โครงการบ้านนี้ไม่เทรวม เริ่มตุลาคม 2568 นี้! บ้านไหนไม่แยกขยะ จ่ายแพงขึ้น 3 เท่า
นโยบายลดขยะของกทม.ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ได้ผลหรือไม่?
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาปริมาณขยะของกทม.มีจำนวนไม่แน่นอน แต่ที่แน่ ๆ ปริมาณขยะกลับมาเพิ่มสูงขึ้นหลังผ่านพ้นช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 จาก 7,917 ตันต่อวัน ในปี 2562 เพิ่มเป็น 12,748 ตันต่อวันในปี 2566
แต่ภายหลังกทม.ประกาศนโยบาย BKK Zero Waste หรือ ไม่เทรวม ที่เน้นให้ประชาชนช่วยกันแยกขยะตั้งแต่ต้นทาง เข้มงวดกับรถขยะในการแยกขยะมากขึ้น รวมถึงห้างร้านต่าง ๆ ก็ให้ความร่วมมือ ส่งผลให้ในช่วงระหว่างเดือนกุมภาพันธ์-มิถุนายน 2566 ปริมาณขยะในกรุงเทพฯ ลดลง 67,248 ตัน เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เฉลี่ยลดลง 444 ตันต่อวัน ซึ่งมาตรการนี้ทำให้กทม.ประหยัดงบประมาณลงไปได้ 127.8 ล้านบาท
สัญญาณดีมาแล้ว แต่เราต้องไปต่อ เพื่อให้ยั่งยืน
เพื่อให้ปริมาณขยะลดลงไปอีก และส่งเสริมให้ประชาชน คัดแยกขยะตั้งแต่ทาง เพื่อให้ง่ายต่อการจัดการขยะอย่างยั่งยืน กทม.จึงมีมาตรการใหม่ นั่นคือ “โครงการบ้านนี้ไม่เทรวม แยกขยะลดค่าธรรมเนียม” หรือง่าย ๆ คือ ต่อไปนี้ถ้าบ้านไหนไม่แยกขยะ จะต้องจ่ายค่าเก็บขยะแพงขึ้น เริ่มบังคับใช้จริง ตุลาคม 2568 นี้! ใครจะเข้าร่วมต้องเข้าไปลงทะเบียนที่แอปพลิเคชันBKK Waste Pay เท่านั้น
มาตรปรับค่าธรรมเนียมเก็บขยะกทม.
สำหรับบ้านเรือทั่วไปที่ทิ้งขยะไม่เกิน 20 ลิตรต่อวัน ถ้าไม่แยกขยะต้องจ่าย 60 บาทต่อเดือน (30 บาทค่าขนส่ง+30 บาทค่ากำจัด)
บ้านไหนแยกขยะ และลงทะเบียนแล้ว จะยังคงจ่ายเพียง 20 บาทต่อเดือนเท่าเดิม (ค่าส่ง 10 บาท + ค่ากำจัด 10 บาท)
ส่วนสถานประกอบการหรือผู้ที่ทิ้งขยะมากกว่าวันละ 20 ลิตร จะแบ่งดังนี้
1.ผู้ทิ้งขยะเกิน 20 ลิตร แต่ไม่เกิน 1 ลบ.ม./วัน จ่าย 120 บาท/20 ลิตร (60 บาทค่าขนส่ง + 60 บาทค่ากำจัด)
2.ผู้ที่ทิ้งขยะเกิน 1 ลบ.ม./วัน จ่าย 8,000 บาท/ลบ.ม./เดือน (3,250 บาท ค่าขนส่ง + 4,750 บาทค่ากำจัด)
ประเภทขยะที่ต้องแยก จะแบ่งออกเป็น 4 ประเภทหลัก
- ขยะเศษอาหาร
- ขยะรีไซเคิล
- ขยะทั่วไป
- ขยะอันตราย
*ขยะชิ้นใหญ่ / เศษกิ่งไม้-ใบไม้/ เศษวัสดุก่อสร้าง หินดินทราย – สามารถติดต่อขอรับบริการจัดเก็บโดยตรงได้ที่สำนักงานเขตที่ตนอาศัยอยู่ได้เลย