โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

นาร์ซิสซัสในทุ่งยางมะตอย

The Momentum

อัพเดต 21 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 6 ชั่วโมงที่ผ่านมา • THE MOMENTUM

ในโพยนิทรรศการ 2 หน้ากระดาษนั้น อ่านไปก็วงไปขีดเส้นใต้ไป แต่ไม่คิดว่าเป็นการตรวจงานตรวจการบ้าน วงคำว่า ‘วาด (graphê)’ ‘เขา’ ‘อะไร’ ‘พาภ’ ลากเส้นใต้บางประโยค บางวลีและสำนวน ก็คงและควรต้องวงและขีดเส้นเพราะบางคำราวรหัสขุมทรัพย์ ‘:kd [iirdk]’

เคยนึกในใจว่าจะเป็นไงนะหากเขียนถึงนิทรรศการที่เราไม่ได้ดู นึกอีกทีก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะทั้งผู้เรียนและผู้สอนในชั้นไม่ได้เห็นของจริงของแท้จากทุกภูมิภาคมุมโลกอยู่แล้ว จะมีสักกี่เปอร์เซ็นต์เป็นประสบการณ์จริงหรือตรง ซ้ำร้ายประสบการณ์ตรงหรือจริงอาจไม่ได้มาพร้อมกับการคิดวิเคราะห์ ซึ่งมักเป็นอุบัติการณ์ภายหลัง แน่ะ เล่นคำโตเหมือนช้างตายทั้งตัวเอาใบบัวปิด จะมิดหรือไม่มิดไม่ได้อยู่ที่ขนาดของใบบัว แต่อยู่ที่มโนภาพการเล่นล้อ (เซอร์เรียลกระมัง) ตำราหนึ่งของโปรเฟสเซอร์ฝรั่งเศส ปิแยร์ บายารด์ (Pierre Bayard) มีชื่อที่เหมือนจะหนุนการ ‘เคยนึกในใจ’ ว่า ‘ทำอย่างไรจึงจะพูดถึงหนังสือที่เราไม่ได้อ่าน?’ (Comment parler des livres que l'on n'a pas lus?) เริ่ดและประเสริฐแท้! เปล่า ไม่ใช่การอุปโลกน์ความรู้และมันก็เข้าตัว เพราะไม่ได้อ่านมันเหมือนกัน

คำถามตอนนี้หรือประเด็นตอนนี้คือ ทำอย่างไรจึงจะเขียนถึงนิทรรศการที่ยังไม่ได้ดู และไม่รู้ว่าจะได้ดูหรือเปล่า จะเขียนถึงนิทรรศการของ ธาดา เฮงทรัพย์กูล ที่ HOP Gallery โดยยังไม่ได้ไปชม ทำไงหว่า

Trailer I: “มันวิปลาสผิดแผกพอๆ กันกับเรื่องราวที่เขากำลังเล่า”

เหมือนก่อนได้ดูหนังแล้วมีหนังตัวอย่างมาประเดิมการรับรู้ไปก่อน ได้ชิมลิ้มอารมณ์ไปล่วงหน้า คิวเรเตอร์ส่งโพยเนื้อความที่โปรยคำมาล่อ อ่านแล้วหรือระหว่างอ่าน จึงได้ทั้งวงกลมและขีดเส้นใต้

ด้วยว่ามันเป็น Trailer ในความหมายของคำ ทั้งเล่นคำ ทั้งทำคำเป็นภาพ ตัด แยก เว้นช่วง ทำทึบ ขีดเส้นใต้ (ราวรู้ว่าจะมีการขีดตามในภายหลัง) เป็นโพยที่ Inspired มากกว่า Inform คือ -in กับสิ่งที่เขียนเรื่องที่กำลังสื่อเสนอ แทนที่จะบอกเล่าข้อมูลแห้งๆ แข็งๆ ใครทำอะไรเรื่องอะไรที่ไหนคอนเซปต์ว่าไง แบบที่เรามักเคยคุ้นและพูดเล่นทีจริงว่า อ่าน Wall Text จบก็เห็นงานหมดเกลี้ยง จนไม่ต้องดูชมงาน โพยแถลงหมดเปลือก แกะไว้ให้กลืนเสร็จสรรพ แต่หนังตัวอย่างหรือตัวบทเกริ่นนำในที่นี้กลับตัดต่อไม่ให้เดาโครงเรื่องจนผู้ชมเห็นตอนจบ กระทั่งชื่อยังพิสดาร ‘phôtos, พาภ, :kd [iirdk]’ จะต้องถอดกันกี่ชั้นเนี่ยถึงจะเข้าใจ

หรือจะเป็นนิทรรศการผลงานออกรสกวี ดลใจการเขียนถึงปานนั้น กระทั่งท้ายบทยังอุตส่าห์อ้างโคลงกลอนของ ซัลบาโดร์ ดาลี (Salvador Dali) ว่าด้วยจิตรกรรม ‘Metamorphosis of Narcissus: นาร์ซิสซัสกลายร่าง’ ตัวบทตัวอย่างตัดต่อเสียจนให้ความรู้สึกว่า ไม่น่าจะใช่หนังคอมเมอร์เชียล แต่เป็น Film d’auteur

