ธ.ก.ส. พร้อมจ่ายเงิน “ไร่ละพัน” 1 ก.ย. 68 เตรียมมาตรการช่วยเกษตรกรรับมือภาษีสหรัฐฯ
ธ.ก.ส. เตรียมโอนเงินไร่ละ 1,000 บาท งวดแรก 1 ก.ย. 2568 ศึกษาโอนผ่านทางรัฐควบคู่ช่องทางเดิมพร้อมหารือคลังทำมาตรการช่วยเกษตรกรจากภาษีสหรัฐฯ
21 ส.ค. 2568 นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า หลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเห็นชอบงบประมาณ 45,000 ล้านบาท เพื่อเดินหน้าโครงการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวทั้งฤดูนาปีและนาปรัง ปีการผลิต 2568/69 หรือโครงการไร่ละ 1,000 บาท ปัจจุบัน ธ.ก.ส. อยู่ระหว่างนำเรื่องเสนอคณะกรรมการธ.ก.ส. ในการประชุมวันที่ 28 ส.ค. 2568 เพื่อดำเนินการโอนเงินให้กับเกษตรผู้ปลูกข้าวต่อไป
ทั้งนี้ ธ.ก.ส. จะแบ่งการโอนเงินทั้งหมด 5 รอบ โดยคาดว่าจะเริ่มโอนรอบแรกในวันที่ 1 ก.ย. 2568 ขณะที่ ธ.ก.ส. ขณะที่ยังอยู่ระหว่างศึกษาร่วมกับ DGA ในการโอนเงินให้เกษตรกรผ่านแอปพลิเคชั่นทางรัฐควบคู่ไปกับการโอนเงินไปกับการโอนเข้าบัญชีในรูปแบบเดิม
"ตอนนี้เราประสานงานกับกระทรวงเกษตรฯ ซึ่งคาดว่ากระทรวงเกษตรจะทยอยส่งรายชื่อมาให้เป็นรอบๆ และเมื่อได้รับรายชื่อของผู้ได้รับสิทธิแล้ว ธ.ก.ส. พร้อมโอนเงินภายใน 3 วัน"
นายฉัตรชัย เปิดเผยว่า ปัจจุบัน ธ.ก.ส. ยังสามารถดำเนินโครงการไร่ละ 1,000 บาท ได้ภายใต้กรอบการใช้งบประมาณตามมาตรา 28 ที่กำหนดไว้ไม่เกิน 30%
"รัฐบาลพยายามจัดสรรงบประมาณคืนธ.ก.ส. เช่น ในปีบัญชี 2568 ได้คืนมากว่า 2 หมื่นล้านบาท ทางสำนักงบฯ ก็อยู่ระหว่างจัดทำแผนที่จะชำระคืนให้ ธ.ก.ส. มากขึ้นกว่าที่ผ่านมา เพื่อเพิ่มช่องว่างของมาตรา 28 ให้สามารถเนินโครงการอื่นของรัฐบาลได้"
นายฉัตรชัย เปิดเผยว่า ธ.ก.ส. ได้มีการประชุมคณะกรรมการบริหารความเสี่ยงเรื่องผลกระทบต่อเกษตรกรจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ขณะที่ได้หารือกับกระทรวงการคลังในการเตรียมมาตรการเพิ่มเติมเพื่อช่วยเกษตรรับมือกับผลของมาตรการภาษีสหรัฐฯ
"สิ่งที่จะมากระทบเกษตรกรคือในเรื่องของรายได้ ซึ่งจะกระทบต่อไปยังอัตราการชำระคืนหนี้ของลูกค้าธ.ก.ส. ที่อาจมีปัญหาได้ แต่ธ.ก.ส. ก็ได้เข้าไปช่วยส่งเสริมเรื่องรายได้เกษตรกร ไม่ว่าจะเป็นการใช้เทคโนโลยีเพื่อลดต้นทุนการผลิต พร้อมเตรียมมาตรการที่จะ"
ในส่วนของภาพรวมสินเชื่อของ ธ.ก.ส. ครึ่งปีแรก ในส่วนของสินเชื่อภาคการเกษตรยังเติบโตได้ตามปกติ โดยสามารถปล่อยสินเชื่อได้แล้วประมาณ 2% จากเป้าหมายทั้งปีบัญชีที่ 5%
"อัตราการเติบโตของสินเชื่อ ธ.ก.ส. ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ประมาณใกล้ 4% ซึ่งมองว่าระดับ 3% ต้นๆ หรือ 4% ปลายๆ ก็เป็นระดับที่พอไปได้ ขณะที่เราคุม NPL ได้ ลงมาอยู่ระดับ 5% ซึ่งเป็นระดับที่บริหารจัดการได้ไม่มีผลกระทบต่อการกันสำรอง"
อย่างไรก็ตาม ธ.ก.ส.ยังมีความท้าทายในการดำเนินธุรกิจ จากสถานการณ์เกษตรกรสูงอายุ โดยจะมีการจัดทำแผน 5-10 ปี ปรับโครงสร้างพอร์ตของธนาคาร และจะต้องมีการปรับโครงสร้างอายุเกษตรกรด้วย
ขณะที่สินเชื่อที่เกี่ยวเนื่องกับภาคการเกษตรในภาคการพัฒนาชนบทที่ ธ.ก.ส. ยังมีเพดานที่สามารถปล่อยได้ที่ 20% ของพอร์ตสินเชื่อรวมหรือประมาณ 200,000 ล้านบาท ได้ปล่อยให้กลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) 40,000 ล้านบาท กลุ่มกำนันผู้ใหญ่บ้าน 5,000 ล้านบาท และบุคคลากรทางการศึกษา สาธารณสุข วงเงิน 10,000 ล้านบาท ในรูปแบบสินเชื่อระยะสั้น เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต
"สินเชื่อธ.ก.ส. ไม่เหมือนที่อื่น เพราะเป็นการกู้ยืมในรอบการผลิตก่อนหน้าและนำมาคืนก่อนเบิกกลับไปใหม่ในส่วนนี้ยังอยู่ในอัตราปกติแต่เริ่มเห็นสัญญาณของการกู้คืนกลับไปลดน้อยลง ซึ่งสะท้อนความเปราะบางเรื่องเกษตรสูงวัยที่ลูกหลานไม่ได้ทำเกษตรต่อ อย่างไรก็ตามธ.ก.ส. ก็ได้สนับสนุนให้เกษตรกรกลับไปทำงานในภาคเกษตรให้มากขึ้น"