คมมีดเฉือนอนาคต ฝันร้ายของ ‘โมนิกา เซเลส’ เมื่อเทนนิสที่รักมอบโศกนาฏกรรมขณะแข่ง
“ฉันไม่เคยคิดเลยว่าจะกลับมาเล่นเทนนิสได้อีก”
1.
วันที่ 20 สิงหาคม ปี 1995 เมืองโตรอนโต ประเทศแคนาดา เช้าวันนั้น แฟนเทนนิสต่างตื่นเต้นที่ได้เห็นเธอเดินออกจากที่พัก มุ่งหน้าไปสนาม เพื่อลงแข่งรอบชิงชนะเลิศ แคนาเดียน โอเพน (Canadian Open)
หญิงสาวแวะเข้าร้านกาแฟ ท่ามกลางทีมงานรักษาความปลอดภัยถึง 4 คน เดินล้อมหน้าล้อมหลัง แต่ไม่มีใครสงสัยอะไร พวกเขารู้ว่าทำไมถึงต้องใช้คนมากขนาดนี้
“เธอดูกลัวๆ นะ แต่โดยรวม ก็ยังปกติดี” ใครสักคนบอกนักข่าว
นักวิเคราะห์ลูกสักหลาด ให้ข้อมูลก่อนนัดชิงชนะเลิศว่า หญิงสาวที่มีรปภ.ดูแล ลงแข่งขันรายการนี้โดยไม่เคยเสียเซ็ตเลย แถมยังคว้าชัยชนะแต่ละแมตช์มาอย่างง่ายดาย
กระนั้นคู่แข่งของเธอในรอบชิงชนะเลิศ ไม่ใช่นักเทนนิสธรรมดา แต่มีฉายาว่า จอมล้มยักษ์ เพราะในรายการเดียวกันนี้ อแมนดา คอตเซอร์ (Amanda Coetzer) นักเทนนิสจากแอฟริกาใต้ จัดการทุบมือวางอันดับ 17 มือวางอันดับ 5 มือวางอันดับ 4 และมือวางอันดับ 1 ของโลก ในโลกเทนนิสหญิงมาแล้ว
เธอผู้อยู่ท่ามกลางทีมรักษาความปลอดภัย จึงไม่อาจประมาทคอตเซอร์ได้เลย
ที่สนามวันนั้น คนแห่ซื้อตั๋วจนเต็มทุกที่นั่ง เช่นเดียวกับสื่อมวลชนที่กรีฑาทัพมาทำข่าวกันเป็นจำนวนมาก
หญิงสาวรู้ดีว่า มันเป็นการแข่งขันที่สุดกดดัน และคู่แข่งก็ไม่ธรรมดา ดังนั้นวันนี้ เธอจะต้องสู้อย่างเต็มที่
28 เดือน ที่ร้างราจากความสำเร็จ 28 เดือน ที่คนทั้งโลกเอาใจช่วย 28 เดือนแห่งฝันร้าย เธอจะต้องก้าวผ่านมันไปให้ได้ ด้วยชัยชนะนัดนี้
เซ็ตแรกผ่านไปอย่างง่ายดาย 6-0 ขออีกแค่เซ็ตเดียว ก็จะคว้าแชมป์รายการนี้อย่างยิ่งใหญ่ มันเป็นการกลับสู่สังเวียน หลังต่อสู้กับความเจ็บปวดทั้งทางกายและจิตใจมานานกว่า 2 ปี
เธอเสิร์ฟมันอย่างดุดัน คอตเซอร์รีเทิร์นกลับมาได้ หญิงสาวตีลูกไปมุมซ้ายของคอร์ท จอมล้มยักษ์สาววัย 24 ปี ไม่ยอมแพ้ งัดกลับมาได้
ลูกเทนนิสสีเขียว กีฬาที่เธอรักและเล่นมันมาตั้งแต่เด็ก พุ่งตรงเข้าหา
หญิงสาวตั้งท่าเตรียมรับมัน เหมือนที่เคยฝึกมานับพันนับหมื่นครั้ง ตลอดชีวิตในวัย 22 ปี
หลายครั้งลูกแรง หลายครั้งลูกหยอด ต้องวิ่งไปหน้าเน็ต และหลายครามันอันตราย ในคอร์ทเทนนิสทุกสิ่งย่อมเป็นไปได้
แม้กระทั่งเหตุอาชญากรรม
เธอไม่เคยลืม สิ่งที่รักได้มอบฝันร้าย เป็นโศกนาฏกรรมไปทั้งโลก มันเกิดขึ้นเมื่อ 30 เมษายน 1993
วันที่ทั้งโลกจดจำได้ว่า โมนิกา เซเลส (Monica Seles) ถูกคนใช้มีดแทงที่หลัง ขณะกำลังแข่งขันเทนนิส
มันเกือบดับชีวิตเธอ มันเกือบพรากกีฬาที่รักไปจากเธอ มันเกือบทำลายสิ่งที่ฝึกฝนตั้งแต่เด็กจางหายไป
แต่มันก็แค่เกือบ..
