นักวิชาการทะเล ฟันธง! "อวนล้อมปั่นไฟ" ทำลายระบบนิเวศ เตือนภัยทะเลไทยใกล้ถึงจุดวิกฤต
ดร. สากล พลธง นักวิชาการด้านชีววิทยาทางทะเล โพสต์ข้อความสรุปผลการประชุม กมธ.ประมงฯ ที่มีการถกเถียงกันอย่างหนักเรื่องการใช้ "อวนล้อมปั่นไฟ" โดยมีนักวิชาการหลายคนยืนยันตรงกันว่าการทำประมงประเภทนี้สร้างผลกระทบอย่างรุนแรงต่อระบบนิเวศทางทะเล และมีสัตว์น้ำเศรษฐกิจติดมาถึง 23% ซึ่งเป็นเหตุผลที่เคยถูกสั่งห้ามมาแล้วเมื่อ 40 ปีก่อน
วันนี้ ( 22 ส.ค.) ดร. สากล พลธง (Sakanan Plathong) เป็นนักวิชาการด้านชีววิทยาทางทะเลและสิ่งแวดล้อมทางทะเลจากประเทศไทย ได้ออกมาโพสต์ข้อความเกี่ยวกับการประชุมพิจารณาร่าง พ.ร.บ. การประมงฯ มีการถกเถียงเรื่องการทำประมงด้วยอวนล้อมปั่นไฟจับปลากะตัก โดย ดร. ปลอดประสพ สุรัสวดี และ ดร. ปิ่นสักก์ สุรัสวดี ต่างยืนยันตรงกันว่า การประมงประเภทนี้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อสัตว์น้ำและระบบนิเวศ เพราะแสงไฟดึงดูดสัตว์น้ำหลายชนิดและทำให้ปลาขนาดเล็กติดมาด้วยเยอะมาก
ด้านนักวิชาการจากกรมประมงยอมรับว่า ข้อดีคือช่วยเพิ่มปริมาณปลากะตักในประเทศได้ แต่ข้อเสียคือมีสัตว์น้ำเศรษฐกิจชนิดอื่นติดมาถึง 23% ซึ่งหากปล่อยให้โตเต็มวัยจะมีมูลค่ามหาศาล และเป็นเหตุผลหลักที่การทำประมงแบบนี้ถูกห้ามมาตั้งแต่ปี 2526 และยังไม่มีงานวิจัยใดมาหักล้างผลกระทบได้เลย โดย ดร.สากล ได้ระบุข้อความว่า
“ในที่ประชุม เมื่อวานนี้ ดร. ปลอดประสพ สุรัสวดี ประธานกรรมาธิการร่วมกันเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการประมงฯ ขอให้ฝ่ายวิชาการพูดตรงๆ เรื่องผลกระทบจากการทำประมงด้วย
ผมยืนยันว่า แสงไฟดึงดูดสัตว์น้ำเข้ามาหลายชนิด ส่งผลกระทบต่อสัตว์น้ำที่มีความสำคัญทางทางนิเวศและการประมงอื่นๆ อวนล้อมมีรัศมีทำการกว้างสัตว์น้ำขนาดเล็กมีโอกาสหลุดไปน้อยมาก
ดร. ปิ่นสักก์ สุรัสวดี ในฐานะอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ก็ยืนยันว่า ภาวะทรัพยากรสัตว์น้ำในทะเลไทยเริ่มเข้าสู่ภาวะที่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ การประมงด้วยอวนล้อมปั่นไฟจับปลากะตัก ทำให้ระบบนิเวศมีความเสี่ยงด้านความสมดุลของระบบนิเวศ การใช้ไฟ ไม่สามารถเลือกพันธุ์สัตว์น้ำได้ จะมีหลายชนิดติดเข้ามาด้วย
ดังนั้น ถ้ายังมีโอกาสใช้เครื่องมืออื่นทำประมงได้ … ก็ต้องเลี่ยงวิธีการประมงที่มีความเสี่ยงมากนี้ … จึงไม่สนับสนุนการใช้ไฟ
ท่านประธาน ขอให้นักวิชาการกรมประมงพูดตรงๆ ไม่ต้องเกรงใจผู้บริหารกรม ว่าข้อดีข้อเสียของการอนุญาตให้ทำประมงอวนล้อมปั่นไฟปลากะตัก มีะไรบ้าง
ดร. ปวโรจน์ นรนาถตระกูล นักวิชาการกรมประมง บอกกลางที่ประชุมว่า…
ข้อดี คือ เราจะมีโอกาสจับปลากะตักเพิ่มมาชดเชยการนำเข้ามาทำน้ำปลา 2 หมื่นตัน ส่งเสริมรายได้ทางเศรษฐกิจ
“ข้อเสียของอวนล้อมปั่นไฟจับปลากะตัก คือ มีสัตว์น้ำเศรษฐกิจชนิดอื่นติดมา 23 เปอร์เซ็นต์”
………
ข้อมูลจากกรมประมงนี้ แปลว่า ถ้าเราต้องการปลากะตัก อีก 2 หมื่นตัน เราจะสูญเสียสัตว์น้ำเศรษฐกิจอื่นๆ 4,600 ตัน หรือ 4.6 ล้านกิโลกรัม
ฝากคิดให้ทีว่า ….สัตว์น้ำทางเศรษฐกิจ ที่สูญเสียไป ตายตั้งแต่วัยเด็กเท่านี้… ถ้ามีโอกาสเติบโตไปเป็นตัวเต็มวัย เราจะสูญเสียเท่าไร
ผมยังคิดอะไรไม่ออก ได้แต่ดูการสูญเสีย ที่ต่างกันระหว่างเครื่องมือประมงแบบเดิม กับอวนล้อมปั่นไฟปลากะตัก ตามรายงานวิชาการของกรมประมง ก็จะเห็นว่า มากมายมหาศาล..(ดูในคอมเม้นท์)
เป็นเหตุผลหลัก ที่เราห้ามการทำประมงแบบนี้มาตั้งแต่ปี 2526
ที่สำคัญ คือ ตลอด 40 กว่าปีที่ผ่านมา เรายังไม่เคยมีงานวิจัยใดมาหักล้างได้เลยว่า อวนล้อมปั่นไฟจับปลากะตักไม่สร้างผลกระทบต่อระบบนิเวศ”
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO