อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต x Lifedot ชวนสายเฮลตี้ไขข้อข้องใจเกี่ยวกับมะเร็ง
บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต ร่วมกับ Lifedot เปิดเวทีสด ยกรายการ TUCK Talk Podcast เชิญแขกรับเชิญพิเศษ นายแพทย์ศุภฤกษ์ วิจารณาญาณ หรือหมอโอ๊คเจ้าของเพจ Doctor Sixpack ร่วมพูดคุยแบบเจาะลึกเรื่องมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งในผู้หญิง พร้อมแจกทิปส์ในการจับสัญญาณเตือนจากร่างกาย และเทคนิคในการสร้าง Healthy Lifestyle แบบง่ายๆ ที่ใครๆ ก็นำไปดูแลตัวเองได้ทันที โดยมี ตั๊ก-มยุรา เศวตศิลา พิธีกรคนเก่ง เน้นถามแทนใจคนรักสุขภาพ มาร่วมพูดคุย กิจกรรมนี้สะท้อนจุดยืนของอลิอันซ์อยุธยา ประกันชีวิต ที่มุ่งหวังให้คนไทยมีสุขภาพแข็งแรงในระยะยาว เพราะเราเชื่อว่าการส่งเสริมให้คนดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน คือกุญแจสำคัญในการใช้ชีวิตอย่างมั่นใจและมีคุณภาพในทุกช่วงวัย
จากข้อมูลของสภากาชาดไทยปี 2565 สถิติที่น่าตกใจของโรคมะเร็งในประเทศไทย ในแต่ละปีมีคนไทยเป็นมะเร็งปีละ 140,000 คน และเสียชีวิตปีละ 83,000 คน ที่น่าสนใจ คือ ผู้ป่วยมะเร็งในปัจจุบันมีอายุน้อยลง และหลายคนป่วยแล้วไม่รู้ตัว จนกระทั่งเข้าสู่ระยะลุกลาม สำหรับมะเร็งที่พบมากที่สุดในผู้ชาย คือ มะเร็งปอด ส่วนมะเร็งตัวท็อปที่พบมากที่สุดในผู้หญิง คือ มะเร็งเต้านม อย่างไรก็ตาม แม้มะเร็งจะเป็นโรคร้าย แต่หากตรวจพบเร็ว ยิ่งทำการรักษาได้ง่ายขึ้น
จับสัญญาณ“เอ๊ะ” ให้ไว! เมื่อร่างกายไม่เหมือนเดิม
หมอโอ๊คแนะนำว่า 7 สัญญาณที่บ่งบอกถึงความปกติจากร่างกาย ที่เจอเมื่อไหร่ต้อง ‘เอ๊ะ’ ให้ไว และไม่ควรนิ่งนอนใจ 1) น้ำหนักลดผิดปกติ สังเกตง่ายๆ คือ น้ำหนักลดลงไปมากถึง 5% ใน 3 เดือน หรือ 10% ใน 6 เดือน ทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจลดน้ำหนัก 2) มีอาการไอแห้งๆ เรื้อรัง ทั้งที่ไม่ได้เป็นหวัด 3)เป็นไข้ตอนกลางคืน โดยไม่มีสาเหตุ 4)ประจำเดือนหรือสารคัดหลั่งผิดปกติ 5)ขับถ่ายไม่ปกติ มีเลือดปน หรืออุจจาระไม่ได้เป็นลำสวย 6)คลำเจอก้อนเนื้อตามต่อมน้ำเหลือง เช่น หลังใบหู ไหปลาร้า รักแร้ ขาหนีบ 7)เริ่มตัวเหลือง ตาเหลือง ปวดกระดูก หากพบอาการเหล่านี้ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุโดยเร็ว เพราะการรักษาที่ดีที่สุด คือ การตรวจพบให้เร็วที่สุด
5 เคล็ด(ไม่) ลับสร้างเกราะป้องกันที่ทุกคนทำได้