ดูยากแหง แถมพลอยจะพาหลับไหมนะ

ไม่น่าจะง่วงนะ เทรลเลอร์ออกจะตื่นตาตื่นใจ เพราะใน ‘เขา’ ใน ‘อะไร’ ออกจะมีอะไรที่เซ็กซ์ชวลและอีโรติกถึงได้ต้องขีดเส้นใต้ไว้ดูเอง : “ปรากฏการณ์อันพิลึก เข้าจังหวะของการโยก ลื่นไหล” (อย่าเพิ่งซี้ด) “อาจเหนี่ยวนำให้รู้สึกหรือเจ็บจากแรงกระแทก” (เอาเข้าไป…) “กว่าเราจะรับแรงและรู้ถึงการกระแทก” (อีกแล้ว) “สิ่งที่สัมผัสผ่านผัสสะตาเนื้อสู่การลูบไล้ด้วยตากับพื้นผิว” (ละมุนหน่อย)

และแค่ขึ้นต้นบรรทัดแรกมาก็ชวนเอะใจแล้วว่าอยู่ไหน ทำอะไร: “ที่นอนสีขมุกขมัว หมอนสองใบที่วางอีเหละเขะขะ และผ้านวมวางกองไหลย้อยตรงปลายเตียง”

บอกหน่อยเถิดว่า Before or After… or During…

จะออกเรตอายุต่ำกว่าเท่าไรนะจึงจะชมดูได้

อ้าว เรื่องนาร์ซิสซัสที่อ้างถึงมันก็เรื่องรักๆ เสน่หาอยู่แล้วนะ เด็กหนุ่มไม่รักสาวนางไม้ กลับมาหลงรักเงาตนเอง (กลุ่ม LGBTQ คงต้องเติม N (Narcissus) และ R (Reflection) ต่อเข้าไปด้วยไหม) เปลี่ยนร่างเป็นดอกไม้ หวานซะงั้น!

แล้วภาพแผ่นนั้นของดาลี มันก็ทำให้อ่านภาพ 2 แบบจะๆ ด้านหนึ่งฟอร์มกลมกลึงของนาร์ซิสซัสจมจ่อมใกล้ลงน้ำ เคียงข้างกัน กลไกแบบเซอร์เรียลก็แปลงฟอร์มเดิมเป็นมือถือไข่ (ที่เคยเป็นส่วนหัว) มีพืชดอกงอกออกมา: “At the tips of its fingers the hand is holding an egg, a seed, a bulb, from which will be born the new narcissus… the flower” ไม่ต้องแปลก็เต็มตาเต็มภาพนัยน์ตา

ฉะนั้นแล้ว ไม่ได้แปลกอะไรหากตัวบทที่มีชื่อแกะลำบาก จะมีแรงกำลังอีโรติกขับเคลื่อนแทรกกระแทกภายใน วรรณกรรมหลากเรื่อง ข้อเขียนจำนวนไม่น้อย มีพลวัตจากกระแสพลังแบบเดียวกัน สายจิตวิเคราะห์คงกระหยิ่มยิ้มย่องมองเชื้อออก

เถอะนะ เถอะนะ ในแทบทุกเรื่อง ในหนังแทบทุกเรื่อง ไม่เว้นแม้แต่หนังตัวอย่าง จะมี Easter Eggs ปะปน พบอยู่ 2 ฟองในโพย ฟองหนึ่งคือ ‘วาด (Graphê)’ ยัง ยังไม่วาด แค่ ขีด เขียน จารึก ยังไม่ทันลงสีในรูปของ ‘วาด’ ที่พาไปถึงสี ยังเป็นแค่ écrire/ Write, Dessiner/ Draw ยังไม่ลงสี หรือจะเป็นกราฟิก ก็ยังเป็นกราฟิกลายเส้นลายคำที่ยังไม่ใช่สี

ฟองสอง ‘fossils hand of the water ซากมือมนุษย์’ แล้ว of water หรือ Water ไปหลบแปลอยู่ไหน ข้ามไป? ละไว้? แต่ ‘น้ำ’ นะ น้ำ น้ำๆ มันไหลลงน้ำไปแล้วหรือ? แปลงเป็นดอกไม้ทรานส์ไปแล้วหรือไง? หรือแอบไปฟักใน graphê…

“ตรงปลายนิ้วมือถือไข่หนึ่งฟอง” จะให้มันแตกปริออกเป็นดอกตามท้องเรื่องไปเพื่ออะไร ‘วาด’ มันเสียใหม่ แล้วเอา ‘น้ำ’ ไปซ่อน

เราไม่จำเป็นต้องตั้งไข่เหมือนชาวบ้าน

Trailer II: ‘พาภ’

เพิ่งเดาออกว่า เป็น Mirror Effect หรือหนองน้ำกระจกของพ่อหนุ่มนาร์ซิสซัส เงากลับด้านแบบไม่เป็นภาพ

ยังดีว่าไม่ได้ส่องด้วยกล้อง Kaleidoscope กล้องสลับลาย คงมึนหัวไปกับ าภพ ภพา าพภ ภาพ พาภ

หนังตัวอย่างแรกมาเป็นคำและ ‘พาภ’ พิลึกพิลั่น ตัวอย่างที่ 2 แห่ขบวนมาเป็นพาพจากรอบ Premier หรือปฐมฤกษ์ Red Carpet ที่แขกหรือผู้ชมมาดูภาภจำนวนไม่น้อยแต่งกายออกโทนขรึมครึ้มค่อนไปดำ ตามเทรนด์ตอนนี้ที่วันแรกมักคมขำต้องดำไว้ก่อน

ยังคงไม่ได้ดู แต่คิวเรเตอร์เป็นใจหรือเห็นใจ ส่งพาภมาให้เป็นกุรุส คงหวังสมมติให้มโนภาพว่าได้มา เลยเลือกชุดสวมไม่ถูกว่าจะคงดำอิงเทรนด์ หรือลายช้างเกร่อๆ เผลอไปเป็นนักท่องเที่ยว เปิดพาพดูไปก็พยายามจิ้นไปว่าร่วมลงพิธีวันเปิด ตัวอย่างที่ 2 ทำให้เห็นคนมากกว่า ‘เขา’ และนาร์ซิสซัส และดาลี และธาดา-ศิลปิน

