เปิดสูตรไม่ลับ “เงินฟรี 17%” กู้ดอกต่ำ ลงทุนกำไรสูง แต่เสี่ยงขาดทุนแค่ไหนต้องรู้
“ซื้อหุ้นกู้กินปันผล แล้วเอาไปเข้าแบงก์ขอสินเชื่อเพื่อมาลงทุน ถึงต้องจ่ายดอกเบี้ย แต่อาจจะได้ผลตอบแทน 17% ต่อปี”
เห็นตัวเลขนี้แล้ว ใครๆ ก็อยากทำตามเพราะดูง่ายเหลือเกิน
สอดคล้องกับคำว่า เงินลอยอยู่ในอากาศอยู่ที่ใครจะคว้ามาได้
แต่เรื่องนี้ ทำได้จริงแค่ไหน หรือเราต้องรวยก่อนถึงจะสามารถทำแบบนี้ได้ Thairath Money มาลองถอด “สูตรสร้างเงินฟรี” ที่ในโซเชียลกำลังถกเถียงกัน
แกะสูตรไม่ลับ “เงินฟรี 17%”
ในโลกการลงทุนถ้าเราทำผลตอบแทนได้เกิน 15% ทุกปี อาจจะทำให้ชีวิตเราง่ายขึ้นมาก ซึ่งล่าสุดมีอินฟลูเอนเซอร์ท่านหนึ่งเล่าคร่าวๆ ว่า “มันทำได้” จากวิธีการง่ายๆ คือ
1. ซื้อหุ้นกู้แบงก์ใหญ่ในโลก เช่น HSBC, UBS ฯลฯ ที่ได้ปันผลปีละ 7%
2. เอาหุ้นกู้นั้นไปค้ำประกันและขอสินเชื่อกับธนาคาร แม้จะต้องจ่ายดอกเบี้ย 2% ต่อปี (เรายังเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์หุ้นกู้นั้น)
3. นำเงินก้อนนั้นไปลงทุนต่อ ซึ่งได้ผลตอบแทน 12% ต่อปี เช่น กองทุน KRR เป็นต้น
พูดง่ายๆ จากตัวอย่างนี้แต่ละปี เราจะมีผลตอบแทนจาก ปันผลหุ้นกู้ 7% ปันผลจากการลงทุน 12% เมื่อหักลบดอกเบี้ยเงินกู้ที่ 2% จะได้ผลตอบแทนปีละ “17%” โดยหัวใจของสูตรนี้คือ “กู้ด้วยดอกเบี้ยต่ำ แล้วเอาเงินไปหาผลตอบแทนที่สูงกว่า”
กดสูตรแล้ว ทำได้จริงแค่ไหน?
แต่ก็มีหลายคนออกมาตั้งคำถามว่า สูตรนี้ทำได้จริงแค่ไหน? โดยเราจะสรุปความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นมาให้พิจารณากันดู
เรื่องที่ 1 หุ้นกู้แบงก์ใหญ่ที่ดูน่าเชื่อถือให้ผลตอบแทน 7% ต่อปี
ความเสี่ยง: ในโลกนี้มีหุ้นกู้แบงก์ใหญ่ที่ให้ผลตอบแทนสูง แต่อาจเป็นหุ้นกู้ชั่วนิรันดร์ที่ไม่ระบุระยะเวลาในการไถ่ถอน หรือไถ่ถอนเมื่อบริษัทปิดกิจการ แม้ทุกปีธนาคารที่ออกหุ้นกู้นี้ จะจ่ายปันผลให้เรา แต่ถ้าเกิดแบงก์นั้นเจอวิกฤตก็เกิดความเสี่ยงเรื่องผิดนัดชำระหนี้ไม่จ่ายปันผล
ถ้าสถานการณ์หนักขึ้น เช่นเกิดบริษัทล้มละลาย หรือ ปิดกิจการ ต้องลุ้นว่าจะได้เงินคืนไหม ได้เต็ม ได้ครึ่งเดียว หรือไม่ได้เลย ซึ่งหุ้นกู้ชั่วนิรันดร์ ถือเป็นตราสารหนี้ด้อยสิทธิ (subordinated) จะได้เงินคืนถัดจากผู้ซื้อหุ้นกู้ทั่วไป แต่ได้รับก่อนผู้ถือหุ้นสามัญ
เรื่องที่ 2. ใช้หุ้นกู้ค้ำสินเชื่อได้ดอกเบี้ย 2% ต่อปี
หุ้นกู้สามารถใช้ค้ำประกันในการขอสินเชื่อได้ เหมือนที่เราเอาบ้าน/รถ ไปตึ๊ง (จำนอง) ไว้กับธนาคาร แต่เรายังเป็นเจ้าของบ้าน/รถ/หุ้นกู้ และใช้ประโยชน์ได้อยู่
แต่คำถามคือ เอาหุ้นกู้ที่มีความเสี่ยงไปตึ๊ง ธนาคารเขาจะปล่อยสินเชื่อให้เท่าไร เพราะไม่ค่อยมีใครให้เต็ม 100% และมักจะได้เงินราว 60-70% ของมูลค่าหลักประกัน