นอกจากการสังเกตความผิดปกติของร่างกายแล้ว ถ้าไม่อยากให้ร่างกายส่งสัญญาณแบบนี้ จะสร้างเกราะป้องกันตัวเองได้ยังไงบ้าง? ใครที่ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหน คุณหมอโอ๊คมีทริคดีๆ ที่เริ่มทำได้ตั้งแต่วันนี้
1) หมั่นลุกขึ้นขยับไม่นั่งนานเกินไปรู้หรือไม่ การนั่งทำงานเกิน 8 ชั่วโมงต่อวัน ต้องหมั่นลุกขึ้นขยับ ลดความเสี่ยงมะเร็งบางชนิดได้แล้ว ที่น่ากลัวคือ แม้ว่าจะลุกขึ้นมาออกกำลังชดเชย ก็ไม่สามารถหักล้างความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งโรคหัวใจ และเบาหวานได้ หากเรามีพฤติกรรมนั่งนานเกินวันละ 8 ชั่วโมง เราควรหมั่นลุกนั่งให้บ่อยทุกๆ 1 ชั่วโมงและออกกำลังกายเพิ่มกล้ามเนื้อและคาร์ดิโอเป็นประจำ เพื่อลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง โรคอ้วน โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมองดังนั้น ชาวออฟฟิศที่ต้องนั่งนานๆ ควรหาเวลาขยับตัวทุกๆชั่วโมง โดยอาจจะลุกขึ้นมายืดแขน ยืดขา หรือทำสควอชง่าย ๆ ข้างโต๊ะทำงาน ด้วยการยืดหลังตรง หายใจเข้าให้พุงป่องเกร็งหน้าท้อง ย่อให้ต้นขาขนานพื้นเพียงเท่านี้ ก็เท่ากับว่าร่างกายได้ขยับแล้ว
2) นอนให้พอและดี คนไทย 1 ใน 3 นอนไม่หลับ หรือหลับไม่นานพอ ผลเสียจากอาการนอนหลับมีปัญหานี้ ไม่ใช่แค่ทำให้ตื่นเช้าวันใหม่ไม่สดใส แต่ยังเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ภูมิคุ้มกันตก เครียด ลงพุง และเพิ่มความเสี่ยงโรคมะเร็งอีกด้วย ดังนั้นใครที่ละเลยกับการนอน หรือ นอนน้อยเป็นประจำ ต้องปรับพฤติกรรมด่วน ด้วยการสร้างวินัยการการนอนที่มีคุณภาพให้ได้อย่างน้อยวันละ 6-7.5 ชั่วโมง เพราะการนอนหลับที่ดี ช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูและสู้กับเซลล์มะเร็งได้ดีขึ้น ส่วนใครที่มีปัญหานอนไม่หลับ แนะนำว่าหลัง 19.00 น. ให้ลองลดการใช้สมาร์ทโฟน หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เพราะแสงสีฟ้าจากหน้าจออาจรบกวนการหลั่งเมลาโทนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนธรรมชาติที่ช่วยลดการอักเสบดีเยี่ยมในร่างกาย รวมถึงช่วยทำให้ง่วงนอน และนอนหลับลึกได้
3) ตื่นมารับวิตามินดีจากแสงแดดยามเช้าการรับวิตามินดีจากแสงแดดตอนเช้า (ก่อน 9 โมง) ไม่เพียงช่วยให้การนอนหลับมีคุณภาพ ช่วยร่างกายสร้างวิตามินดี ยังเป็นหัวหน้าเม็ดเลือดขาว รวมถึงเม็ดเลือดขาวที่ต่อสู้กับมะเร็ง อาทิเช่น เม็ดเลือดขาวเพชฌฆาตหรือ “Natural Killer Cell” โดยวิธีรับแดดที่ดีคือ เปลือยแผ่นหลังรับแดด พร้อมกับออกกำลังกายไปด้วย โดยใช้เวลาประมาณ 15-20 นาทีสำหรับคนผิวขาว