ราคาน้ำมันทรงตัว หลังความกังวลคลี่คลายจากการหารือทรัมป์-ปูติน
โดยสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ลดลง 6 เซนต์ หรือ 0.09% มาอยู่ที่ 65.79 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 2 เซนต์ หรือ 0.03% ปิดที่ 62.82 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในช่วงเช้าวันจันทร์ตามเวลาในเอเชีย
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ประชุมร่วมกับ ประธานาธิบดีปูติน เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยทั้งสองฝ่ายมีท่าทีใกล้ชิดกันมากขึ้นในแนวทางมุ่งสู่การเจรจาสันติภาพ ทั้งนี้ ทรัมป์มีกำหนดพบกับประธานาธิบดียูเครน วลาดิมีร์ เซเลนสกี และผู้นำยุโรปในวันจันทร์ เพื่อเร่งหาข้อตกลงยุติสงคราม ซึ่งถูกมองว่าเป็นความขัดแย้งที่รุนแรงที่สุดของยุโรปในรอบ 80 ปี
ทรัมป์ได้ระบุว่า ขณะนี้ยังไม่จำเป็นต้องพิจารณาใช้มาตรการภาษีตอบโต้ต่อประเทศต่าง ๆ เช่น จีน ที่ซื้อน้ำมันจากรัสเซีย แต่ไม่ตัดความเป็นไปได้ที่จะดำเนินการภายใน 2–3 สัปดาห์ ซึ่งช่วยลดแรงกดดันด้านอุปทานพลังงานจากรัสเซียลงชั่วคราว
มุมมองนักวิเคราะห์
นักวิเคราะห์ด้านพลังงานมองว่า ตลาดยังอยู่ในภาวะ “รอดูท่าที” และยังมีแนวโน้มเชิงลบ หากในที่สุดน้ำมันจากรัสเซียสามารถกลับเข้าสู่ตลาดโลกได้มากขึ้น หากสงครามสิ้นสุดลง
ขณะที่นักวิเคราะห์จาก RBC Capital ระบุว่า มาตรการคว่ำบาตรรองที่อาจส่งผลกระทบต่อผู้ซื้อน้ำมันรัสเซียรายใหญ่ เช่น จีนและอินเดีย ถือเป็นประเด็นหลักที่นักลงทุนจับตามอง อย่างไรก็ดี ทรัมป์ได้ส่งสัญญาณชะลอการดำเนินมาตรการเพิ่มเติม โดยเฉพาะต่อจีนในระยะสั้น
ปัจจัยเศรษฐกิจสหรัฐฯ
นอกจากปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์แล้ว นักลงทุนยังเฝ้าติดตามคำกล่าวของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในการประชุมประจำปีที่เมืองแจ็กสันโฮลในสัปดาห์นี้ ซึ่งอาจให้สัญญาณถึงทิศทางการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคต โดยนักวิเคราะห์คาดว่า พาวเวลล์อาจยังคงรักษาจุดยืนที่ไม่ให้คำมั่นผูกพันชัดเจน และอิงตามข้อมูลเศรษฐกิจที่จะประกาศก่อนการประชุม FOMC ในวันที่ 17 กันยายนนี้