นอกจากนี้หลายคนวิเคราะห์ว่าเคสนี้น่าจะใช้เงินกู้จากธนาคารในต่างประเทศ การที่จะได้อัตราดอกเบี้ย 2% ต่อปี น่าจะกู้เงินสกุลสวิสฟรัง แต่ถ้ากู้เป็นดอลลาร์สหรัฐดอกเบี้ยน่าจะสูงกว่า 4.5% ต่อปี
ความเสี่ยง: แบ่งได้ 2 ส่วน
1) อยากขอสินเชื่อด้วยหุ้นกู้ ต้องมีเงินสำรองไว้ เพราะเมื่อเราใช้ หุ้นกู้/พันธบัตรเป็นหลักประกัน ทุกสิ้นวันแบงก์มักจะต้องเทียบมูลค่าตลาดว่า หุ้นกู้ที่เป็นหลักประกันมูลค่าเหลืออยู่เท่าไร ถ้าต่ำกว่าที่เขาตั้งเกณฑ์ไว้ แบงก์จะส่งคำสั่งให้เราจ่ายเงินส่วนต่างที่เกิดขึ้น หรือที่เรียกว่า Margin Call (การเรียกหลักประกันเพิ่ม)
2) เสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน (FX) ถ้าเรากู้เงินสกุลสวิสฟรัง จะลงทุนต่อต้องแลกเป็นดอลลาร์สหรัฐเพื่อลงทุนไหม? ยิ่งแลกไปๆ มาๆ ค่าธรรมเนียมในการแลกเงินอาจทำให้ผลตอบแทนน้อยลง (อย่างที่รู้กันว่า เรทแลกเงินของธนาคารอาจสูงกว่าตลาด)
เรื่องที่ 3. กองทุนอะไรได้ผลตอบแทน 12% ต่อปี
ความเสี่ยง: กองทุนรวมมักไม่สามารถการันตีว่า จะได้ผลตอบแทนเท่าไร และความเสี่ยงของกองทุนรวมขึ้นอยู่กับว่าในนั้นไปลงทุนในอะไรบ้าง เช่น หุ้น แม้จะระบุผลตอบแทนเฉลี่ยย้อนหลังได้ 10% ต่อปี แต่ใช่ว่าทุกปีจะกำไรเสมอ ที่สำคัญกองทุนรวมมักคิดค่าธรรมเนียมอีก
บางกองทุนในต่างประเทศอาจมีเงื่อนไข ล็อกว่าต้องลงทุนนานเท่าไร ถ้าถอนเงินก่อนต้องเสียค่าธรรมเนียมเพิ่มเป็นต้น
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว การจะทำตามสูตรเงินฟรีนี้ ดูจะยากตั้งแต่ เราต้องมีบัญชีเงินฝาก บัญชีลงทุนในต่างประเทศ เข้าถึงคอนเนคชันธนาคารที่พร้อมให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเหล่านี้ และมีเวลาพอที่จะศึกษาว่า เราเตรียมรับความเสี่ยงที่จะขาดทุนได้แค่ไหน ต้องมีสภาพคล่องเผื่อเรื่องที่ไม่คาดคิดเท่าไร
แต่ผลิตภัณฑ์หรือแพกเกจการลงทุนแบบนี้ ถ้าเรามีเงินสัก 10 ล้านบาท หรือ เป็นผู้มีสินทรัพย์สูง HNW ที่มีสินทรัพย์ราวๆ 30 ล้านบาทขึ้นไป ธนาคาร รวมถึง Private Banking ก็พร้อมจะดูแลจัดการ จัดหาให้ แต่อาจจะมีค่าธรรมเนียมต่างๆ ซึ่ง กำไรจริงๆ ที่เราจะได้ถึง 17% ตามที่ถกเถียงกันไหม… คืออีกเรื่อง
อ่าว แล้วเป็นคนตัวเล็ก เงินไม่มาก แต่อยาก “กู้ดอกเบี้ยต่ำ” เราอาจจะใช้ เงินฝาก, ทองคำ, สลากออมสินหรือหลักทรัพย์อื่นๆ มาค้ำประกันกับธนาคาร แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าธนาคารเหล่านั้นจะประเมินความเสี่ยงทรัพย์ที่เรามีและให้เรทไหนบ้าง
เมื่อโลกการเงิน “โอกาสเพิ่มผลตอบแทน = เพิ่มเสี่ยง”