พิธีเปิดนิทรรศการเป็นอีกหนึ่งพิธีกรรมของนิทรรศการร่วมสมัย มีอะไรให้พูดถึงมากมายแบบเดียวกับที่ตอนนี้อาจถามขึ้นมาว่า “ทำอย่างไรจึงจะพูดถึงพิธีเปิดนิทรรศการที่เราไม่ได้ไปร่วม” ตอบกันแบบห่ามๆ ก็ดูและสู่รู้เอาจากบรรดาพาภถ่ายที่ส่งมานี่แหละ คือกว่าจะถึงตัวงานในพื้นที่ หนังตัวอย่างก็มาแย่งชิงแถวหน้าไปก่อนแล้ว ซ้ำ Trailer II ยังเป็นภาพถ่ายในพื้นที่ที่บอกชัดว่า Hub of Photography ตัวอย่างที่ 2 เลยกรูกันมาอย่างชอบธรรม

ถึงได้เห็น

ว่าชื่อนิทรรศการ A Rocking Road to the Moon: ยืนบนถนนคนสู้เพื่อฝัน ออกแบบมาโยเยเอียงล้มกระเท่เร่ แต่เก๋ไม่หยอก จนต้องเขียนไปถามใครนะออกแบบแสนเริ่ด เหมือนอะไรบางอย่างมันลุ่มๆ ดอนๆ ล้มลุกคลุกคลาน คว่ำหน้าหงายหลัง คือไม่ตรงราบเรียบ เปรียบเป็นถนนคงราดไม่สม่ำเสมอ เป็นหลุมเป็นบ่อ ทุลักทุเล เข้าคอนเซปต์แบบเดียวกับการถ่างแยกย้ายโยกเอนบางคำ วลี ในโพย ที่บอกว่า “ทาบเอาภาพฉากประดิษฐกรรมตรงหน้าของธาดาจดตอกกรอกลงระบบสัญญะ”

ว่าคำโปรยเบื้องล่างชื่อนิทรรศการตรงผนัง ตัดตอนมาจากโพย เลือกมาตรง “ภาพสัปปายะสภาสถาน อาคารรัฐสภาทรงเครื่องยอดแบบไทยสีทองเป็นริ้วไหว”

ตอนพรินต์โพยออกมาอ่าน เกือบไม่เห็น ‘สีทอง’ ที่กลายขาว กลบใต้สีขาวจนเห็นจางๆ ทำให้ประโยคแหว่ง แยก ‘เป็นริ้วไหว’ ออกมาให้โดดเดี่ยวเล่น

ตกลงว่า หิน ถนน พระจันทร์ ยืน ฝัน แล้วก็ สู้ นี่มันเป็นการ ‘ริ้วไหว’ กลายๆ หาใช่เรื่องรักเรื่องใคร่ประเภทมองเงาตนเองแล้วกลายเป็นบุปผาผกากรองหรอกหรือ ไหงมี ‘เครื่องยอดแบบไทย’ แซมออกมาด้วยเหมือนแตกออกจากฟองไข่ปลายนิ้วของดาลี

ถนนเลยออกจะขรุขระ ขลุกขลักตะกุกตะกักเหมือนบางตอนในโพยและดีไซน์ชื่อนิทรรศการ และ ‘พาภ’ ก็ฟ้องมันออกมาก่อนได้ไปดูจริง ถนนในชื่อเหลือชื่อถนนเป็นเศษเสี้ยวส่วนชิ้นส่วนของถนนวางบนพื้นแกลเลอรีราบเรียบ เป็น Rocking Road ที่ไม่ชวนให้ฝัน เพราะดันพาดไปยังความเป็นจริง นึกทวนไปถึงเพียงฟุตบาทที่ย่ำทุกเช้าเย็นระหว่างทางไปทำงาน 3 วันเรียบ 4 วันตะปุ่มตะป่ำ และชั่วนาตาปี จนต้องฝันกลางวันว่ามันจะเรียบถาวร ไม่ต้องยุบยวบขึ้นลงราวจะโยนสู่สวรรค์ พระจันทร์คงรับไม่ไหว

ณ ตอนนี้ นิทรรศการถูกโอนถ่ายเป็นพาภถ่าย อยู่ในสภาพพาภ ไม่ใช่วัตถุในภาพ เป็นภาพถ่ายวัตถุของนิทรรศการ หรือจะพูดได้ว่า ภาพ/ พาภถ่ายวันเปิดกลิ้งไปปนกับนิทรรศการโดยไม่เป็นวัตถุในนิทรรศการ ทำหน้าที่ถ่ายนิทรรศการเป็นร่างเป็นกายผู้ชมและศิลปินและคิวเรเตอร์ เป็นเศษเสี้ยว Fragment ของนิทรรศการที่แสดง Fragment ของถนน และวัตถุจากถนนเช่นแบร์ริเออร์

แล้วจะรู้ไหมว่า ‘แบร์ริเออร์’ และ ‘สัปปายะ’ แปลว่าอะไร ดูจะเป็นคำต่างประเทศต่างภาษาทั้ง 2 คำ ภาษายากจริง นิทรรศการก็เล่นไม่ง่าย