และ 30-40 นาทีสำหรับคนผิวเข้ม ก็เพียงพอ เหตุผลที่ให้เปลือยแผ่นหลังเพื่อรับแดด เพราะ ถ้าจะให้การรับวิตามินจากแสงแดดได้ผลดี ต้องให้ผิวหนังอย่างน้อย 40% ของร่างกายรับแสงแดด แต่หากเลือกใช้วิธีออกกำลังกายกลางแจ้ง เช่น วิ่งหรือตีกอล์ฟ ที่มีทาครีมกันแดด หรือสวมหมวก เสื้อผ้าป้องกันแดด อาจจะต้องใช้เวลารับแดดมากขึ้น
4) คุมน้ำหนักสร้างกล้ามเนื้อ โรคอ้วนเป็นตัวการสำคัญของโรคมะเร็งและโรคเรื้อรังอื่น ๆ ดังนั้นการดูแลน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน และสร้างกล้ามเนื้อด้วยการออกกำลังกายแบบมีแรงต้าน เช่น การยกเวท หรือบอดี้เวท จะช่วยเผาผลาญไขมันและเสริมภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง เพราะหากผู้ป่วยมะเร็งและมีภาวะอ้วนกับโรคกล้ามฝ่อ(Sarcopenic Obesity) จะส่งผลต่อการตอบสนองของการรักษามะเร็งหลายชนิดที่แย่ลง และเพิ่มระยะการรักษาในโรงพยาบาล และลดอัตราการรอดชีวิตจากมะเร็งหลายชนิด
5)กินอาหารลดความเสี่ยงมะเร็งปิดท้ายด้วยอีกหนึ่งตัวช่วยลดความเสี่ยงมะเร็งชั้นดี นั่นคือ อาหารที่กินทุกวัน โดยคุณหมอโอ๊คได้แชร์สูตร ‘อาหารเหรียญทองซึ่งอาหารเหรียญทองคือการจัดประเภทอาหารจากธรรมชาติ หรืออาหารต้นสาย ที่ไม่แปรรูป หรือแปรรูปน้อยที่สุด ตามหลักการของ Nova Classification ที่ 1&2 และเลี่ยงอาหารแปรรูปให้ได้มากที่สุด หรือ อาหารสูตรสีแดง ตามหลักการของ Nova Classification 3&4 เป็นแนวทางการกินเพื่อสุขภาพดีแบบยั่งยืน โดยจัดกลุ่มอาหารที่ควรกินเป็นประจำออกเป็น 9 กลุ่ม
กลุ่มที่1 ถั่วเปลือกอ่อน แหล่งโปรตีนพืช (หุงผ่านหม้อแรรงดัน) ถั่วเลนทิล ถั่วลูกไก่ ถั่วขาว ถั่ว 5 สี ถั่วดำ ถั่วลันเตา เต้าหู้ ถั่วเหลือง ถั่วแระญี่ปุ่น
กลุ่มที่2 ข้าว & ธัญพืช ไม่ขัดสี คาเคาผงและคาเคานิบส์ ควินัว 3 สี ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ข้าวกล้อง ข้าวดำ ข้ามหอมนิล ข้าวป่า ข้าวโอ๊ตแท้
กลุ่มที่3 โปรตีนจากสัตว์ธรรมชาติ ปลาจากมหาสมุทรธรรมชาติ โอเมก้า 3 สูง (แซลมอน ทูน่า แมคเคอเรล เฮอริ่ง แอนโชวี่) ไข่ออร์แกนิก (เป็ด ไก่ ปลา) เนื้อออร์แกนิกเลี้ยงด้วยหญ้าจากฟาร์มฟื้นฟู (Organic Grass Fed Meat) อาหารทะเล ปลอดโลหะหนัก เครื่องในสัตว์ธรรมชาติ (ตับ สมอง หัวใจ)
กลุ่มที่4 ผักใบ แป้งต่ำ ผักเชียงดา มะระขี้นก กระเจี๊ยบ กะเพราแดง บรอกโคลี เคล กะหล่ำดอก กะหล่ำม่วง ผักตระกูลกะหล่ำอื่นๆ ผักโขม ปวยเล้ง คะน้า แขนง ตำลัง โหระพา ใบเหลียง ผักหวาน แตงกวา ซูกินี สควอช ฟักทอง หน่อไม้ ผักใบอื่นๆ
