Remember the name: ริโอ เอ็นกูโมฮา ผู้สืบทอดปราณอัสนีแห่งแอนฟิลด์
คามินาริ โนะ โคะคิว! ปราณอัสนี กระบวนท่าที่ 1 “สายฟ้าฟาด”
ว่าแล้วเจ้าหนูวัยเพียงแค่ 16 ปีกับอีก 361 วัน ผู้ถูกส่งลงมาในสนามในช่วงนาทีบาปกลับสามารถตัดสินชี้เป็นชี้ตายการต่อสู้สุดดุเดือดที่สนามเซนต์ เจมส์ ปาร์ค ได้ในนาทีที่ 100 พอดีของการแข่งขัน
ประตูของเด็กหนุ่มคนนี้ไม่เพียงแต่จะนำชัยชนะมาสู่ทีมได้ ยังเป็นประตูแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวในเวทีฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ที่เป็นเหมือนการฝากถึงทุกคน
“ได้โปรดจำชื่อของผมไว้”
ริโอ เอ็นกูโมฮา
และนี่คือเรื่องราวในช่วงก่อน “ปฐมบท” ของเขา นักเตะสืบทอดปราณอัสนีแห่งแอนฟิลด์
เด็กชายจากอีสต์ลอนดอน
ริโอ เอ็นกูโมฮา ไม่ได้เป็นสายเลือดของสเกาเซอร์ เพราะเป็นเด็กน้อยที่เกิดและเติบโตในย่านนิวแฮม ทางตะวันออกของกรุงลอนดอน และนั่นทำให้เขาถูกแมวมองของทีมเชลซีค้นพบและดึงตัวเข้าอคาเดมีของสโมสรดังแห่งลอนดอนตั้งแต่อายุได้เพียงแค่ 8 ขวบเท่านั้น
พัฒนาการในการเล่นของเอ็นกูโมฮาโดดเด่นอย่างมาก เรียกว่าเป็นที่อื้ออึงไม่ใช่แค่เฉพาะในเชลซีหรือในลอนดอน แต่รวมถึงวงการฟุตบอลระดับเยาวชนของประเทศอังกฤษในฐานะดาวรุ่งที่มีพรสวรรค์ในระดับสูงสุดของรุ่น (Generational talent)
จอห์น เทอร์รี อดีตกัปตันทีมผู้ยิ่งใหญ่แห่งสแตมฟอร์ด บริดจ์ เห็นฟอร์มการเล่นของเด็กคนนี้ก็การันตีให้ด้วยตัวเองว่า “เด็กคนนี้จะเติบโตเป็นผู้เล่นในระดับสุดยอดอย่างแน่นอน”
สมบัติที่ถูกปล้นจากค็อบแฮม?
ความโดดเด่นและชื่อเสียงของเอ็นกูโมฮาทำให้เขาเป็นที่หมายตาของทุกสโมสรในอังกฤษ โดยเฉพาะสโมสรฟุตบอลในระดับท็อปของประเทศทุกทีมที่เฝ้าจับตาดูและลุ้นว่าจะสามารถหาโอกาสคว้าตัวมาจากเชลซีได้หรือไม่
ทีมที่ทำได้สำเร็จคือลิเวอร์พูล ที่พยายามเทียวไล้เทียวขื่อจนสามารถกระชากตัวมาจากอคาเดมีของเชลซีที่ค็อบแฮมได้สำเร็จ
ว่ากันว่านี่เป็นการ ‘ปล้นกลางแจ้ง’ ครั้งยิ่งใหญ่ในรอบนับสิบปีของวงการฟุตบอลอังกฤษเลยทีเดียว และเป็นชนวนเหตุที่ทำให้ระดับอคาเดมีของเชลซีและลิเวอร์พูลขัดแย้งกันอย่างรุนแรง ถึงขั้นมีการแบนห้ามไม่ให้เข้ามาชมเกมในระดับเยาวชนกันเลยทีเดียว
เรื่องนี้เข้าใจได้เพราะเชลซีอุตส่าห์ประคบประหงมดูแลมาอย่างดีเป็นเวลาหลายปี เพียงแต่ปัญหาคือลิเวอร์พูลมีในสิ่งที่เชลซีให้กับเอ็นกูโมฮาไม่ได้ นั่นคือ career path ที่ชัดเจนกว่า