แค่เกือบเท่านั้น…
เซเลสสลัดภาพในหัวทั้งหมด แล้วจ้องไปที่ลูกซึ่งคอตเซอร์ตีโต้กลับมา เตรียมพร้อมรับมือ เหมือนเช่นทุกอุปสรรคในชีวิตที่หญิงสาวเผชิญ ไม่ว่าจะหนักหนาสาหัสเพียงใด เจ็บปวดแค่ไหน
เธอไม่เคยยอมแพ้
2.
28 เดือนก่อน ในการแข่งขันรอบก่อนรองชนะเลิศ ฮัมบูร์ก โอเพน (Hamburg Open) ที่เยอรมัน ระหว่างโมนิกา เซเลส ชาวยูโกสลาเวีย กับ แมกดาเลนา มาลีย์วา (Magdalena Maleeva) ชาวบัลแกเรีย วัย 18 ปี
ทุกอย่างเกิดขึ้นในเซ็ตที่ 2 หลังจากเซ็ตแรก เซเลสชนะไปก่อน 6-4 และในเซ็ตปัจจุบัน เธอนำอยู่ 4-3
ขณะพักเบรก หญิงสาวดาวรุ่งชาวยูโกสลาเวีย เปิดขวดน้ำกำลังจะจิบ โศกนาฏกรรมก็เกิดขึ้น
ไม่มีใครสังเกตเขาแม้แต่น้อย ชายวัยกลางคน ค่อยๆ เดินเลาะมาตรงที่นั่งใกล้สนาม แล้วก้าวข้ามจากแผงรั้ว ควักมีดยาว 12 เซนติเมตรออกมา หลังอำพรางไว้ในเครื่องแต่งกาย
กว่าใครจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร
“ฉันรู้สึกเจ็บที่หลัง”
เสี้ยววินาทีนั้น ทีมรักษาความปลอดภัยของการแข่งขัน ตรงเข้าล็อกตัวชายคนดังกล่าวทันที เจ้าหน้าที่พยาบาลรีบวิ่งเข้ามาดูอาการโมนิกา เซเลส ที่ลุกจากเก้าอี้ด้วยความตกใจและช็อคสุดขีด ท่ามกลางความตกตะลึงของผู้ชมสนามและคนทั้งโลก มันกลายเป็นข่าวใหญ่
นักเทนนิสสาวดาวรุ่ง ถูกคนร้ายใช้มีดแทงเข้าที่หลัง
นี่คือโศกนาฏกรรมอย่างชัดเจน
เซเลสถูกพาตัวส่งโรงพยาบาล คมมีดแทงชำแรกเนื้อลึกไปกว่า 1 นิ้วครึ่ง และในความโชคร้ายยังมีความโชคดี ที่มันเฉียดกระดูกสันหลัง ไม่ทำให้นักเทนนิสดาวรุ่งเป็นอัมพาต
ตำรวจคุมตัวผู้ก่อเหตุไปสอบปากคำเข้ม ทราบชื่อ กุนเตอร์ ปาร์เช (Gunter Parche) อายุ 38 ปี จากการตรวจสอบทั้งหมด มือมีดไม่ได้เสพยา ไม่ได้เมา แต่รับสารภาพว่าก่อเหตุเพราะอิจฉาและทนไม่ได้ที่โมนิกา เซเลส สาวน้อยมหัศจรรย์แห่งวงการลูกสักหลาด จะขึ้นมาท้าทายและโค่นบังลังค์ราชินีเทนนิส สเตฟฟี่ กราฟ (Steffi Graf)
“ผมไม่ได้ตั้งใจวางแผนจะฆ่าเซเลส แค่ไม่อยากให้เธอเล่นเทนนิสได้อีก”
3.