ความที่มันยังเป็นพาภถ่าย ยังแบนๆ ในจอในความจำ หลายอย่างจึงหลุดรอดไปจากการพึ่งหลักฐานเชิงประจักษ์ เช่น เศษซากพื้นถนนพร้อมเส้นคาดสีเป็นของจริงจากถนนจริงหรือจำลองขึ้นมา แท่นแบร์ริเออร์นั้นก็ด้วย หล่อขึ้นมาใหม่หรือของแท้ใช้งานจริง พาภถ่ายไม่ได้ประกันความจริงแท้ (ประสาอะไรกับการถ่ายรูปถ่ายวิดีโอตอนแกะพัสดุ) แต่ก็ไม่ได้แปลว่าหลอกตา จะแตกต่างกันไหมระหว่างการสื่อเสนอของจริงของแท้ และการสื่อเสนอของเทียมของจำลองให้เหมือนของจริง เพราะบางทีความหมายและเจตจำนงก็มักวกมาประจวบกันในหลากแง่มุม พร้อมลุ่มและดอนกระดอนกระเด้ง

ภาพถ่ายพามาถึงขีดจำกัดของการรับรู้ ขีดจำกัดในตัวและนอกตัว เมื่อมันจริงแค่ตัวมัน แต่มันไม่ถ่ายความจริงแท้ออกมาแบบ 100% และผู้ชมก็ตัดสินไม่ได้ กระทั่งไม่รู้ว่าคืออะไรในตัวมัน บนพื้นที่มีทรงยอดเหลี่ยมพลิ้วไหวหรือริ้วไหว นี่มันเป็นยังไงนะ อ่านพาภไม่ออก เลยเขียนถามคิวเรเตอร์ ตอบกลับมาดังความว่า

“ชิ้นงานที่วางบนพื้น ทำขึ้นจากการหล่อหลุมจริงด้วยปูนปลาสเตอร์ เพื่อนำมาทำแบบในการหล่อเรซิน ก่อนนำไปพรินต์ลงบนด้านผิวที่เรียบ(หน้าตัดของถนน) ด้วยวิธีการ UV Print อ่าครับ เช่นเดียวกันกับชิ้นใส่ แต่สำหรับชิ้นใสจะพรินต์สลับด้าน หันภาพเข้ามาให้มองผ่านมุมมองพื้นผิวขรุขระซึ่งแทนที่จะอยู่ด้านล่างแทนอ่าครับ และในส่วนแบริเอร์ ฐานที่เป็นเหมือนปูน ใช้วิธีการหล่อไฟเบอร์กลาส (…) โดยปรับให้ฐานที่เป็นหน้าตัดโค้งมนรองรับการโยกครับ ส่วนภาพที่ขึ้นเป็นพรินต์อิงค์เจตบนไวนิลครับผม”

สรุปสั้นคือภาพในภาพ พาภในภาพถ่ายวันเปิดนิทรรศการ

ตรงนี้ต้องอาศัยคำมากำกับชี้แจง เพราะเมื่อพึ่งแต่ภาพและสายตานอกภาพนอกเหตุการณ์ จะได้แค่ภาพของภาพอะไรสักอย่างวางบนพื้นเหมือนเศษซากถนนเป็นก้อนตามพื้นแกลเลอรี

ภาพถ่ายกลายเป็นหนังตัวอย่าง ทั้งหนังตัวอย่างและภาพถ่ายต่างมีคุณสมบัติเฉพาะตัว ครั้นภาพถ่ายยังรั้งไม่พาไปถึงของจริงเสียที ตอนนี้คงต้องประเมินตัวภาพแทนหรือภาพตัวแทนของนิทรรศการผลงาน ภาพถ่ายหลายภาพจับตา อาจด้วยว่ารู้จักคนในภาพ หรือองค์ประกอบภาพมันโดน เช่น ภาพนิพันธ์-ศิลปิน ยืนอารมณ์ดีต่อหน้าภาพถ่ายซึ่งระโยงระยาง ล้อไปกับอีกภาพถ่ายไกลเหมือนแอบถ่าย เห็นผนังซ้ายและฝั่งขวามีคิวเรเตอร์ยืนมองหันข้าง เห็นภาพถ่ายศิลปินเป็นเงาเบลอดำตะคุ่ม อีกภาพยืนหรือเดินไขว้ขา รับกับโครงพลิ้วของภาพในจอด้านหลัง ภาพชายเงาเบลอดำล้นกรอบหน้ามีผู้หญิงยืนมองอ่านชื่อและคำโปรยนิทรรศการตรงพื้นหลัง หรือภาพน้องผู้หญิงสะพายกระเป๋าห้อยตุ๊กตุ่นโก้งโค้งหรือยองนั่งจดจ้องของบนพื้น น้องผู้ชายแขนสัก (หรือผ้าแนบเนื้อ หรือสติกเกอร์ ไม่รู้ได้) นั่งยองก้มมองแบบเดียวกัน แล้วก็คนดูอื่นๆ ในอิริยาบถพ้องกันที่ต้องก้มหน้า

จึงได้บรรลุว่า ทำไมต้องนาร์ซิสซัส ภาพพาไปประจบกับคำ ทั้งคำจากเรื่องเล่าและจากโพยที่แพลมออกมาแล้วถึงการมอง ‘กระจกผิวขรุขระจากหลุมเหลวเป๋วของริ้วน้ำกระเพื่อม’

แล้วนี่ถ้าติดตั้งตรงเพดาน ผู้ชมซึ่งต้องเงยหน้าแหงนคอตั้งบ่ามิต้องกลายเป็นดอกทานตะวันรึ

พระจันทร์ก็จะแปลงเป็นพระอาทิตย์

ตรงนี้แหละ ถึงต้องถามว่าทำไมต้องนาร์ซิสซัส ทำไมการก้มหน้ามองวัตถุตามพื้น เราท่านจึงจะเป็นดอกนาร์ซิสซัสที่มาจากการหลงเงาตนเอง แล้วศิลปินนิพันธ์และคิวเรเตอร์หน้าตรงล่ะ จะเป็นดอกไม้อะไร ทำไมกระจกน้ำจึงจะแขวนแนวตั้งไม่ได้