ระหว่างการต้องรอลุ้นว่าจะได้โอกาสลงสนามในชุดใหญ่ของเชลซี กับโอกาสจะแจ้งเกิดกับลิเวอร์พูล ซึ่งมี “หลักฐานเชิงประจักษ์” ให้เห็นไม่ว่าจะเป็น เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, เคอร์ติส โจนส์ ,จาเรลล์ ควานซาห์ หรือคอเนอร์ แบรดลีย์แล้ว เอ็นกูโมฮาและทางบ้านคิดว่าที่เมอร์ซีย์ไซด์อาจจะเป็นโอกาสที่ดีกว่า
และนั่นถือเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของลิเวอร์พูล ซึ่งปรับเปลี่ยนนโยบายไม่ได้เน้นแค่การพัฒนาผู้เล่นในท้องถิ่นอย่างเดียว แต่เปิดกว้างสำหรับเด็กพรสวรรค์ทั่วโลกด้วย
เก่งและโตไวเกินไป
เอ็นกูโมฮา เซ็นสัญญาย้ายจากเชลซีมาอยู่กับลิเวอร์พูลในปี 2024 โดยเริ่มจากการอยู่ในทีมระดับเยาวชนอายุ 18 ปีก่อน ซึ่งตามปกติแล้วก็อาจจะใช้เวลาอีกสัก 1-2 ปี
ปัญหาคือเด็กคนนี้เก่งเกินไป และโตเร็วมาก
โตในที่นี้ไม่ได้หมายถึงเรื่องของสภาพร่างกายภายนอก แต่เป็นเรื่องของการเติบโตในเชิงการเล่นฟุตบอลที่แข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว
ปกติแล้วเจ้าหนูคนนี้มีความเร็วสูงมาก แต่ความพิเศษที่แท้จริงคือทักษะในการพาบอลไปกับตัวที่นอกจากจะพุ่งไปข้างหน้าอย่างรุนแรง ยังสามารถเปลี่ยนทิศทางการครองบอลได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ยากที่จะจับตัวได้
ถ้ามีโอกาสได้ดูไฮไลต์ในเกมระดับเยาวชน จะเห็นเอ็นกูโมฮาหลอกคู่แข่งจนหัวปักหัวปำ หลอกแล้วหลอกอีก หลอกไปแล้วยังวนกลับมาหลอนได้ใหม่
ฟอร์มระดับนี้ทำให้อาร์เนอ สล็อตและสตาฟฟ์โค้ชตัดสินใจที่จะดึงตัวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ของลิเวอร์พูลทันที ภายในเวลาแค่ไม่กี่เดือนหลังจากย้ายมาจากเชลซี
การวิ่งเล่นในโลกใบใหญ่
เหตุผลที่สล็อตและทีมสตาฟฟ์ดันเอ็นกูโมฮาขึ้นมานั้นเป็นเพราะมองว่าการได้ฝึกซ้อมร่วมกับทีมชุดใหญ่นั้นยิ่งเร็วเท่าไรก็ยิ่งดีสำหรับตัวของเด็กเอง เพราะเอ็นกูโมฮาแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นนักฟุตบอลที่พิเศษ แตกต่างจากคนอื่น ทำให้ไม่สามารถใช้วิธีการดูแลแบบเดียวกับนักเตะดาวรุ่งทั่วไปได้
สล็อตเริ่มจากการดึงมาฝึกซ้อมกับทีมชุดใหญ่ ให้ได้เห็นว่ารุ่นพี่ที่อยู่ในระดับ ‘เสาหลัก’ นั้นมีฝีเท้าในระดับไหน และเขาต้องหมั่นฝึกฝนพัฒนาตัวอีกแค่ไหนถึงจะสามารถขึ้นมาแข่งขันได้
ปัญหาที่ไม่ใช่ปัญหาคือเอ็นกูโมฮาเรียนรู้ได้ไวมาก นั่นทำให้เขาได้โอกาสเรียกตัวติดทีมชุดใหญ่ในเกมลีกคัพกับเซาแธมป์ตันในเดือนธันวาคมปีกลาย และได้โอกาสลงประเดิมสนามอย่างเป็นทางการในเกมเอฟเอ คัพรอบที่ 3 ที่พบกับแอคคริงตัน สแตนลีย์ ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา
แม้จะยังไม่ได้ทำประตูหรือแอสซิสต์ หรือทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันมากนัก แต่มันเป็นก้าวแรกที่สำคัญอย่างยิ่ง ที่นำมาสู่ก้าวต่อไปที่สำคัญ
ผู้สืบทอดปราณอัสนี
ในช่วงปิดฤดูกาลที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาของการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญอย่างยิ่งในทีมลิเวอร์พูล ซึ่งเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลที่แล้ว
เพราะมีนักเตะหลายคนที่ ‘อิ่มตัว’ และต้องการที่จะย้ายออกจากทีมเพื่อไปเริ่มต้นการผจญภัยครั้งใหม่ หลังจากที่ได้ร่วมแรงร่วมใจกันทำภารกิจสำคัญในการคว้าแชมป์ลีกสูงสุดสมัยที่ 20 ของสโมสรได้สำเร็จ
หนึ่งในคนที่ต้องการย้ายออกคือหลุยส์ ดิอาซ ปีกจอมเลื้อยที่เป็นผู้เล่นระดับคีย์แมนในแดนหน้าที่ขาดไม่ได้ของทีม เพราะนอกจากจะประจำการทางฝั่งซ้ายตำแหน่งถนัดแล้ว “ลูชิโต” ยังถูกขอให้มาเล่นบทศูนย์หน้าจำเป็นเกือบตลอดทั้งฤดูกาลแทนที่ดาร์วิน นูนเยซ ที่มีปัญหาปรับตัวกับระบบการเล่นใหม่ไม่ได้ และดีโอโก โชตา ผู้ล่วงลับที่มีอาการบาดเจ็บบ่อยครั้งในฤดูกาลที่ผ่านมา
ปกติแล้วผู้เล่นระดับดิอาซ การจะย้ายออกจากทีมไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับทีมที่จะตัดสินใจ ซึ่งเคยมีกระแสข่าวว่าลิเวอร์พูลอาจจะเก็บตัวไว้ใช้งานไปจนครบสัญญาที่เหลืออีก 2 ปีก่อน เพราะเป็นผู้เล่นที่ฝีเท้าสูงส่ง ขยันทุ่มเท และไม่เคยสร้างปัญหาใดๆ เลย
แต่สุดท้ายลิเวอร์พูลตัดสินใจปล่อยตัวเขาออกจากทีมให้กับบาเยิร์น มิวนิค เพราะสล็อตได้เห็นกับตาว่า เขามีตัวแทนที่สามารถวางใจได้แล้ว
เพราะเอ็นกูโมฮา เติบโตขึ้นจากเมื่อต้นปีอีกหลายเท่า และเก่งพอที่จะรับสืบทอดวิชาปราณอัสนีต่อจากดิอาซได้แล้ว ด้วยหลักฐานฟอร์มการเล่นที่น่าประทับใจทุกนัดในช่วงพรีซีซัน โดยเฉพาะในเกมกับโยโกฮามา เอฟ มารินอส และแอธเลติก บิลเบา ที่ทำประตูได้
กระบวนท่าที่ 1 สายฟ้าฟาด (สาลิกา)
ถึงจะอายุแค่ 16 ปี (จะครบ 17 ปีในอีกไม่กี่วันข้างหน้า) แต่เอ็นกูโมฮา กลายเป็นผู้เล่นที่ถูกจับตามองโดยเฉพาะจากแฟนๆลิเวอร์พูลที่ประทับใจกับการเล่นที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว
หลายคนเชื่อว่าเด็กคนนี้เหมาะจะลงเป็นตัวจริงมากกว่าโคดี คักโป กองหน้าทีมชาติเนเธอร์แลนด์ที่เป็นตัวหลักของสล็อตเลยทีเดียว