กลุ่มที่5 เห็ดหลากชนิด เห็ดหอม เห็ดชิราทาเกะ เห็ดพอทาเบลโล เห็ดคริมินิ เห็นหูหนู เห็ดนางฟ้า เห็นออเรนจิ เห็ดแครง เห็ดฟาง และเห็ดอื่นๆ
กลุ่มที่6 สมุนไพร เครื่องเทศ กระเทียมสด หอมหัวใหญ่ หอมแดง ขมิ้น ขิง ข่า ตะไคร้ พริก สะระแหน่ ชะพลู ใบมะกรูด ออริกาโน่ ไทม์ อบเชย
กลุ่มที่7 ผลไม้ น้ำตาลต่ำ เบอร์รี่หลากชนิด แครนเบอร์รี่ ลูกหม่อน บลูเบอร์รี่ แบล็คเบอร์รี่ สตรอว์เบอร์รี่ ราสป์เบอร์รี่ กีวี่ทอง กีวี่เขียว พริกหวาน พริกหยวก ทับทิม สับปะรด ฝรั่ง ส้ม แตงโม กล้วยห่าม แอปเปิ้ลเขียว ชมพู่ น้อยหน่า มังคุด ส้มโอ มะขาม
กลุ่มที่8 น้ำเร่งระบบเผาผลาญ น้ำผสมน้ำแอปเปิ้ลไซเดอร์วีเนการ์ น้ำแร่ น้ำด่าง น้ำเปล่าบริสุทธิ์ ชาเขียวมัทฉะ ชาดำ ชาหมัก ชาไทย ชาคาโมมาย ชาชบา ไม่หวาน ไม่นม กาแฟดำ เอสเพรสโซ่ กาแฟสกัดเย็น
กลุ่มที่9 อาหารซูเปอร์ฟู้ด โปรไบโอติก จากโยเกิร์ตไม่หวาน วิตามินเค 2 จากนัตโตะ เทมเป้ ผงอะไซอิ ผลอะไซอิ น้ำมันมะกอกสกัดเย็น หล่อฮังก๊วยแทนสารให้ความหวานอื่นๆ
คำแนะนำเพิ่มเติมจากคุณหมอ เลือกกินให้หลากหลาย เลือกกินของออร์แกนิก เลือกกินตามฤดูกาล ทุกมื้อให้มีอย่างน้อย 5 ข้อขึ้นไป เพื่อให้ได้คุณค่าสารอาหารครบถ้วน ลดการสะสมสารเคมี และสนับสนุนระบบย่อยและภูมิคุ้มกันให้ทำงานได้ดีในระยะยาว รวมถึงการหมั่นตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี ออกกำลังกายสม่ำเสมอในทุกๆแบบ นอนหลับให้เพียงพอ บริหารความเครียด และทำตามคำแนะนำของแพทย์ประจำตัว
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเหล่านี้ เป็นความรู้เพื่อการปฏิบัติตัวเพื่อรักษาสุขภาพร่างกายเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำทางการแพทย์ ถ้าเจอสัญญาณเหล่านี้เมื่อไหร่ ไม่ต้องตกใจ แต่ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ ส่วนใครที่จับสัญญาณแล้วไม่พบว่ามีอะไรต้องเอ๊ะ ควรหมั่นตรวจสุขภาพประจำปีทุกปี ออกกำลังกายสม่ำเสมอ นอนหลับให้เพียงพอ กินอาหารที่มีคุณค่าสารอาหารครบถ้วน ดูแลสุขภาพใจ ห่างไกลจากความเครียด และทำตามคำแนะนำของแพทย์ประจำตัวเพราะการเริ่มต้นดูแลตัวเองตั้งแต่วันนี้ คือเกราะป้องกันสุขภาพที่ดีที่สุดในอนาคต และนี่คือแนวทางที่ อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต ยึดมั่นมาตลอด ว่า “การป้องกัน ดีกว่าการรักษา” เราจึงเดินหน้าสร้างแรงบันดาลใจให้คนไทยมีสุขภาพดีไปด้วยกันในระยะยาว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต มอบสินไหมกรมธรรม์ประกันโรคร้ายแรง