หรือว่าเงาที่เราเห็นหรือไม่เห็น มันอาจสะท้อนอยู่ในทุกระนาบและองศา จะก้ม จะเงย จะหน้าตรง เอียงข้าง ก็เกิดการล้มลุกคลุกคลานมาแต่ไหนแต่ไร จะนาร์ซิสซัส ทานตะวัน เบญจมาศ ยี่โถ ต่างก็บานบนถนนอิดโรย ล้มระเนระนาด ก้านคอหักพับ เอาไปปักลงแจกันหรือโชว์ที่ไหนก็ไม่งาม

เหตุนี้กระมัง ก่อนจะไปถึงดวงจันทร์ ทำถนนให้เรียบก่อนเถอะ!

‘นอกเรื่อง’: ชื่อเมล 27/05/25

‘สัปปายะ’ แปลว่าอะไรนะ

คิวเรเตอร์มิวายส่งข้อความมาพ่วงโพยที่ส่งมาก่อนแล้ว

“เมื่อวานก่อนนอนแอบหยิบเล่มsur la lectureมาอ่านเล่น นอกจากจะอ่านถึงช่วงการบรรยายเรื่องผ้าที่กอง กับเตียงนอน ที่รู้สึกว่า มันคล้ายกันอย่างบังเอิญกับตัวข้อความที่พีทเขียนตอนต้นของ Text นิทรรศการธาดา อีกส่วนที่อยู่ก่อนหน้านั้นที่พูดถึงฉากการบรรยายการโต้ตอบระหว่างคุณแม่บ้าน ช่างจับใจยิ่งกว่าครับ

“(…) แต่เธอคิดว่าจำเป็นต้องพูด ‘นั่งแบบนั้นไม่สบายหรอก ดิฉันขยับโต๊ะมาให้ดีใหม?’ และเพียงเพื่อจะตอบว่า ‘ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณมาก’ คุณต้องหยุดอ่านหนังสือทันทีและพาเสียงของคุณกลับมาจากสถานที่อันไกลโพ้น ที่อยู่ลึกเข้าไปข้างในหลังริมฝีปาก เสียงของคุณที่พูดซ้ำทุกคำที่ตาของคุณอ่านอย่างไร้เสียงและเร็วเหมือนวิ่ง คุณต้องหยุดและดึงเอาเสียงออกมาเพื่อให้เอื้อนเอ่ยได้อย่างสุภาพว่า ‘ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณมาก’ เพื่อมอบความรู้สึกของการใช้ชีวิตที่ปกติและน้ำเสียงที่เหมาะแก่การตอบคำถามซึ่งก่อนหน้านี้ได้หายไปจากเสียงนั้น และเวลาก็ผ่านไป ผู้คนทยอยเข้ามาในห้องอาหารล่วงหน้านาน”

คราวหลังก็อย่าอ่านอะไรต่อมิอะไรก่อนนอน ตอนอ่านนี่ก้มหน้าหรือเงย จะเป็นดอกอะไรดี

ทำไมดูท่าจะหมกมุ่นกับที่นอนหมอนมุ้งนักนะ รู้มั้ยว่าที่พรูสต์เขียนน่ะ ในต้นฉบับเดิมเป็นบทพรรณนาข้าวของวัตถุยาวเฟื้อยไม่จบประโยคเสียที เลื้อยร้อยเป็นเถาวัลย์พัลวัน แถมต้องแกะคำแกะประโยคอย่างระวัง มันยาวต่อเนื่องไม่ตะปุ่มตะป่ำเป็นปลักตมแบบถนนสายโลกที่ 3

ถ้าจะให้เหมือนพรูสต์ คงต้องบอกละเอียดหน่อยว่า หมอนปักหรือไม่ปัก เตียงทำจากไม้อะไรหรือเหล็กโลหะ ฟูกหนากี่เซนฯ พรูสต์จงใจบรรยายเสียทุกชิ้น (ก็คงหลงรอดไปบ้างกระมัง) แต่ไม่ได้ไป ‘ยืนบนถนนคนสู้เพื่อฝัน’ (สงสัยว่าพรูสต์จะนึกชื่อภาษาไทยแบบนี้ไหม) แค่อยากหลบไปอ่านหนังสือในห้องที่ไม่มีใครมาแทรกรบกวน ด้านหนึ่งพรูสต์ก็ดูจะเอาใจใส่สิ่งละอันพันละน้อย ให้ค่ากับข้าวของเครื่องใช้ อีกมุมหนึ่งก็เหมือนจะมีนัยว่า มันอยู่ในที่ทางของมัน ไม่เอะอะมะเทิ่งกวนสมาธิ คืออยู่เฉยๆ น่ะดีแล้ว

มันไม่เฉยนิ่งนะสิ พูดถึงมันอาจไม่ได้แปลว่าพูดแทนมัน แต่มันทำให้พูด มันพูด เศษซากถนนบนพื้นก็เช่นเดียวกัน มันไม่ได้มาเป็นผืนประโยคต่อเนื่องเนื่องจากถูกขุดทุกเมื่อเชื่อวัน มันไม่ได้ลากยาวเป็นเนื้อเดียวกันเนื่องจากพระจันทร์ยันพระอาทิตย์ต่างไม่เป็นใจ มันไม่ได้เรียงต่อเป็น Puzzle ก่อตัว เนื่องจากมีหินคอยขัด มียางมะตอยคอยขวาง มีสีคาดคั่น มีนานาอุปสรรคแบบเดียวกับแบร์ริเออร์กีดกั้น ประโยคที่ได้เรื่องที่สุดอาจเป็นเพียงคำๆ บางวลี มาเป็นท่อน เป็น Fragments