แต่ใน 2 นัดอย่างเป็นทางการของลิเวอร์พูล เอ็นกูโมฮายังไม่ได้โอกาสในการลงสนามทั้งในเกมเอฟเอ คอมมิวนิตี ชิลด์ ที่พ่ายให้กับคริสตัล พาเลซ ในการดวลจุดโทษ และในเกมเปิดม่านฤดูกาลใหม่ที่เอาชนะบอร์นมัธได้อย่างสุดระทึก
จนกระทั่งถึงเกมเยือนนิวคาสเซิลที่เซนต์ เจมส์ ปาร์ค เมื่อคืนที่ผ่านมา ในสถานการณ์วิกฤติของลิเวอร์พูลที่ทิ้งความได้เปรียบทั้ง 2 ประตูที่ขึ้นนำไปก่อน และได้เปรียบตัวผู้เล่นจากใบแดงของแอนโธนี กอร์โอนในช่วงปลายครึ่งแรก ปล่อยให้เจ้าบ้านไล่ตีเสมอ 2-2 และโหมกระหน่ำหวังแซงเอาชนะให้ได้
เอ็นกูโมฮา ถูกส่งลงสนามในช่วงทดเวลาบาดเจ็บที่เหลือเพียงแค่ 5 นาทีเท่านั้น ด้วยความหวังว่าอาจจะเป็นคนที่เปลี่ยนแปลงเกมให้ทีมได้
ในช่วงเวลาน้อยนิดนั้น หลังจากที่มีจังหวะได้ลองกระชากลากเลื้อยทางกราบซ้าย ก็มาถึงจังหวะสำคัญเมื่อลิเวอร์พูล ที่ล้มเหลวในการเล่นมาตลอดครึ่งหลังสามารถค่อยๆต่อบอลทำเกมขึ้นมาได้สำเร็จ
การต่อบอลทางกราบขวาทำชิ่งจ่ายตามช่องกันมาเรื่อยๆ จนถึงโม ซาลาห์ที่เปิดบอลจังหวะแรกเข้ามาในกรอบเขตโทษ
โดมินิก โซโบสไล เป็นคนที่ขยับเข้าหาบอลก่อนคนแรกแต่ตัดสินใจข้ามหลอก (Dummy) โดยยอมรับในภายหลังว่าแค่ ”หวังว่าจะมีคนรออยู่ข้างหลัง“
ปรากฏว่าบอลมาถึงเอ็นกูโมฮา ซึ่งก็ได้รับบรีฟมาอีกทีว่า “ให้พยายามขยับเข้ามารอบอลในกรอบเขตโทษให้มากที่สุด” โดยที่บอลนั้นกลายเป็นการไหลใส่พานมาให้
จังหวะนั้นเหมือนจะง่ายแต่ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น เพราะหากจับบอลก่อน หรือตัดสินยิงแต่เปิดองศาลำตัวและวางเท้าไม่ดีก็มีโอกาสที่ลูกจะหลุดกรอบออกไปหรือถูกเซฟได้จากนิค โป๊ป ผู้รักษาประตู
แต่เอ็นกูโมฮาเอี้ยวตัวยิงจังหวะแรกแบบบรรจง บอลพุ่งโค้งย้อนเข้าเสาไกลไปอย่างสุดสวย เป็นประตูขึ้นนำอีกครั้งของลิเวอร์พูล 3-2
และเป็นประตูแจ้งเกิดอย่างเป็นทางการของผู้สืบทอดปราณอัสนีแห่งแอนฟิลด์ ที่ต่อจากนี้ชีวิตของเขาจะไม่เหมือนเดิมอีกอย่างแน่นอน
เพียงแต่สำหรับเอ็นกูโมฮาแล้ว สิ่งที่เขาคิดมีเพียงแค่ ‘ขอมีความสุขกับตอนนี้’ ก่อน ด้วยรอยยิ้มเขินอายเล็กน้อยแบบธรรมดาๆ คนหนึ่ง
ที่ทุกคนได้รู้แล้วว่าเขาไม่ธรรมดาเลยแม้แต่นิดเดียว!
อ้างอิง
- https://www.liverpoolfc.com/team/academy/player/rio-ngumoha
- https://www.skysports.com/football/news/11095/13407507/rio-ngumoha-who-is-16-year-old-liverpool-winger-and-how-did-he-break-into-arne-slots-first-team-squad
- https://www.bbc.com/sport/football/articles/cwy5jw801q2o
- https://www.nytimes.com/athletic/5767200/2024/09/24/rio-ngumoha-liverpool-academy/