ก่อนเกิดเหตุ เซเลส เป็นดาวรุ่งที่กำลังจะเป็นดาวโรจน์ เธอกวาดแชมป์แกรนด์สแลมของเทนนิสไปแล้ว 8 รายการ หลังเทิร์นโปรได้เพียงแค่ 4 ปีเท่านั้น
ไม่เพียงเท่านั้น เธอยังสร้างสถิติชนะ 55 จาก 56 แมตช์ ตั้งแต่ปี 1991-1993 คว้าแชมป์อื่นๆ อีกกว่า 30 รายการ ความสามารถอันเอกอุนี้เอง ทำให้เธอก้าวขึ้นไปเป็นมือวางอันดับ 1 ของโลก เขี่ยกราฟร่วงมาเป็นอันดับ 2 ได้สำเร็จ
ความเก่งกาจในโลกเทนนิสของเซเลส ทำให้กุนเตอร์ซึ่งเป็นแฟนคลับถึงขั้นหมกมุ่นในราชินีเทนนิสไม่พอใจอย่างมาก เขาจึงวางแผนก่อเหตุดังกล่าว
โดยก่อนลงมือตลอดอาทิตย์ ชายจากเยอรมันตะวันออก สะกดรอยตามเป้าหมาย เพื่อหาจังหวะลงมือ ด้วยความหวังว่าคมมีดของเขาจะช่วยให้สเตฟฟี่ กราฟ กลับมาเป็นมือ 1 ของโลกได้อีกครั้ง
พลันที่กราฟรู้ข่าว เธอรุดไปเยี่ยมเซเลสที่โรงพยาบาล แม้จะเป็นคู่แข่งกัน แต่พวกเขายังมีมิตรภาพ กระนั้นมันก็เป็นการพูดคุยสั้นๆ แค่ 1- 2 นาทีเท่านั้น โดยกราฟให้สัมภาษณ์กับนักข่าวว่า
“มันเจ็บปวดมาก ที่เรื่องนี้เกิดขึ้นในเยอรมัน โดยคนเยอรมัน แถมยังเป็นแฟนเทนนิสของฉันด้วย”
ความเจ็บปวดของเซเลสต่อบาดแผลที่ถูกแทงนั้น ทุเลาลงไปได้ไม่นาน แต่ความเจ็บปวดในจิตใจเพิ่งเริ่มต้นขึ้น แถมยังรุนแรงยิ่งกว่าคมมีดที่ฉีกเนื้อเธอด้วย
ข่าวร้ายกระหน่ำโจมตีเซเลสไม่หมด พ่อที่เป็นโค้ชและสอนลูกสาวตีเทนนิส ต้องไปโรงพยาบาล ฟังคำวินิจฉัยว่าเขาป่วยเป็นมะเร็ง
เหตุการณ์นี้ยิ่งสร้างบาดแผลในใจให้รวดร้าวรุนแรงยิ่งกว่าเดิมด้วย
เรื่องเจ็บปวดยังตามมาไม่หยุด เพราะแม้จะเป็นข่าวใหญ่ คนทั้งโลกสนใจ แต่เหมือนวงการเทนนิส จะพยายามลืมว่าเกิดอะไรขึ้นกับมือ 1 ของโลกในเวลานั้น
เริ่มจาก ฝ่ายจัดการแข่งขันฮัมบูร์ก โอเพน ปฏิเสธจะยกเลิกทัวร์นาเมนต์นี้ พวกเขายังแข่งกันต่อ แค่เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยให้เข้มข้นขึ้น
“ในอดีต พวกเขาเคยทำร้ายชาวยิว ครั้งนี้ พวกเขายังทำร้ายชาวเซิร์บอีก” แฟนลูกสักหลาดร่วมประณาม
ขณะที่สหพันธ์เทนนิสนานาชาติ ปฏิเสธคำร้องขอจากเซเลส ที่วิงวอนว่า ขณะที่ยังรักษาตัวจากอาการบาดเจ็บอยู่ ตำแหน่งมือ 1 ของโลกของเซเลสจะยังคงอยู่ จนกว่าจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร
แต่ทางสหพันธ์ฯ ไม่เห็นด้วย นั่นทำให้นักเทนนิสมือรองลงมา ต่างโกยแต้ม ขณะที่มือ 1 ของโลกไม่ได้แข่งอะไร จนเซเลสเสียมันไปอย่างง่ายดาย เพราะนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล ผ่านไปหลายสิบปีหลังเธอเลิกเล่น เจ้าตัวได้พูดถึงความเจ็บปวดของคำปฏิเสธในวันนั้นว่า