จำเป็นอะไรต้องกลายร่างเป็นดอกอะไรสักดอก ในเมื่อแค่หว่านเมล็ด รากมันก็งอกลง

คือบางที อย่าไป Textual กับมันนัก เพราะ Texture กับ Visual มันก็เสียงดังพอ ดูตัวอย่างชื่อนิทรรศการสิ

อ้อ! แล้วเรื่องเสียงในท่อนแปลนั่น ออกจะ Textual ไปจนไม่ค่อยรู้เรื่อง เสนอแบบนี้ละกัน

“โชคร้าย แม่ครัวมาเตรียมจัดโต๊ะไว้ล่วงหน้าเสียนานโข ถ้าหล่อนทำไปโดยไม่ปริปากอะไรคงจะดีอยู่หรอก แต่หล่อนกลับคิดไปเองว่าสมควรต้องพูดออกมา ‘คุณนั่งไม่สบายเท่าไรนะคะ ให้ดิฉันเลื่อนโต๊ะมาให้เถอะค่ะ’ และแค่ตอบไปว่า ‘ไม่เป็นไร ขอบคุณครับ’ ก็ต้องเค้นเสียงออกมา ระงับเสียงพึมพำเงียบเชียบในปากที่กำลังไล่กวดตามทุกคำที่กวาดตาอ่าน ต้องระงับเสียงนั้นไว้ เอ่ยมันออกมา และการจะบอกอย่างสุภาพว่า ‘ไม่เป็นไร ขอบคุณครับ’ ก็ต้องทำทีให้เป็นปกติวิสัยและมีโทนทุ้มของการตอบซึ่งต่างก็ได้หลุบหายไปกับเสียงนั้น”

ถ้าจะพูดสำนวนบ้านๆ หน่อย ไม่ต้องมากมารยาทแบบพรูสต์ คงต้องโพล่งมาว่า หุบปาก รำคาญโว้ย!

จะดอกนาร์ซิสซัสหรือดอกอะไรก็ตาม คงหุบไม่ยอมบานไปอีกนาน

Meditation หาใช่สมาธิทำจิตสงบว่างโหวง กลับเป็นการครุ่นคิดกับสุ้มเสียงภายในที่ตามติดตัวบท ‘ไล่กวดตาม’ หรือกลิ้งหลุนๆ ไปกับ Rocking Road แต่ถึงตอนนี้ยังไม่ได้ชมนิทรรศการเสียที

‘จับใจ’ หรือเปล่า ‘อ่าครับ’ ?

***

แดร์ริดาเขียน Mal d’archiveโดยมีการเกริ่นนำอารัมภบทอยู่ยาวเป็นหลายบทตอนราวกับไม่เข้าเรื่องเสียที เป็นโวหารของการถ่วงรั้งรอ เพราะเนื้อหารวมอยู่ในบทถ่วงดึงเหล่านั้น เหมือนจะเกริ่นแต่ก็นำเข้าสู่ตัวบททุกคำทุกประโยค

แต่นี่ไม่ใช่แดร์ริดา Ceci n’est pas Derrida.

เป็นการเขียนล่วงหน้าจากพยานหลักฐานทุติยภูมิ เล่นคำโก้เสียหน่อย คือบันทึกก่อนกาลโดยไม่มีวันเดาได้ว่าจะมีกาลได้ดูชมหรือเปล่า หรือท้ายที่สุดต้องปลอบใจด้วยหนังตัวอย่าง 2-3 เวอร์ชัน และโปรยคำจากคิวเรเตอร์

อาสาฬหบูชา: พฤหัสบดีที่ ๑๐ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘

ฤกษ์ดีไปดูวันพระ ยังดีไม่ได้ดูหมอก่อนไปดู หมอดูก็คงรู้ว่าว่าจันทร์เต็มดวง

แล้วจะถึงสัจธรรมไหมเมื่อมาเจอว่าจันทร์ร็อกกิ้งเป็นเศษเป็นส่วนกองเรียงเป็นหย่อมตามพื้น ขรุขระปรุประแบบที่เราเรียกผิวพระจันทร์คือ Fragments ถนน เป็นก้อนราวเค้กแข็งโป๊กคล้ำช็อกโกแลตและระบายด้วยไอซิงเป็นทางขาวหรือเหลือง กลืนไม่ลง วางเป็นหย่อมเหมือนพื้นแกลเลอรีเป็นพื้นถนนที่ขุดขึ้นมาเป็นจุดๆ

อีกผนังเป็นวิดีโอเส้นทางรถ หรือภาพถ่ายจากข้างทาง เลื่อนเคลื่อนเป็นริ้วคลื่น พะเยิบพะยาบ พลิ้วกระเพื่อมล้อรับไปกับแท่นแบร์ริเออร์จำลอง 3 แท่นตรงฝั่งตรงข้าม ต่างก็ไกวไหวเป็นตุ๊กตาล้มลุก แบกรับภาพถ่ายนานาตึกที่เรียงอัดเป็นตารางตาข่ายลายเรขาคณิต

ว่ากันว่า คือเรื่องถนนมิตรภาพ คือเรื่องเศรษฐกิจ คือเรื่องแรงงาน คือภาพฝันของความรุ่งเรือง ภาพฝันของผู้คนนอกเมืองหลวง

