ถามอะไรโง่ๆ
ไร้สาระ….
ใครที่ถามว่าหาก “แพทองธาร” ไม่ได้ไปต่อ บุคคลที่จะได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ จะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนไหน
ถามอะไรโง่ๆ
ก็ต้องเป็น “ชัยเกษม นิติสิริ”
พรรคเพื่อไทยบอกว่า ไม่มีแผนสอง แต่ถ้า “อุ๊งอิ๊ง” ไม่รอด ต้องเป็น “ชัยเกษม” เท่านั้น
“…แน่นอนต้องเป็นชื่อท่านชัยเกษม ไม่มีเปลี่ยนเป็นคนอื่น…”
“วิสุทธิ์ ไชยณรุณ” ประธานวิปรัฐบาลว่างั้นครับ
ไม่ใช่ “ลุงตู่” ไม่ใช่ “อนุทิน” แน่นอน
เป็นอันว่ารับทราบไว้นะครับ ต่อให้ “แพทองธาร” ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และละเมิดจริยธรรมร้ายแรง พรรคเพื่อไทยจะยังคงตั้งรัฐบาลต่อไป
ไม่ถอย
ไม่ขอโทษประชาชน
นี่แหละครับการเมืองไทย อย่าคาดหวังอะไรมาก
อย่าไปคิดว่านักการเมืองจะมีสปิริต
ยังไม่พัฒนาอะไรกันหรอกครับ
เคยเป็นมาแบบไหนวันนี้ก็ยังเป็นแบบนั้น
และอย่าไปคาดหวังว่าพรรคร่วมรัฐบาลโดยเฉพาะพรรครวมไทยสร้างชาติกับพรรคประชาธิปัตย์ จะสำนึก!
จะกอดคอกันตั้งรัฐบาลต่อไป
ชื่อของ “ชัยเกษม นิติสิริ” จะถูกเสนอในสภาผู้แทนฯ
ทั้งรวมไทยสร้างชาติ และประชาธิปัตย์ ต่างก็มีนโยบายต่อต้านการแก้ ม.๑๑๒ แต่ “ชัยเกษม นิติสิริ” เป็นหนึ่งในตัวพ่อการแก้ ม.๑๑๒ จึงอยากรู้เหตุผลของทั้ง ๒ พรรคว่า จะอ้างอย่างไรในการสนับสนุน “ชัยเกษม นิติสิริ” เป็นนายกรัฐมนตรี
ตุลาคม ๒๕๖๔ พรรคเพื่อไทย ออกแถลงการณ์ ลงนามโดย นายชัยเกษม นิติสิริ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย แก้ ม.๑๑๒ และ ม.๑๑๖
“…ปัญหาการใช้กฎหมายอาญาดำเนินคดีเพื่อจำกัดความคิดเห็นทางการเมืองที่แตกต่างอย่างล้นเกิน ไม่ว่าจะเป็นประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒ มาตรา ๑๑๖พระราชบัญญัติการกระทำอันเป็นความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ หรือความผิดฐานฝ่าฝืนประกาศที่ออกตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน สร้างผลกระทบให้ประชาชนเสียหายจากกระบวนการยุติธรรมที่ประชาชนสงสัยว่า ไม่เป็นไปตามหลักนิติรัฐนิติธรรม และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ปฏิบัติหน้าที่ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวโดยมิชอบด้วยหลักกฎหมายและสิทธิมนุษยชน ซึ่งทำให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่นในหลักกฎหมายและหลักความยุติธรรมของประเทศ
ตามที่ภาคประชาชนได้เรียกร้องและเสนอร่างแก้ไขข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการกระทำดังกล่าว พรรคเพื่อไทยในฐานะพรรคที่มีเสียงสมาชิกมากที่สุดในสภาผู้แทนราษฎร พร้อมนำข้อเสนอดังกล่าวเข้าสู่วาระการประชุมรัฐสภา เพื่อตรวจสอบระบบการทำงานของบุคคลในกระบวนการยุติธรรม ตั้งแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจ อัยการ ศาลและราชทัณฑ์ว่าได้ปฏิบัติหน้าที่หรือใช้ดุลยพินิจไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมายหรือไม่
และตรวจสอบการสั่งการโดยรัฐบาล รวมถึงการแก้ไขกฎหมาย ระเบียบปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม เพื่อให้นักโทษทางความคิดได้รับการปล่อยตัว และไม่ให้เกิดนักโทษทางความคิดเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นของการฟื้นฟูความเชื่อมั่นในระบบยุติธรรมของประเทศไทย…”
แถลงการณ์ฉบับนี้มีปัญหาพอควรครับ
พรรคเพื่อไทยออกแถลงการณ์ฉบับนี้เป้าหมายหลักเพื่อช่วงชิงฐานคะแนนคนรุ่นใหม่จากพรรคส้ม
แต่กาลเวลาผ่านไปตัวเองได้เป็นรัฐบาล กลับมีท่าทีจากหน้ามือเป็นหลังเท้า
