึง UAV แบบ VTOL ที่บินได้ทั้งวันทั้งคืน, ระบบ AI surveillance ประมวลผลเรียลไทม์, หมวกนิรภัยอัจฉริยะ และหุ่นยนต์เก็บกู้ทุ่นระเบิด ทั้งหมดฟังดูเหมือนแผนการที่ไม่มีใครค้านได้ เพราะใครจะไม่อยากเห็นทหารกลับบ้านโดยครบ 32 ชิ้นส่วนร่างกาย?

แต่ปัญหาของข้อเสนอนี้ ไม่ใช่เพราะมัน“ไม่ดี” หากแต่เพราะมันตั้งอยู่บนภาพฝันที่ถูกวาดบนกระดาษเรียบ และอาจไม่เหลือเส้นเดียวเมื่อกระดาษนั้นเปียกโคลนชายแดนจริง ๆ

คนที่ติดตามพิธามาตั้งแต่เวทีหาเสียงย่อมจำได้ว่า เขาเคยพูดประโยคที่กลายเป็นดาบสองคม “ทหารมีไว้ทำไม?”, “ทุกวันนี้ประเทศใกล้ๆกันมันไม่ทะเลาะกันแล้ว”, และ “รบไปผมก็ไม่เชื่อว่าคุณจะชนะ”

ในช่วงเหตุปะทะชายแดนไทย–กัมพูชาที่ผ่านมา คำพูดเหล่านี้ถูกขุดมาซ้ำและโจมตีอย่างหนักบนโซเชียล จนพิธาต้องออกมาแก้ต่างผ่านสื่อว่า “ทหารมีไว้ป้องกันประเทศ ไม่ใช่มีไว้ปกครองประเทศ” แต่แม้จะชี้แจงแล้ว ภาพจำเดิม ก็ยังฝังอยู่ในสายตาฝ่ายตรงข้าม ว่าเขามองกองทัพจากมุมตรงข้ามเสมอ

ดังนั้น “รีดไขมัน” จึงไม่ใช่เพียงการลดความสูญเสียในศึกไทย–กัมพูชาที่กำลังเกิดขึ้น แต่ยังเป็นการวางหมากระยะยาวเพื่อลดบทบาทและอำนาจที่เขามองว่า “เกินขอบเขต” ของกองทัพไทย

อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีไม่ใช่เวทมนตร์ และไม่เคยทำงานได้เพียงเพราะถูกซื้อมาใหม่ ตัวอย่างจากกองทัพสหรัฐฯ ชี้ให้เห็นว่า แม้แต่ UAV รุ่นล่าสุดก็ยังเจอปัญหา GPS ดับ, ภาพตัด หรือชนต้นไม้ในป่าเยอรมนีเพราะผู้ใช้ไม่คุ้นชิน และระบบสนับสนุนไม่พร้อม

ถ้า “รีดไขมัน” แล้วนำงบไปซื้อของเหล่านี้ทันทีโดยไม่มีโครงสร้างรองรับหรือแผนฝึกเข้มข้น มันก็ไม่ต่างจากการซื้อเรือยอร์ชให้คนที่ว่ายน้ำไม่เป็น แล้วหวังให้เขาไปแข่งข้ามมหาสมุทร

เหตุการณ์ทหารเหยียบกับระเบิด กลายเป็นกระสุนให้กลุ่มการเมืองที่หนุนพิธาโพสต์ว่า “เห็นไหม ถ้าเชื่อพิธา ทหารอาจไม่ขาขาด” หรือบางคนก็เหน็บแรงว่า “เอานายพลไปแทนสิ ประเทศเรามีนายพลเกินพอ”

การเมืองแบบนี้เล่นง่าย แต่ทิ้งรอยแผลยาก เพราะมันใช้ ความเจ็บปวดของครอบครัวทหาร เป็นเครื่องมือพิสูจน์ความถูกต้องของฝ่ายตน โดยไม่สนว่าความจริงในสนามรบนั้นซับซ้อนกว่าที่ภาพบนโซเชียลบอกมากนัก

ข้อเสนอของพิธา แม้ตั้งอยู่บนเจตนาลดความสูญเสีย แต่ก็สอดคล้องกับภาพลักษณ์ต่อต้านกองทัพที่เขาสร้างมาตลอด ในสายตาฝ่ายตรงข้าม มันจึงถูกมองเป็นการ “ลดทอนศักยภาพ” มากกว่า “ยกระดับประสิทธิภาพ”

และนี่คือจุดที่ข้อเสนอนี้อาจไม่ทะลุทะลวงเพราะคนที่จะต้องใช้เทคโนโลยีจริง คือคนที่พิธาไม่เคยวางใจเต็มร้อย

กรณี Tower 22 ในจอร์แดน คือบทเรียนสด ๆโดรนติดระเบิดสังหารทหารสหรัฐฯ ทั้งที่มีระบบตรวจจับและแจ้งเตือนครบ เหตุเกิดเพราะความสับสนของคนปฏิบัติและช่องโหว่การสื่อสาร

เทคโนโลยีล้มเหลวไม่ใช่เพราะมันเก่า แต่เพราะ มนุษย์ที่ใช้มันไม่พร้อม เช่นเดียวกับกรณี UAV ในเยอรมนีที่ปัญหาเล็ก ๆ กลับหยุดภารกิจทั้งชุดได้