ว่ากันอีกว่า แผ่นจำลองหลุมโพรงมีภาพพิมพ์ติดบนแสดงเงาของแหล่งราชการสักแห่งหรือหลายแห่ง ว่ากันว่าคือบทวิพากษ์อำนาจหลัก อำนาจจากการบริหารการปกครองที่ลดลงเป็นเพียงเงาระริ้วเลือนรางวางบนพื้นให้ก้มดู

หนุ่มนักวิจารณ์คนหนึ่งบอกว่าจัดหนัก: “ธาดาไม่ได้กลับมาแสดงงานเพื่อจิกกัด ขบข่วน ชนชั้นปกครองให้ระคายผิวเพียงเล็กๆ น้อย แต่ตบหน้าต่อยท้องอย่างเต็มแรง ประจานความแหลกเหลว และหลอกลวงของพวกเขา ด้วยการนำเอาเศษซากชิ้นส่วนชำรุดของถนนอันเป็นหลักฐานยืนยันในความเหลวแหลกไร้ยางอายของผู้มีอำนาจ”

ปากจัดชะมัด กลัวจริง เจ็บแทน

เข้าพรรษา: ศุกร์ที่ ๑๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘

เคาะคอมฯ ค้นหา สัจธรรมดันมาจาก AI Overview ที่เข้ามาแทรก :

“คำว่า ‘สัปปายะ’ ในภาษาไทยมีความหมายว่า สบาย เหมาะสม เกื้อกูล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทางธรรม หมายถึงสภาพแวดล้อมหรือปัจจัยที่เอื้อต่อการปฏิบัติธรรม หรือการดำเนินชีวิตอย่างสงบสุข”

จากนั้นจึงยกตัวอย่างว่าอะไรบ้างที่สบาย/ เหมาะสม/ เกื้อกูลในกรอบสัปปายะ เช่น สภาพแวดล้อม อาหาร บุคคล ดินฟ้าอากาศ การสนทนา การเดินทาง จิตใจ

ตบสรุปว่า “ดังนั้นสัปปายะจึงเป็นสิ่งที่สำคัญในการส่งเสริมคุณภาพชีวิตทั้งทางกายและทางใจ”

ไม่ยักรู้ว่าเอไอก็ Irony เป็นเหมือนกัน

ผลงานของธาดาบ่งบอกความหมายของความเป็นเมือง และ/ หรือเมืองหลวง ฉะนั้นแล้ว สภาพแวดล้อม (PM เท่าไรวันนี้) อาหาร (ทุกอย่างหวานเค็มเผ็ดจัดจ้านไปหมด ผักผลไม้ลูกสวยโตปลอดสาร) บุคคล (ปิดที่พักดีๆ ก่อนออกไปทำงาน) ดินฟ้าอากาศ (แอร์ขายดีหลายเท่าตัว ไม่รู้ทำไม) การสนทนา (คุยโทรศัพท์กับใครอยู่นะ) การเดินทาง (500 เมตร รถสปีดกี่เท่า เต่ายังชนะ) จิตใจ (ซึมเศร้าขึ้นทะเบียนมรดกโลกที่จับต้องไม่ได้หรือยัง) บรรดาเหล่านั้นจึงพากันเกื้อกูลให้ผิวถนน เหมาะสมแสนสบายจนไม่ต้องตะเกียกตะกายถึงพระจันทร์

ไม่รู้ผิดที่คำ หรือเพี้ยนที่เอไอ เพราะนิยามนั่นไม่การเมืองเอาเสียเลย การเมืองที่ไหนนะที่สรรพสิ่งจะเกื้อกูลเหมาะสมสบายปานนั้น นั่นไม่ใช่การเมือง การเมืองที่ไม่หือไม่อือ นั่นเรียกว่าอำนาจเบ็ดเสร็จ

จิตกระหวัดไปถึงผลงานรถถังแช่น้ำเค็มในนิทรรศการก่อนๆ หน้า

คำทิ้งท้ายในโพยนิทรรศการ: “นี่คือเศษซากบรรพกาลของสายน้ำที่กำลังแข็งตัว เสี้ยวที่แตกและแหกกฎเกณฑ์”

คือมันไม่ได้มาอย่างเบ็ดเสร็จ ยกมาเป็นดุ้น เป็นก้อนทื่อ แต่จำลองมาเป็น Fragments เป็น ‘เสี้ยว’ และเจ้าเสี้ยวนี่เองที่ยิ่งกว่าคำพูดประณามใดๆ

ลองเอาท่อนฮุกที่ทำเอากระจุกของนักวิจารณ์หนุ่มคนนั้น ไปเทียบกับ ‘ท่อนส่วน’ ของนักวิจารณ์ต่างรุ่นต่างสัญชาติ โรล็องด์ บาร์ตส์ บอกว่า “การเขียนเป็นท่อนส่วน (Fragments) ทำให้ท่อนส่วนเป็นหินที่วางวนเป็นวงกลม ผมขดตัวเป็นวง จักรวาลน้อยๆ ของผมเป็นเศษเสี้ยว ตรงกลางล่ะ มีอะไร?” ไม่รู้หรอก มีแบร์ริเออร์ชูป้ายตึกมั้ง แต่ท่อนส่วนก็ถือเป็น “โวหารประเภทหนึ่ง และโวหารก็เป็นชั้นของภาษาที่เอื้อให้ตีความอย่างดีที่สุด”

