“บิ๊กเต่า” เผย สาวคนสนิทหมอบี คือที่มาของการเปิดโปงทุจริต
วันที่ 27 ส.ค. 68 พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยความคืบหน้าคดีอดีตพระอลงกตและหมอบี ว่า จากหลักฐานที่ตรวจยึดได้นั้น มีจำนวนเยอะมาก ขณะนี้จึงต้องจัดแยกเป็นหมวดหมู่ก่อน แล้วจะตรวจสอบต่อไป
ส่วนก่อนหน้านี้ ที่มีกระแสข่าวเกี่ยวกับคนสนิทหรือกิ๊กของอดีตพระอลงกตนั้น เป็นความคลาดเคลื่อน ซึ่งข้อเท็จจริงคือคนใกล้ชิดของหมอบี โดยตอนที่ตำรวจไปตรวจค้นที่บ้านของหมอบี พบคนใกล้ชิดของหมอบี รวมทั้งหมด 4 คน เป็นผู้หญิงทั้งหมด ซึ่งรวมถึงนักร้อง เน็ตไอดอลสาวด้วย พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ บอกว่า ก็เห็บแว้บ ๆ ในบ้าน ซึ่ง ต้องยอมรับในความสามารถของหมอบี ที่สามารถเขียนเรื่องราวให้ทุกคนเชื่อได้ว่า เป็นพี่น้องกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน แต่หมอบีอาจบริหารจัดการความสัมพันธ์ได้ไม่ดี ทำให้มีปัญหาขัดแย้งกันภายใน ส่งผลให้มี 1 คนที่เป็นเลขาฯของหมอบี และกำลังจะเข้าไปเป็นคนสนิทสนมใกล้ชิดมาก ถูกแรงเสียดทานจากอีก 3 คน และได้นำเรื่องราวที่เห็นว่าผิดปกติ หรือไม่เป็นธรรมมาเปิดเผยกับตำรวจ ทำให้การสอบสวนมีการให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี
ทั้งนี้ ไม่ขอลงลึกในรายละเอียดของลักษณะความสัมพันธ์ แต่หมอบีเปรียบเหมือนเส้นเลือดใหญ่ ที่กระจายเงินบางส่วนออกไปสู่คนใกล้ชิดเหล่านี้
ส่วนกรณีของอดีตพระอลงกตเกี่ยวกับกระแสข่าวว่ามีศิลปิน นักร้อง นักแสดงตลกหลอกเอาเงินไปจากอดีตพระอลงกตนั้น ก็ได้ยินจากคำบ่นของอดีตพระอลงกต ว่า กลุ่มที่นำนักร้อง นักดนตรีมาแสดงนั้น โกหกในเรื่องของเงินรายได้ เช่น เมื่อนำมาแสดงแล้ว ค่าใช้จ่ายกลับไม่ตรงตามที่แจ้ง รวมถึงมีเรื่องรายได้หลักหักค่าใช้จ่ายว่า วัดจะได้เท่าไร ใครจะได้เท่าไร ซึ่งก็เเรียกได้ว่าเป็นการโกง
ส่วนบ้านหรูมูลค่า 30 ล้านบาท ของหมอบี พบว่า มีการโอนกรรมสิทธิ์ไปเป็นชื่ออดีตพระอลงกตแล้ว ตั้งแต่ก่อนจะมีเรื่อง แต่ขณะนี้ตำรวจอยากได้เส้นทางการเงินที่ชัดเจน จึงพยายามติดตามเส้นทางการโอนเงิน พบว่า มีการนำเงินบางส่วนไปใช้ซื้อกระเป๋าแบรนด์เนม ซึ่งเป็นหนึ่งในหลักฐานสำคัญที่อยู่ระหว่างการรอเอกสารยืนยันจากสถาบันการเงิน
นอกจากนี้ ตำรวจกำลังรวบรวมทรัพย์สินทั้งหมดที่คนบริจาคเป็นเงิน แล้วถูกนำไปซื้อที่ดิน หรือทรัพย์สินอื่นที่ในความครอบครองคนอื่นด้วย จึงขอประกาศไปยังผู้ที่มีชื่อครอบครองทรัพย์สินของวัดพระบาทน้ำพุ ไม่ว่าจะเป็นรถ บ้าน หรือที่ดิน ให้มาติดต่อกับพนักงานสอบสวน เพื่อคืนทรัพย์สินให้วัด หากไม่คืนจะถือว่ามีเจตนา เข้าข่ายมีความผิดฐานฟอกเงิน
ขณะเดียวกัน จากการตรวจค้นของตำรวจ ยังพบหลักฐาน ทั้งเงินสดจำนวนหลายล้านบาท อาวุธปืน 2-3 กระบอก และเอกสารจำนวนมาก ซึ่งถูกอายัดไว้เพื่อตรวจสอบเพิ่มเติม โดยยังไม่สามารถยืนยันได้ว่า อาวุธดังกล่าวเป็นของผู้ใด ต้องตรวจสอบต่อไป
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของวัดพระบาทน้ำพุ ในส่วนของการเบิก-ถอนเงินนั้น พบว่ามีความสัมพันธ์ หรือมีบุคคลเข้ามาเกี่ยวข้องในกระบวนการประมาณ 30 คน ซึ่งในการบริจาคเงินของผู้มีจิตศรัทธา พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ มองว่า เป็นการบริจาคให้วัด ไม่ใช่บริจาคเข้าบัญชีส่วนตัวของอดีตพระอลงกต เพราะฉะนั้นใครที่เข้ามาเกี่ยวกับเงินเส้นนี้ ก็จะมีความผิดในข้อหาฟอกเงิน ซึ่งหากรวมทั้งเงินสด และเงินในบัญชี คาดว่าวัดพระบาทน้ำพุมีเงินผ่านบัญชีกว่า 1,000 ล้านบาท
ส่วนโรงเรียนของวัดพระบาทน้ำพุ ทราบว่าทางรัฐบาลได้นำไปดูแลแล้ว และสิ่งที่อดีตพระอลงกตห่วงมากที่สุด คือ ผู้ป่วยเอดส์ที่นอนอยู่ในวัดพระบาทน้ำพุกว่า 100 คน ซึ่งทางกองปราบฯ ก็ได้ประสานกระทรวงสาธารณสุขให้เข้าไปดูแลแล้ว รวมถึงประสานไปยังเจ้าคณะจังหวัดให้หาพระสงฆ์ที่มีความเหมาะสม มาทำหน้าที่ ดูแลวัดพระบาทน้ำพุแทนอดีตพระอลงกต เนื่องจากตำรวจได้สอบถามกับทางอดีตพระอลงกตแล้ว ไม่เสนอชื่อว่าใครมีความเหมาะสม
พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ยังกล่าวถึงพฤติการณ์การขอรับเงินบริจาคของอดีตพระอลงกตด้วย ว่า ส่วนตัวอยากเรียกว่าเป็น “อลงกตการละคร” เพราะหากพูดตามตรง มองว่าเป็นการแสดงละครตบตาประชาชน เพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์สิน เพราะในการไปขอเรี่ยไรเงินบริจาค อดีตพระอลงกตก็ไม่จำเป็นจะต้องนั่งวีลแชร์ และในเรื่องการนำเงินบริจาคไปรักษาผู้ป่วย ก็แทบไม่มีมีความจำเป็น เพราะยาเบิกจากโรงพยาบาลแต่ในการไปขอรับเงินบริจาคทุกครั้งก็จะเอาผู้ป่วยเอดส์ไปเป็นข้ออ้าง ซึ่งเป็นการฉ้อฉลหลอกลวงพี่น้องประชาชน และเข้าข่ายมีความผิดข้อหาฉ้อโกงประชาชนได้ แต่ส่วนตัวมองว่า หากทำข้อหานี้ ทรัพย์สินทั้งหมดจะไปตกอยู่กับแผ่นดิน แต่ส่วนตัวอยากให้ทรัพย์สินกลับเข้าสู่วัดมากกว่า จึงแจ้งข้อหาตามมาตรา 157 มาตรา 147 และข้อหาฟอกเงิน
ส่วนคำชี้แจงของอดีตพระอลงกตนั้น พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ยอมรับว่า ไม่ได้เชื่อทั้งหมด แต่ก็รับฟังไว้ เพราะตอนไปเตะบอลที่เทพศิรินทร์ ก็บอกว่าไปเรียนที่เทพศิรินทร์ ดังนั้น เรื่องที่ไปทำงานเขียนแบบที่มาเลเซีย ก็อาจไปทำงานก่อสร้างก็เป็นไปได้ รวมถึงช่วงเวลาที่หายไป ก็ยังไม่แน่ใจว่าไปมีเรื่องราวอะไรที่มากกว่าการหนีทหารหรือไม่ เพราะอดีตพระอลงกตพูดเองเต็มปากว่า ช่วงที่ไปเรียนที่เกษตรบ้านกร่างนั้น มีพฤติกรรมสำมะเลเทเมา และเกเร อีกทั้งเมื่อกลับมาแล้วยังใช้ชื่อคนอื่นด้วย ทั้งนี้ต้องไปตรวจสอบกันต่อไป
ส่วนจะมีการขยายผลไปยังวัดอื่นหรือพระรูปอื่นหรือไม่นั้น พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ยอมรับว่า จากข้อมูลที่ได้รับการร้องเรียนเข้ามา 300-400 เรื่อง มีบางเรื่องลักษณะคล้ายแบบกรณีอดีตพระอลงกต แต่ก็เป็นเรื่องที่จะต้องตรวจสอบและประชุมหารือกันต่อไปว่าจะดำเนินการเรื่องไหนเป็นเรื่องเร่งด่วนหรือไม่ เพราะว่ามีทั้งเรื่องของพระ ที่น่าจะสึกได้อีกหลายรูปทั่วประเทศ เพราะมีพฤติกรรมสอบไปทางน่าจะปาราชิก แต่ไม่ใช่ชั้นผู้ใหญ่
พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ยังบอกอีกว่า ในส่วนคดียิงนักข่าว ก็ได้สอบถามกับอดีตพระอลงกตด้วย แต่อ้ำอึ้งในการตอบ และดูไม่ค่อยอยากพูด ทำให้รู้สึกว่ามีพิรุธ จึงอาจต้องให้กองปราบรื้อคดีดังกล่าว เพราะก่อนหน้านี้ดูมีความคืบหน้าแต่อยู่ ๆ ก็เงียบหายไป.