นี่คือสิ่งที่พิธาอาจประเมินต่ำไป การมีของล้ำ ≠ การใช้ได้ล้ำ ความพร้อมของบุคลากร, ระบบบำรุงรักษา, การประสานงาน และแม้แต่การสื่อสารในสนาม ต้องมาก่อนเครื่องบินไร้คนขับราคาแพง

ถ้าไม่สร้างสิ่งเหล่านี้ก่อน “รีดไขมัน” แล้วช็อปเทคโนโลยี อาจทำให้ประเทศได้ ของที่ใช้ไม่ได้ ในเวลาที่ต้องใช้จริงที่สุด

พิธาไม่ได้เสนอเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเหตุปะทะไทย–กัมพูชา เขามองไปไกลถึงอนาคต ว่ากองทัพไทยต้องมีเทคโนโลยีระดับแนวหน้าเหมือนประเทศพัฒนาแล้ว

แต่ความจริงที่“ฝังอยู่ใต้ดิน” ไม่ได้มีเพียงทุ่นระเบิดของกัมพูชา มันยังหมายถึงปัญหาฝังรากในกองทัพไทยเอง ตั้งแต่ระบบจัดซื้อที่วกวน, วัฒนธรรมใช้งบที่ไม่โปร่งใส, ไปจนถึงความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพกับประชาชนที่ไม่ไว้วางใจกัน

ถ้าข้อเสนอพิธาจะเกิดผลจริง ต้องไม่ใช่แค่ซื้อของดี แต่ต้องเปลี่ยนระบบให้พร้อมรับของดีด้วย และนี่คือสิ่งที่ในบทความต้นฉบับของพิธา พูดน้อยกว่าที่ควรจะพูด

การปฏิรูปกองทัพไม่ใช่เรื่องง่ายไม่ใช่เพราะมันเป็นไปไม่ได้ แต่เพราะมันต้องชนทั้งวัฒนธรรม อำนาจเก่า และความเชื่อของสังคมไทย

พูดบนเวทีหรือเขียนในบทความอาจดูง่าย แต่ในวันจริงที่ต้องทำ อาจเจอแรงต้านทุกตารางนิ้วในค่ายทหาร และกว่าจะเปลี่ยนได้ อาจต้องใช้เวลานานกว่าหนึ่งทศวรรษ

ในวันที่ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 10 ปี ข้อเสนอ “รีดไขมันกองทัพ” จึงเป็นเหมือนพิมพ์เขียวที่ถูกวางไว้บนโต๊ะ แต่เจ้าของแผน อาจเหลือเวลาไม่มากพอที่จะได้เห็นด้วยตาตัวเอง ว่ามันรอดจากสนามจริงหรือจมอยู่ใต้ดินไปพร้อมกับทุ่นระเบิด.

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ไทยโพสต์

แม่ทัพภาคที่ 2 ลั่นมีมาตรการตอบโต้กัมพูชา ชี้การเจรจาเป็นเรื่องหน้างาน แต่เรามีสิทธิปกป้องกำลังพล

13 นาทีที่แล้ว

แถลงการณ์ ก.ต่างประเทศ ร้อง UN ทหารไทยเหยียบกับระเบิดเขมร ครั้งที่ 4

27 นาทีที่แล้ว

‘กฤตชยพล’เข้าอันดับ1 รอบคัดเลือก’เอเชียน มิกซ์’สนาม2 ได้25คนเข้ารอบทัวร์ชิง5 ล้าน

31 นาทีที่แล้ว

‘ดัง ณัฎฐ์ฐชัย’ เสิร์ฟโมเมนต์สุดอบอุ่นเทศกาลวันแม่

44 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

“อนุทิน” ยกปมเขากระโดง ลั่นอย่าใช้อำนาจกลั่นแกล้งทางการเมือง

ข่าวช่องวัน 31

ชาวบ้านชายแดน"เขาพระวิหาร"ผวาสู้รบอีกรอบ ทยอยอพยพออกจากพื้นที่

ข่าวเวิร์คพอยท์ 23

กองทัพภาคที่ 2 ขอรับการสนับสนุน "ลวดหนามหีบเพลง" ป้องกันอธิปไตย

สยามรัฐ

มอบบ้านน็อคดาวน์ให้ 5 ครอบครัวชาวน้ำยืน บ้านพังจากแรงระเบิดเขมร

Manager Online

สันติภาพที่ยั่งยืนต้องคู่ความจริง! "บุ๋ม-ปนัดดา" ลั่นปกป้องสังคมจากข่าวปลอม

The Better

ทายาทแบรนด์ดังลั่น! ไม่ใช่แค่ทะเลาะวิวาท แต่เป็นการ "รุมทำร้ายโดยเจตนา" ยันเอาผิดถึงที่สุด เผย ร้านหรูรับผิดชอบแล้ว

Manager Online

กต.ประณามกัมพูชา “ไม่สุจริตใจ” ลอบใช้ทุ่นระเบิดเกิดเหตุซ้ำซาก

สำนักข่าวไทย Online
วิดีโอ

"ยื้อ-รื้อ-เช่า" เขากระโดง! | ทันข่าวเย็น | 12 ส.ค. 68 | NationTV22

NATIONTV

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...