"สืบนครบาล" รุดช่วยพีอาร์สาวถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้เรียกค่าไถ่จากครอบครัว สูญเงินกว่า 2.9 ล้านบาท
"สืบนครบาล" รุดช่วยพีอาร์สาวถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้เรียกค่าไถ่จากครอบครัว สูญเงินกว่า 2.9 ล้านบาท
ตำรวจชุดสืบสวนนครบาลนำกำลังเข้าช่วยเหลือน้องโม อายุ 24 ปี พนักงานบริษัทที่ถูกแก๊งคอลเซนเตอร์หลอกโอนเงินเรียกค่าไถ่จากครอบครัว โดยเข้าช่วยได้ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในอำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี โดยน้องโมอยู่ในสภาพหวาดกลัว และยังคงกำโทรศัพท์มือถืออยู่ในมือ ซึ่งกำลังคาสายวิดีโอคอลกับแก๊งคนร้าย แต่เมื่อคนร้ายเห็นตำรวจ ก็รีบตัดสายไปในทันที ส่วนตัวน้องโมยังไม่เชื่อว่าตนเองตกเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซนเตอร์ จนต้องให้คุยกับครอบครัว ว่าครอบครัวปลอดภัยดี น้องโมจึงคลายความกังวลและมีสติมากขึ้น ตำรวจจึงได้นำตัวน้องโมไปสอบปากคำต่อที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมกับครอบครัว
น้องโม ผู้เสียหาย เล่าว่า เหตุการณ์เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมา ช่วงเย็น ขณะที่กำลังทำงานอยู่ที่ย่านสาทร ก็มีเบอร์ที่ไม่รู้จักโทรเข้ามา อ้างว่ามาโทรมาจากโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ และบอกว่าน้องโมเป็นผู้ปกครองของเด็กวัย 3 ขวบที่ถูกแก๊งค้ามนุษย์ทำร้ายร่างกาย ต้องผ่าตัดด่วน แม้น้องโมจะบอกว่าไม่ได้เป็นผู้ปกครองของเด็กคนดังกล่าว แต่ปลายสายก็ยังพูดจากดดันว่าเด็กต้องได้รับการผ่าตัดภายใน 24 ชั่วโมง และโอนสายให้คุยกับเจ้าหน้าที่อีกคน โดยเจ้าหน้าที่แนะนำให้น้องโมแอดไลน์ของ สภ.ช้างเผือก และวิดีโอคอลไปแจ้งความว่าไม่ใช่ผู้ปกครองเด็กคนดังกล่าวจริงๆ
แต่ไปๆ มาๆ ตำรวจก็บอกว่าน้องโมไปเปิดบัญชีธนาคารใช้รับเงินส่วนแบ่งจากแก๊งค้ามนุษย์ประมาณ 8 แสนบาท และให้น้องโมโอนเงินไปตรวจสอบ 2 แสนบาท รวมถึงต้องหาเงินมาอีก 8 แสนบาทเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ โดยบังคับสั่งให้น้องโมหลอกครอบครัวและคนใกล้ชิด ว่าต้องการเงินไปตกแต่งบัญชีธนาคารเพื่อยื่นขอทำวีซา สำหรับไปศึกษาดูงานที่ต่างประเทศ ขอให้ช่วยโอนเงินส่งมา ระหว่างนั้นก็จะสั่งน้องโมว่าห้ามบอกเรื่องนี้กับใคร ต้องรายงานตัวเป็นระยะๆ และต้องวิดีโอคอลค้างไว้ตลอด 24 ชั่วโมง มีการสั่งให้ปิดแอปพลิเคชั่นจีพีเอสติดตามตัว และย้ายที่พักไปเรื่อยๆ โดยขู่ว่าหากครอบครัวตามตัวน้องโมเจอ จะทำให้รูปคดีเสียหาย และหากไม่สามารถหาเงินมาให้ได้ ทั้งน้องโมรวมถึงครอบครัว ก็จะต้องถูกจับดำเนินคดีไปด้วย
รวมๆ แล้ว น้องโมถูกบังคับให้หลอกครอบครัวและคนใกล้ชิดให้โอนเงินมาให้ ก่อนจะโอนต่อไปยังบัญชีม้ามิจฉาชีพรวมกว่า 2.9 ล้านบาท ซึ่งน้องโมบอกว่าไม่ได้อยากทำเลย แต่จุดเริ่มต้นมาจากที่น้องโมสงสารเด็กที่อ้างว่าต้องผ่าตัดด่วน ประกอบกับคนร้ายบอกเลขบัตรประจำตัวประชาชนของน้องโมได้หมด ทำให้น้องโมเชื่อโดยสนิทใจว่าเป็นเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลจริง เป็นตำรวจจริง ก่อนที่สุดท้ายจะกลายเป็นความหวาดกลัวว่าครอบครัวจะถูกทำร้ายจึงยอมทำตาม
ด้านพลตำรวจตรีโชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล บอกว่า เบื้องต้นจากแนวทางการสืบสวนเชื่อว่าแก๊งมิจฉาชีพนี้เป็นแก๊งคอลเซนเตอร์จากประเทศเพื่อนบ้าน และจะเปลี่ยนรูปแบบการหลอกลวงไปเรื่อยๆ โดยจะเล่นกับความรู้สึกและความหวาดกลัวของเหยื่อ บางครั้งก็จะให้เหยื่อมัดมือมัดเท้าตัวเองและถ่ายรูปไปหลอกครอบครัวเพื่อให้โอนเงนมาให้ ซึ่งตำรวจจะต้องขยายผล รวมถึงส่วนของบัญชีม้าคนไทยอีก 2 บัญชี ที่จะต้องติดตามตัวมาดำเนินคดี