ที่เคยหาเสียงแก้ ม.๑๑๒ แต่ทั้งหัวหน้าพรรคยันทหารเลวหน้าค่าย เมื่อได้เป็นรัฐบาลก็เงียบกริบ
เมื่อถูกโจมตีเรื่องแก้ ม.๑๑๒ พรรคเพื่อไทยมีทางออกเสมอ
มักอ้างคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ที่ร้องโดย “เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ” ให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๔๙ ว่า การกระทำของพรรคเพื่อไทย ตามคำแถลงการณ์ของ “ชัยเกษม นิติสิริ” เมื่อวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๔ เกี่ยวกับการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒ ซึ่งมีตราพรรคเพื่อไทยอยู่ด้วย มีลักษณะเป็นการสนับสนุนการกระทำที่อาจนำไปสู่การยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒ ในลักษณะที่ไม่ใช่กระบวนการทางนิติบัญญัติโดยชอบ
ซึ่งคดีนี้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า “ชัยเกษม นิติสิริ” ไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรค และไม่ได้เป็นผู้มีอำนาจกระทำการแทนพรรคเพื่อไทย และไม่ปรากฏข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่แสดงให้เห็นได้ว่าผู้ถูกร้องมีความมุ่งหมายหรือการกระทำใดๆ ที่น่าจะทำให้เกิดผลเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๔๙ วรรคหนึ่ง
ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเป็นเอกฉันท์มีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย
ฉะนั้นคำวินิจฉัยนี้ถูกหยิบยกมาเสมอเมื่อมีการตั้งคำถามเรื่องการแก้ ม.๑๑๒ จากพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะเมื่อมีคำถามเรื่อง “ชัยเกษม” ต้องไปรับบทเป็นนายกรัฐมนตรี
แต่…วันนี้สถานการณ์กำลังเปลี่ยน!
เมื่อ “แพทองธาร” ไป
“ชัยเกษม” ต้องมา
แม้ไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรค
แต่การมาของ “ชัยเกษม” ไม่ได้มามือเปล่า
มาในฐานะนายกรัฐมนตรี มีอำนาจเต็มในการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งการปกครองตามระบบรัฐสภาทั่วโลก นายกรัฐมนตรี ต้องมาจากหัวหน้าพรรคแกนนำที่จัดตั้งรัฐบาล
ต่างจากการเมืองไทยที่พรรคระบอบทักษิณมักใช้บริการนอมินีจนเคยตัว หัวหน้าพรรคเป็นเพียงหัวหน้าฝ่ายธุรการ ส่วนนายกรัฐมนตรี คือคนที่ “นายใหญ่” ชี้นิ้ว
ในวันที่ “ชัยเกษม” เป็นนายกรัฐมนตรี แล้วตอบคำถามเรื่องการแก้ ม.๑๑๒ ว่า เป็นเรื่องของพรรค ไม่เกี่ยวกับฝ่ายบริหาร ก็ขอให้รับรู้ว่านี่คือธรรมชาติของพรรคเพื่อไทย
เพราะพรรคการเมืองนี้ความคิดคนจะเปลี่ยนไปตามตำแหน่ง
“แพทองธาร” เองก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเป็นเช่นนั้น สุดท้ายลงเอยกับการตกเป็นเหยื่อของพ่อ
เป็นหนังหน้าไฟให้พ่อ แต่ต้องรับผิดชอบทางกฎหมายด้วยตัวเอง
คนที่ “ทักษิณ” ชี้นิ้วสั่งจึงแทบไม่มีอุดมการณ์ทางการเมืองเลย
หากได้เป็นนายกฯ “ชัยเกษม” จะไม่มีโอกาสพิสูจน์ตัวเองด้วยซ้ำ
เพราะต้องทำตาม “ทักษิณ”
และหาก “ทักษิณ” ไม่รอดในวันที่ ๙ กันยายน ไม่ต้องกังวลครับ พรรคร่วมรัฐบาลจะกอดคอกันตั้งรัฐบาลจนได้ เป็นโอกาสที่ดีของพรรครวมไทยสร้างชาติ กับ พรรคประชาธิปัตย์ด้วยซ้ำ
๒ พรรคนี้ไม่สนใจเรื่อง ม.๑๑๒ หรอกครับ ไม่ว่า “ชัยเกษม” จะคิดจะทำอะไรมาก่อน
อำนาจต่อรองในมือของทั้ง ๒ พรรคสูงลิ่ว
ต้องได้เก้าอี้รัฐมนตรีมากกว่าเดิมแน่นอน
ถึงได้บอกว่า อย่าคาดหวังอะไรจากพรรครวมไทยสร้างชาติและประชาธิปัตย์
ปล่อยให้เขาเกลือกกลั้วกันต่อไปเถอะครับ เพราะเวลาเขามีไม่มากแล้ว
จบครั้งนี้คือ จบแล้วจบเลย.