“ทุกคนได้ประโยชน์จากเหตุการณ์นี้หมด ยกเว้นฉัน ที่สำคัญเหมือนวงการเทนนิส อยากผลักไสฉันออกไปโดยเร็วที่สุด”
ฝันร้ายยังไม่จบสิ้น ต่อมากุนเตอร์จะถูกวินิจฉัยว่ามีอาการทางจิต อัยการตั้งข้อหาทำร้ายร่างกาย ไม่ใช่ข้อหาพยายามฆ่า ทำให้โทษเบาลงมา แถมเมื่อขึ้นสู่ชั้นศาล ก็มีคำพิพากษาว่าการกระทำของชายชาวเยอรมัน แม้นจะมีความผิด แต่ให้รอลงอาญา 2 ปี แม้จะมีการอุทธรณ์ แต่ศาลก็ยังยืนยันคำตัดสินเดิม
“นี่ไม่ใช่ความยุติธรรมที่ฉันควรได้รับแม้แต่น้อย” เซเลสพูดออกมาอย่างเจ็บปวด
ทุกอย่างโหมกระหน่ำ ไม่เป็นคุณแก่หญิงสาวแม้แต่นิด สุดท้ายสเตฟฟี่ กราฟ ก็กลับมายึดมือ 1 ของโลกคืน และกวาดแชมป์เป็นจำนวนมาก ขณะที่เซเลส เผชิญกับบาดแผลในใจตัวเอง กว่าจะรักษาตัวให้หายดี กว่าจะกลับมาจับแร็กเก็ตอีกครั้ง กว่าจะเริ่มทำอะไรได้ ก็เสียเวลาไป 2 ปี กับ 4 เดือน
ทว่าแม้โลกเทนนิสเหมือนจะพยายามสลัดเธอทิ้งไป แต่สิ่งหนึ่งที่หญิงสาวมี ก็คือความมุ่งมั่น และต่อให้คมมีดใด ก็พรากมันไปจากเธอไม่ได้
โมนิกา เซเลส ค่อยๆ ก้าวเดินผ่านฝันร้าย ทุเลาความเจ็บปวดในจิตใจ ฝึกฝนตัวเองใหม่ จนสามารถฝ่าด่านเข้ามารอบชิงชนะเลิศ ของรายการแคนาเดียน โอเพนได้อีกครั้ง
ท่ามกลางการเอาใจช่วยของคนทั้งโลก ที่อยากให้เธอกลับมาสู่ตำแหน่งที่เคยอยู่อีกครา
ในวันนั้น ทุกอย่างเดินทางมาถึงจุดสำคัญ ลูกเสิร์ฟของเซเลสยังทรงพลัง แม้อีกฝ่ายจะรีเทิร์นกลับมา เธอก็โต้ไปที่มุมของคอร์ท
แต่คอตเซอร์ไม่ยอมแพ้ กัดฟันเฮือกสุดท้าย งัดมันกลับมา เซเลสตั้งท่าเตรียมรับมืออีกครั้ง แต่สุดท้ายแรงของจอมล้มยักษ์หมดไป ทำให้ลูกเทนนิสหมดแรง ไม่อาจฝ่าเน็ตข้ามมาได้
เป็นอันจบสิ้น
เซ็ตแรก 6-0 เซ็ตต่อมา 6-1
แฟนเฮลั่นทั้งสนาม เช่นเดียวกับหญิงสาว
เธอกลับมาชนะอีกครั้งแล้ว
4.
หลังรู้ว่าคว้าแชมป์ พ่อของเซเลสที่นั่งในสนามถึงกับร่ำไห้ออกมา เกือบหลายร้อยวัน ที่เขาร่วมสู้กับลูกสาวใหม่อีกครั้ง บัดนี้ทุกอย่างเป็นจริง
โมนิกา เซเลส คว้าแชมป์นี้ได้อย่างยิ่งใหญ่ โดยไม่เสียเซ็ต หลังถูกแทง หวิดตาย เกือบเป็นอัมพาต เธอชนะแล้ว
“ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย” เสียงของเธอสั่นเครือพร้อมกับน้ำตาที่หลั่งริน “หลายปีที่ผ่านมา มันยากลำบากมาก แต่วันนี้ มันแตกต่างออกไป”
เซเลสบอกกับนักข่าว ไม่คิดว่าจะเดินมาถึงจุดนี้ได้ แต่มันก็มาถึงในที่สุด
2 ปี 4 เดือนที่ห่างจากชัยชนะ เบื้องหลังการต่อสู้จากบาดแผล จากคำวิจารณ์ของผู้คน การดูถูกของแฟนเทนนิสคนอื่น เซเลสสู้เกินกว่าที่ใครหลายคนคาด
ตอนพักรักษาตัว เมื่อไม่ได้ลงแข่งอย่างสม่ำเสมอ ทำให้ร่างกายดูอวบขึ้น ปรากฏว่ามีแฟนเทนนิสมาเห็น ก็เข้ามาด่าทอ หาว่าไม่ดูแลรูปร่าง ปล่อยเนื้อปล่อยตัว ที่สำคัญ พอเธอตัดผมสั้น ก็หาว่าเธอเหมือนเด็กผู้ชายเข้าไปอีก
ไม่เพียงเท่านั้น ตลอดเวลาที่ก้าวเข้าสู่สังเวียนนี้ มีคนส่งจดหมายขู่ฆ่า เพราะไม่พอใจที่หญิงสาวเก่งเอาชนะนักเทนนิสคนอื่น ไม่ต่างจากที่กุนเตอร์พยาบาท
ทั้งหมดนี้ ชี้ให้เห็นว่าสิ่งที่หญิงสาวพบเจอ มันเจ็บปวดมาก และไม่น่าเชื่อว่า ถึงปัจจุบันนักเทนนิสหญิงหลายคน ก็ยังต้องเจอเรื่องแบบนี้ เช่น นาโอมิ โอซากา (Naomi Osaka) ต้องถอนตัวจากการแข่งขัน หลังเผชิญสภาวะซึมเศร้า กับการถูกวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์
นอกจากนี้นักเทนนิสหญิงจำนวนมาก ถูกสตอกเกอร์ จากชายหนุ่ม บางคนถึงขั้นลงทุนติดตามทุกเที่ยวบิน นั่งดูในสนาม บางคนถึงขั้นบุกไปใช้มีดทำร้าย บางรายก็ติดตามเพราะหลอนคิดว่าอีกฝ่ายให้ท่า
จากอดีตถึงปัจจุบัน นักเทนนิสหญิงทั้งหลาย ต่างเผชิญความยากลำบากจากวงการนี้ แถมไม่มีใครคิดจะลงมือแก้ไขอีกด้วย ช่างเป็นเรื่องที่เศร้าอย่างมาก
ชัยชนะของเซเลสในวันนั้น อาจทำให้เธอกลับมาชนะ แต่ไม่ทำให้เธอเป็นผู้ชนะในวงการนี้
เพราะแม้จะสามารถคว้าแชมป์อีกหลายรายการ แต่การถูกมีดแทงที่หลัง ทำให้เกจิลูกสักหลาดเห็นตรงกันว่า นี่คือการสกัดกั้นไม่ให้เธอเปล่งความสามารถสู่จุดสูงสุด ไม่สามารถทำให้เธอฉายพลานุภาพเหมือนตอนก่อนเกิดเรื่องได้อีกต่อไป
8 ปีหลังกลับมาลงแข่ง เธอตัดสินใจแขวนแร็กเก็ตในที่สุด และใช้เวลาหลายปี รวบรวมข้อมูลบอกเล่าความเจ็บปวดที่ถูกกระทำจากวงการเทนนิส ทั้งจากผู้ก่อเหตุ จากคนในสหพันธ์ฯ จากแฟนๆ เทนนิส และจากเพื่อนร่วมอาชีพด้วยกัน
ทุกฝ่ายเหมือนตั้งใจจะทิ้งเธอ ตั้งแต่ถูกคมมีดแทงลงไป
ในเวลาต่อมา กุนเตอร์ ชายที่ทำลายชีวิตเธอ จะตายอย่างเดียวดายในสถานพยาบาลเล็กๆ โดยก่อนสิ้นลมหายใจ เขาจะนอนติดเตียงป่วยหนัก อย่างน่าสมเพช
นี่คงเป็นความยุติธรรมเดียว ที่เธอได้จากเรื่องนี้
แม้จะผ่านมาหลายปี แต่ความเจ็บปวดที่เธอได้รับจากกีฬานี้ ยังคงเป็นบาดแผลที่ประทับในตัวตลอดไป
เพราะหากไม่มีการก่อเหตุในวันนั้น เซเลสจะไปได้ไกลกว่านี้แน่นอน แม้มีคนโต้ว่าการกระทำของกุนเตอร์ ไม่อาจหยุดยั้งความสามารถเธอได้ แต่สำหรับนักเทนนิสสาว เธอรู้ตัวเองดี
โศกนาฏกรรมในวันนั้น คือสิ่งที่เลวร้าย ที่ทำให้ความฝันของทุกอย่างในโลกจบสิ้น ตามที่เธอนิยามการกระทำของกุนเตอร์ไว้อย่างเศร้าๆ ว่า
“แม้ชายคนนี้จะล้มเหลวในการฆ่าฉัน แต่เขาก็ประสบความสำเร็จในการทำลายเส้นทางอาชีพฉัน..อย่างย่อยยับ”
อ้างอิงจาก
Graphic Designer: Phitsacha Thanawanichnam
Editorial Staff: Runchana Siripraphasuk