เสี้ยวส่วนของถนนบนพื้นแกลเลอรีคือโวหารนั้น เสมือน/ แสร้งตะกุกตะกัก เป็นหยิบหย่อม บิเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยราวคุกกี้ช็อกโกแลตที่ชวนหวานอมขมกลืน แต่ “จากท่อนส่วน เราก็ไถลถึง ‘บันทึกประจำวัน’ (Journal) บาร์ตส์ย้ำว่าในศตวรรษที่ 16 ตอนที่เริ่มมีการเขียน ‘บันทึกประจำวัน’ เราเรียกกันว่า Diare (Diary) นักภาษาศาสตร์ตัวยงจับไดอารีมาเชื่อมต่อเล่นคำกับ Diarrhée (Diarrhea) และ Glaire = ท้องร่วงและมูกหรือเมือก

บันทึกประจำวันซึ่งมาจากการเขียนเป็นท่อน มีสภาพเหมือนของเสียที่ถ่ายทอดออกมา ขับออกมาเป็นเมือกมูกมูล ทว่าก็คือโวหารอย่างหนึ่ง

มันจะแรงปะทะกับหมัดหนักของนักวิจารณ์ไทยก็ตรงนี้ ตรงที่เอาความหมายเคลื่อนเปื้อนไปต่อติดกับเศษซากยางมะตอยทั้งหลายที่ประหนึ่งของทิ้งขว้าง ของเสีย ขับมาจากผืนแผ่นดิน เป็นทั้งกาก หน้ากาก แห่งแผ่นดิน และสิ่งแปลกปลอมที่ ‘แตกและแหกกฎเกณฑ์’

ปวดท้องชะมัด

แม้หนุ่มนั่นจะหมัดหนัก ทว่าการเมืองใน A Rocking Road to the Moonก็เป็น ‘ชั้นของภาษา’ ทบซ้อนบางซับ คือเลเยอร์บางหลายเลเยอร์ที่วางทับรอให้ค่อยๆ แกะ ค่อยๆ ปลดถลก ไม่ได้ ‘สบาย’ ไม่ใช่เรื่อง ‘เหมาะสม’ หรือไม่เหมาะ ไม่รู้ไป ‘เกื้อกูล’ สิ่งใดอะไร

ปฏิกูลบนดวงจันทร์คงเช็ดเท่าไรไม่หมดไม่เกลี้ยง

ในทุ่งยางมะตอย นาร์ซิสซัสจะแปลงโฉมเป็นดอกไม้ได้หรือ เพราะก้มลงไปก็ไม่เห็นแม้แต่เงาตนเอง เงยมามองภาพตึกเหนือแบร์ริเออร์ก็แสนอึดอัด หันหาภาพวิดีโอก็ย้วยไหลเวียนวิง

“คุณนั่งไม่สบายเท่าไหร่นะคะ ให้ดิฉันเลื่อนโต๊ะมาให้เถอะค่ะ (…) และการจะบอกอย่างสุภาพว่า ‘ไม่เป็นไร ขอบคุณครับ’ ก็ต้องทำทีให้เป็นปกติวิสัยและมีโทนทุ้มของการตอบซึ่งต่างก็ได้หลุบหายไปกับเสียงนั้น”

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก The Momentum

ทำความเข้าใจ-เคลียร์ปมเลื่อนนโยบาย รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย กับโฆษกกระทรวงคมนาคม

7 ชั่วโมงที่ผ่านมา

เกาหลีใต้แบนโทรศัพท์ในห้องเรียน หวั่นนักเรียนเสพติดโซเชียลฯ ด้านกลุ่มคัดค้านชี้ ‘ลิดรอนสิทธิมนุษยชน’

9 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง 9 ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดชุดใหม่

TNews

ฝ่ายปกครอง อ.ตะกั่วทุ่ง-ชรบ.รวบผู้ต้องหาพร้อมยาบ้า 175 เม็ดที่เขาเปาะ

สยามรัฐ

พ่อเฒ่าตามง้อเมีย จู่ๆ ชักปืนยิงโดนขา ก่อนตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง สุดช็อกกลางตลาดนัด

Khaosod

ตร.กระทุ่มแบน รวบโจรลักรถ2ผัวเมีย เค้นสอบตามคืนเจ้าของได้ 9 คัน

สยามรัฐ

ญี่ปุ่นยกเลิกทริปวอชิงตันนาทีสุดท้าย ติงแก้ภาษีก่อนดีลลงทุน 5.5 แสนล้าน

Manager Online

(คลิป) “แม่ทัพกุ้ง”ลั่น! พบทหารเขมรลอบวางทุ่นระเบิดยิงได้ทันที ยันยังไม่สมควรเปิดด่านชายแดน

Manager Online
วิดีโอ

วิทเยนทร์ เผยจับตาศาลรธน.พรุ่งนี้ ลั่น! แพทองธาร ไม่เหมาะสมจะปฏิบัติหน้าที่นายกฯ ต่อ เป็นภัยต่อความมั่นคงชาติ ทรยศต่อหน้าที่

BRIGHTTV.CO.TH

กัน จอมพลัง พาสำรวจหลักเขตแดนที่ 46 ที่กัมพูชาไม่ยอมรับ

tvpoolonline.com

ข่าวและบทความยอดนิยม

หลวงพ่ออลงกต ตัวท็อปวงการสงฆ์ พระหนึ่งรูป ร้อยเรื่องราว

The Momentum

ตลบหลัง ‘อาหวัง’ ด้วยมีมล้อเลียน เมื่อผู้หญิงรู้ทัน ‘Performative Male’ คือคนเสแสร้ง แค่การแสดงเหมือนนกยูงตัวผู้รำแพนหาง

The Momentum

ในระบบกู้ยาก นอกระบบกู้ง่ายกว่า ถอดปัญหาแอปฯ กู้เงินเถื่อน เหตุใดยังไม่สิ้นซากจากสังคมไทย

The Momentum
ดูเพิ่ม
Loading...
Loading...
Loading...
รีโพสต์ (0)
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...