คราวนี้ลองมาฟังมุมผู้เชี่ยวชาญกันบ้าง ดร.จิติพล พฤกษาเมธานันท์ Head of Global Investment Strategy Finansia Syrus Securities เล่าให้ Thairath Money ฟังว่า ในเชิงของการเงิน “การจะได้กำไรส่วนเพิ่มเกิดจากการรับความเสี่ยงส่วนเพิ่ม” เช่น นำเงินไปลงทุนหุ้นกู้ ก็มีความเสี่ยงแบบนึง นำไปขอกู้เงินก็ต้องลุ้นว่าจะได้ยอดเงินกู้เท่าไร อาจมีความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน ไปจนถึงความเสี่ยงจากการลงทุนต่อ ดังนั้นคำถามสำคัญคือ จากความเสี่ยงที่ต้องแบกรับไว้ กับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น จะคุ้มไหม
แต่ถึงพูดรูปแบบการ “กู้ไปลงทุนต่อ” ตัวอย่างที่เห็นภาพชัดเจนในไทยคือ Margin หรือการเอาเงินสดหรือหุ้นไปค้ำประกันไว้ แล้วขอสินเชื่อมาลงทุนต่อในตลาดหุ้น ซึ่งเราจะได้เงินกู้มากแค่ไหน อาจอยู่ที่เงื่อนไขต่างๆ เช่น หุ้นเบอร์ใหญ่ อาจจะได้ 60-80% ของมูลค่าหุ้น และอยู่ที่เราระบุว่าจะนำเงินไปลงทุนในอะไร เช่น ถ้าลงทุนใน SET50 อาจจะได้เงินกู้มากขึ้น
นาวิน อินทรสมบัติ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หัวหน้าบริหารการลงทุน ทีเอ็มบีธนชาต เล่าถึงแนวคิดหลักของกู้ยืมเงินโดยใช้สินทรัพย์ที่มีอยู่เป็นหลักประกันเพื่อนำไปลงทุนเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้นว่า นี่ไม่ใช่เรื่องใหม่และเป็นสิ่งที่ทำกันมานานแล้วทั้งในประเทศและต่างประเทศ
บริการนี้มักถูกเรียกว่า Margin Loan หรือ Collateralized Loan โดยบุคคลหรือธุรกิจสามารถนำสินทรัพย์ต่างๆ เช่น หุ้น กองทุนรวม หรือแม้แต่ที่ดิน มาเป็นหลักประกันเพื่อขอสินเชื่อจากธนาคารหรือโบรกเกอร์ เพื่อนำไปลงทุน
แม้ว่าวิธีนี้จะสามารถนำไปสู่การเติบโตอย่างมาก อย่างที่เห็นจาก "เจ้าสัว" หลายท่านที่ใช้หลักการนี้ในการขยายธุรกิจให้ใหญ่ขึ้น แต่ก็มีความเสี่ยงต่างๆ ที่ผู้กู้ต้องให้ความสำคัญเช่นกัน
สุดท้ายนี้ ไม่ว่าสูตรเงินฟรี 17% จะใช้ได้จริงหรือไม่ แต่ถ้าเราจะเริ่มต้นลงทุน หรือกู้มาลงทุน ยิ่งต้องเข้าใจความเสี่ยง และเตรียมใจให้พร้อมกับทุกสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น
อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดีได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : เปิดสูตรไม่ลับ “เงินฟรี 17%” กู้ดอกต่ำ ลงทุนกำไรสูง แต่เสี่ยงขาดทุนแค่ไหนต้องรู้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- “หุ้นกู้คืออะไร?” เปิด 5 ความเข้าใจผิดๆ ที่นักลงทุนมือใหม่ควรรู้ก่อนลงทุน
- ติดดาบ ก.ล.ต.สกัดแก๊งปั่นหุ้น ครม.เคาะ พ.ร.ก.ตลาดทุนเพิ่มความเชื่อมั่นนักลงทุน
- 4 หุ้นกู้จากบริษัทใหญ่ จับจังหวะซื้อ ก่อนดอกเบี้ยปรับตัว เปิดขาย มี.ค.นี้
- 10 หุ้นกู้ออกใหม่ขายรายย่อย ขายเดือนกรกฎาคม ดอกเบี้ยสูงสุด 5.10%
- 4 หุ้นกู้ เสนอขาย เม.ย. จ่ายดอกเบี้ยสูงสุด 5.3% รายย่อยไม่ควรพลาด
ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath